นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 161 แขกผู้มาเยือน ตอนที่ 2
นครแห่งบาป – City of Sin เล่ม 2 ตอนที่ 161 แขกผู้มาเยือน ตอนที่ 2
ผู้ติดตามของบารอนรีบไปเรียกไนท์ฝึกหัดมาก่อนที่ในท์ฝึกหัดทั้ง 3 จะรีบวิ่งมายืนเคารพตรงหน้าเพียร์เซจในทันที ส่วนบารอนฟอร์ซ่านั้นยังยืนห่างออกไปประมาณร้อยเมตร คงไม่เป็นการดีหากเขาจะเดินตรงเข้าไปในเวลานี้ แต่มันก็ไม่เหมาะสมอีกเช่นกันหากเขาไม่เดินออกไปทักทาย
“คนที่อยู่ในรถม้าเหล่านั้นคือใคร ? แล้วทําไมพวกเจ้าถึงมาที่นี่ ?” เพียร์เซจถามไนท์ฝึกหัดทั้ง 3 คน เสียงของเขาแหบพร่าราวกับเสียงลมที่ผ่านช่องว่างของหินแกรนิตซึ่งฟังแล้วไม่ค่อยจะรื่นหูเท่าไหร่
เหล่าไนท์ฝึกหัดมองหน้ากันก่อนที่ในท์ฝึกหัดผู้มีอายุมากที่สุดจะก้าวออกมาตอบคําถามของบารอน เขาบอกกับบารอนว่าคนที่อยู่ในรถม้าคือสมาชิกในตระกูลของไนท์ติดยศซึ่งริชาร์ดปล่อยพวกเขากลับมาพร้อมกับไนท์ฝึกหัดอีก 2 คน คนเหล่านั้นถูกส่งไปที่เมื่อ งโจเว่น ทว่าในท์ที่ประจําอยู่เมืองโจเว่นก็ไม่รู้ว่าต้องทําอย่างไร
พวกเขาจึงรวบรวมรถม้าทั้ง 10 คันและส่งทหารอีก 200 คนเพื่อให้ส่งพวกเขามาที่เมืองของบารอนได้อย่างปลอดภัย และบารอนฟอร์ซ่าจะเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องนี้ต่อไป
เพียร์เซจพยักหน้า “งั้นข่าวลือที่ข้าได้ยินมาก็คงเป็นเรื่องจริง นี่หมายความว่าพวกเจ้า 2 คนถูกจับเป็นโดยผู้บุกรุกเหล่านั้นก่อนที่พวกมันจะปล่อยออกมางั้นสิ ?”
“ใช่แล้ว ! พวกเรายอมตายดีกว่าที่จะยอมจํานนให้กับคนเหล่านั้น แต่ผู้บุกรุกพวกนั้นอยากให้หญิงสาวชนชั้นสูงเหล่านี้ได้รับการป้องกันที่ปลอดภัยจากอันตราย พวกเขาจึงปล่อยพวกข้าออกมาเพื่อทําหน้าที่ในการดูแลความปลอดภัยให้คนเหล่านี้” หนึ่งใน อดีตเชลยเอ่ยขึ้น
“แล้วที่เหลือล่ะ ? ข้าได้ยินมาว่ามีหลายคนยอมจํานนให้กับพวกนั้นไม่ใช่รึ ?” เพียร์เซจถาม
“เดิมมีพวกเรา 7 คนถูกจับไปเป็นเชลยในขณะที่มี 1 คนตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว แต่นอกเหนือจากเรา 2 คน คนอื่น ๆ ก็ยอมแปรพักตร์ไปอยู่กับผู้บุกรุกหมดแล้ว”
“ดีมาก ข้าเข้าใจแล้ว” เพียร์เซจพยักหน้าอีกครั้งก่อนที่จะเปล่ง เสียงดังออกมา “พวกเจ้าจับ 2 คนนี้ซะ !”
ทหารหลายคนเปล่งเสียงร้องออกมาขณะพุ่งตัวไปด้านหน้าเพื่อจับไนท์ฝึกหัดทั้ง 2 ไว้ พวกเขาสะดุ้งและรีบร้องออกมาว่า “ท่าน ! ได้โปรด พวกข้าซื่อสัตย์ต่อวิหารและบารอน !”
ถึงแม้ว่าทั้งสองจะต่อต้านทว่ากําลังของพวกเขาก็ยังมีน้อยกว่า กองทัพตรงหน้าอย่างมาก พวกเขาถูกตีเข้าที่ท้ายทอยเพื่อให้เงียบ เสียงลงเพราะเพียร์เซจไม่ชอบได้ยินเสียงดังรบกวนที่น่ารําคาญใจ
“ส่งคนที่อยู่บนรถม้าเข้าไปยังปราสาทบารอนฟอร์ซ่า” เพียร์เซจออกคําสั่งไปยังกลุ่มทหารของเขา
ทันทีที่เพียร์เซจหันไปมองฟอร์ซ่า เขาก็เตะที่ข้างลําตัวม้าก่อนที่จะตรงไปยังอีกฝ่ายทันที เขาพยักหน้าก่อนที่จะยิ้มและพูดขึ้นว่า “ลอร์ดฟอร์ซ่าของข้า ดูเหมือนว่าข้าจะให้เจ้ารอนานไปหน่อย” เขาเคาะสายบังเหียนเข้ากับถุงมือโลหะของตนเองในขณะที่พูดราวกับว่าเพิ่งกลับมาจากการไล่ล่า
“ไม่เลย !” ฟอร์ซ่าฝืนยิ้ม ท่าทางของเขาในเวลานี้ค่อนข้างแข็งทื่อเพราะดูเหมือนว่าการทักทายจากฝ่ายตรงข้ามจะไม่ได้เป็นมารยาทที่คนชั้นสูงทํากัน โดยปกติแล้วหากเขาพบกับคนที่มีระดับเช่นเดียวกันก็คงจะไม่แสดงท่าทางที่เกร็งเช่นนี้อย่างแน่นอน
ดูเหมือนว่าเพียร์เซจจะไม่ได้สนใจการทักทายอย่างเป็นทางการเท่าไหร่นักและในเวลานี้สิ่งที่เขาสนใจก็ไม่ใช่ฟอร์ซ่าเช่นกัน เขามองไปรอบ ๆ ก่อนพูดขึ้น “เอาล่ะ ไปเดินดูรอบ ๆ ปราสาทและจัดที่พักให้กับทหารของข้าด้วย อ้อ อีกอย่าง ข้าต้องการดูการไต่สวนนักโทษที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้”
“นักโทษ ?” ฟอร์ซ่าถามด้วยความมึนงง เพราะจากที่เขาจําได้ดูเหมือนว่าจะไม่ต้องมีการไต่สวนใด ๆ เพียร์เซจหันกลับมามองฟอร์ซ่าจนทําให้ฝ่ายตรงข้ามมีเหงื่อซึมทั่วหน้าผาก “ก็นักโทษที่แอบสมคบคิดกับผู้บุกรุกเหล่านั้นไงเล่า !”
ในเวลานั้นฟอร์ซ่าก็แสดงสีหน้าที่ไม่พอใจทันที
หลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมง การพิจารณาคดีก็ถูกจัดขึ้นในห้องโถงของบารอนโดยผู้ที่ถูกไต่สวนในครั้งนี้คือไนท์ฝึกหัด 2 คนที่ถูกปล่อยกลับมาจากการจับกุมของผู้บุกรุก เหล่าภรรยาของไนท์ที่ล่วงลับไปแล้ว ภรรยารอง 7 คน บุตรสาวที่บรรลุนิติภาวะแล้ว 6 คน และเด็กอีก 11 คน จริง ๆ แล้วยังมีบุตรชายที่บรรลุนิติภาวะอยู่อีก 3 คนแต่พวกเขาถูกกองกําลังของริชาร์ดสังหารไปแล้ว ในระบบชนชั้นสูง พวกเขาถือเป็นเชื้อสายหลักที่จะสืบทอดตระกูลในอนาคตซึ่งนั่นทําให้ริชาร์ดไม่สามารถปล่อยคนเหล่านั้นให้กลับมาได้ ทว่าสําหรับบุตรชายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะไม่ได้เป็นจุดสนใจสําหรับริชาร์ดเพราะเขาคิดว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากังวลอะไรและอีกอย่าง เขาก็ไม่อยากฆ่าเด็กด้วย
และเมื่อถึงเวลาที่เด็กเหล่านั้นเติบโตขึ้น ริชาร์ดคิดว่าเขาก็คงจะยึดดินแดนนี้ได้อย่างสมบูรณ์แล้วและคนเหล่านั้นก็คงจะไม่กล้ายุ่งกับเขาอีก ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นเขาเองก็ยังมีความปรารถนาที่จะกลับหัวแลนด์ทว่าหากเขาไม่สามารถกลับไปได้จริง ๆ เขาก็คงจะกลายเป็นขี้เถ้าอยู่ในเพลนแห่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้ไต่สวนของการพิจารณาคดีในครั้งนี้คือบารอนฟอร์ซ่าไนท์ ฝึกหัด 2 คนที่มีชีวิตรอดกลับมาจากการจับกุมถูกส่งตัวเข้ามาในห้องสอบสวนพร้อมด้วยคนในตระกูลของเหล่าในท์ที่เสียชีวิตไปแล้ว ทุกคนที่มีความสําคัญภายในเมืองต่างก็มารวมตัวกันจนทําให้ในห้องโถงมีผู้คนจํานวนมาก
เพดานของห้องโถงที่มีแสงสลัวอยู่สูงจากพื้นอย่างมากจนทําให้ในห้องแห่งนี้ค่อนข้างมืด คบเพลิงที่ให้แสงสว่างอยู่ด้านข้างไม่ได้ ช่วยให้ในห้องนี้สว่างขึ้นมาเลยและมันกลับทําให้ห้องดูน่ากลัวเพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วยซ้ํา ในเวลานี้บารอนฟอร์ซ่านั่งอยู่ด้านหน้าโดยมีเพียร์เซจที่สวมเสื้อคลุมสีดํานั่งอยู่ข้าง ๆ เขาอย่างผ่อนคลายทว่า ฟอร์ซ่ารู้ดีว่าหากเขาไม่ปฏิบัติตามคําขอของฝ่ายตรงข้าม สิ่งที่ตามมาก็คงจะรุนแรงอยู่เหมือนกัน เมื่อ 5 ปีก่อน ตระกูลของบารอนโลว์รี่ถูกกําจัดออกไปแต่ในเวลานั้นเจย์ลีออนทําได้เพียงแค่ด่าทอ และปรับเพียร์เซจในความผิดพลาดของเขาเท่านั้น ทว่าในตอนนี้คร งหนึ่งของศักดินาของตระกูลโลว์ก็ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของเพียร์เซจ
ฟอร์ซ่านั่งฟังเรื่องของเหล่าในท์ฝึกหัดและภรรยาของเซอร์โคโจ อย่างไร้อารมณ์ก่อนจะมองไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาที่กําลังฟังเรื่องราวอย่างเงียบ ๆ เช่นกันและจากนั้นเขาก็มองไปยังเพียร์เซจขณะลูบกรามของตนเองไปมาในขณะที่สายตายังคงหรี่ ลงอยู่ครึ่งหนึ่งราวกับคนที่กําลังง่วงนอน หากใครได้จ้องมองไปทีตาของเขา คนเหล่านั้นจะไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าบารอนผู้นี้กําลังคิดอะไรและกําลังจ้องมองอะไรอยู่
ภายในห้องโถงไร้ซึ่งเสียง แม้แต่หญิงสาวที่ถูกจับเข้ามาในห้องสอบสวนต่างก็ไม่มีใครกล้าเปล่งเสียงร้องออกมาเพราะเป็นที่รู้กันดี ว่าเพียร์เซจชื่นชอบในความเงียบและความสงบ หากมีใครคิดที่จะรบกวนความสงบของเขาก็จะต้องเจอกับผลลัพธ์ที่น่ากลัว
เพียร์เซจไม่ได้เป็นเพียงแม่ทัพระดับสูงภายใต้เอิร์ลเจย์ลีออนเท่านั้นเพราะเขายังเป็นหลานชายของเอิร์ลด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีข่าวลือบางกระแสที่พูดกันว่า “เขาเป็นบุตรนอกสมรสของเอิร์ลต่างหาก ไม่ว่าเขาจะมีความชื่นชอบที่แปลกประหลาดหรือมี ประวัติการฆ่าคนจํานวนมหาศาลเพียงไร เขาก็ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของเอิร์ลหากมองจากอีกมุม และต่อให้เขาจะไม่มีสายเลือดที่เกี่ยวข้องกับเอิร์ลทว่าเมื่อเทียบกับคนที่เป็นยอดฝีมือระดับ 15 ที่มีความเชี่ยวชาญภายในไวท์ร็อคดัชชี่แล้ว คนที่เหมาะสมกับการเป็นผู้นํากองทัพก็ยังคงเป็นบารอนเพียร์เซจอยู่ดี
มีแม่ทัพอีก 2 คนที่อยู่ใต้การบังคับบัญชาของเอิร์ลเจย์ลีออน พวกเขาเป็นยอดฝีมือระดับ 15 ที่มีความแข็งแกร่ง ทว่าเพียร์เซจเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถนํากองทัพออกต่อสู้ได้ด้วยตัวของเขาเอง ดังนั้นเขาจึงเป็นคนสุดท้ายที่ฟอร์ซ่าอยากจะพบ ในความเป็นจริงแล้วเป็นเพราะความเป็นเอกลักษณ์และกําลังของเพียร์ เซจจึงทําให้บารอนฟอร์ซ่าไม่ต้องการเป็นศัตรูหรือเป็นปฏิปักษ์กับเขา และเขาเองก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธคําร้องขอจากเพียร์เซจได้ เช่นกัน หากคนผู้นี้เป็นคนธรรมดา ๆ คนนึง ฟอร์ซ่าก็คงจะได้เป็นไวเคานต์ไปตั้งนานแล้ว
ความต้องการของเพียร์เซจไม่สมเหตุสมผลเลยแม้แต่น้อยเพราะ มันทําให้ฟอร์ซ่าไม่มีแม้แต่เวลาเตรียมตัวในการไต่สวนที่จะเกิดขึ้นด้วยซ้ํา
ดวงตาของเพียร์เซจที่ยังคงหรี่ลงครึ่งหนึ่งกวาดมองไปที่คนเหล่านั้นทว่าเขากลับไม่หันมามองฟอร์ซ่าเลยแม้แต่น้อย ฟอร์ซ่ารู้ดีว่าการตัดสินครั้งนี้ไม่สามารถที่จะหลบหนีได้ เขาจึงทําได้เพียงกัดฟันแน่นและชี้นิ้วไปยังเหล่าไนท์ฝึกหัดที่อยู่ตรงหน้าพร้อมพูดด้วยน้ําเสียงนิ่งว่า “เจ้า… เจ้าสมคบคิดกับปีศาจเหล่านั้น มันไม่มีความจํา เป็นที่จะต้องอธิบายอะไรอีก เจ้าจะต้องถูกทําโทษโดยการแขวนคอ
เมื่อการตัดสินเกิดขึ้น เสียงโห่ร้องในห้องโถงก็ดังขึ้นทันที