นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 153 การแก้แค้น
นครแห่งบาป – City of Sin เล่ม 2 ตอนที่ 153 การแก้แค้น
ริชาร์ดเต็มไปด้วยพลังงานและความสดใสขณะที่เขาและโฟลว์แซนด์กําลังเดินออกจากป่าไป ในเวลานี้เขาไม่ได้รู้สึกว่าเพลนแห่งนี้ ถูกปกคลุมไปด้วยสีเทาอีกแล้ว เขาคิดถึงความสัมพันธ์ของเขา และนางอย่างลึกซึ้งก่อนที่จะพบว่าทุกอย่างเต็มไปด้วยอุบัติเหตุและความผิดพลาด
– ในวันก่อนที่พวกเขาจะกลับไปยังหัวแลนด์ – นั่นไม่ใช่แค่คําสัญญา ทว่ามันเป็นเหมือนข้อตกลงระหว่างพวกเขาทั้งสอง แต่ถึงอย่างไรเมื่อเวลานั้นมาถึงเขาเองก็ไม่รู้ว่าทุกอย่างจะไปถึงขั้นนั้นได้ หรือไม่
เขาครุ่นคิดถึงเรื่องนั้นตลอดระยะทางที่เดินกลับค่าย แต่มันกลับไม่ได้ทําให้เขารู้สึกถึงความกระจ่างชัดได้เลย ปัญหานี้ดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาที่แม้แต่พรแห่งสติปัญญาของเขาก็ไม่สามารถช่วยแก้ไขได้ ดังนั้นตอนนี้ข้อความจากบรู้ดมาเธอร์ที่ส่งมาจึงอยู่นอกเหนือความสนใจของเขาไปชั่วขณะ
“ข้าจับทร็อกก์ได้แล้ว แต่มี 2 ใน 3 ของเหยื่อสามารถหนีออกไปได้” ข่าวจากบรู้ดมาเธอร์ถูกส่งมาหาเขาเมื่อ 10 นาทีที่แล้ว
“ข้ามีแร็พเตอร์ชุดที่ 3 ติดตามข้าแล้ว มันช่วยให้ข้ามีประสิทธิภาพในการล่าที่มากขึ้น” ข้อความถูกส่งมาเมื่อ 5 นาทีที่แล้ว
“ข้าได้พบรังของหมีปีศาจหลังขาวแล้ว” ข้อความถูกส่งมาเมื่อ 1 นาทีที่แล้ว
การเสียสมาธิของริชาร์ดทําให้เขาไม่ได้รับรู้ข้อมูลการล่าของบ รู้ดมาเธอร์เลย ซึ่งเมื่อบรัดมาเธอร์ไม่ได้รับข้อความตอบกลับหลัง จากที่มันส่งข่าว มันจึงคิดว่าบนเขาแห่งนี้คงไม่มีศัตรูที่ต้องระวัง ริชาร์ดก็เลยไม่จําเป็นที่จะต้องบอกให้ระมัดระวังอีกต่อไป
หลังจากกลับมาถึงค่าย ริชาร์ดก็ลืมเรื่องที่อยู่ในสมองของเขาก่อนที่ความกล้าหาญของเขาจะกลับมาอีกครั้ง ทว่าเขายังรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ความวิตกกังวลรวมถึงความคิดที่อยู่ในหัวของเขามีมากเสียจนทําให้เขาแทบจะนอนไม่หลับ เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงลุกขึ้นมานั่งศึกษาแผนที่อีกครั้ง เขารู้สึกราวกับว่าเวลาในยามค่ําคืนได้ยึดขยายความคิดเกี่ยวกับแผนการของเขาออกไป ในขณะที่สายตาของเขาเริ่มจ้องมองไปที่เมืองเล็กๆบนแผนที่สลับกันไปมา
เวลาค่อยๆผ่านไป ริชาร์ดและโฟลว์แซนด์แสดงท่าทางราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นและโอล่าก็ดูเหมือนมีท่าทีระมัดระวังอะไรบางอย่าง เขาไม่ได้เรียกหาหญิงสาวผู้นั้นอีกแต่เขาก็ยังพยายามที่จะหาโอกาสนําอาหารพิเศษไปมอบให้กับนาง ซึ่งริชาร์ดก็แสร้งทําเป็นไม่สนใจในสิ่งที่เขาทํา
บ่ายของวันที่ 3 มาร์วินเดินทางมาถึงค่ายริมทะเลสาบโดยเขา เอาแผนผังปราสาทของบารอนฟอร์ซ่ามาด้วยซึ่งนั่นสร้างความประหลาดใจให้กับริชาร์ดเป็นอย่างมาก แม้ว่าเคลริคเสื่อมเสียผู้นี้จะหวาดกลัวต่อเทพเจ้ามากเกินไปก็จริง ทว่าเขาก็ยังมีข้อดีอยู่ตรงที่ในเวลานี้เขาถือเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและผู้ที่ทําการเจรจาต่อรองให้กับริชาร์ดได้เป็นอย่างดี
หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่งริชาร์ดก็ตัดสินใจนําจดหมายจากเซอร์โคแคทไปให้บารอนฟอนเทน เพื่อที่จะดูว่าเขาจะสามารถติดต่อกับดยุกไดร์วูล์ฟได้หรือไม่
ในวันที่สี่ แกงดอร์ได้นําข่าวที่ริชาร์ดรอคอยกลับมา ฟอร์ซ่าปฏิเสธที่จะไถ่ตัวครอบครัวของโคโจและลงมือจัดการกับคนส่งข่าวที่มาจากริชาร์ดก่อนจะแขวนศพของคนเหล่านั้นไว้ตรงประตูทางเข้าของเมืองโจเว่น พร้อมเขียนข้อความประนามเอาไว้ด้านข้าง บนป้ายมีข้อความที่ถูกเขียนไว้ด้วยเลือดโดยมีเนื้อหาเตือนว่า: ใครก็ตามที่กล้าร่วมมือกับปีศาจเหล่านั้น จะต้องพบกับชะตากรรมที่ทุกข์ทรมานเช่นเดียวกับคนเหล่านี้
ข่าวถูกแพร่กระจายออกไปทั่วค่ายชั่วคราวของริชาร์ดอย่างรวดเร็ว หญิงสาวและเด็กที่ถูกจับตัวมาต่างพากันร้องห่มร้องไห้จนทําให้ในท์อาเครอนต้องมาปิดปากพวกเขาไว้เพื่อให้เงียบเสียงลง เหล่าทหารแสดงท่าทางที่แตกต่างกันออกไปทว่าส่วนใหญ่ต่างพากันตกตะลึงและเงียบกันไปครู่หนึ่งก่อนที่จะกระซิบคุยกับคนข้างๆ
พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความสิ้นหวังเพราะต่อให้เป็นทหารก็ไม่ได้หมายความว่าจะไร้ซึ่งความกลัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรู ในเวลานี้ไม่มีทางใดที่จะสามารถหลบหนีได้อีกแล้ว การที่ต้องเผชิญหน้ากับความน่าสะพรึงกลัวและความยิ่งใหญ่ของบารอนฟอร์ซ่าและเอิร์ลเจย์ลีออน ทําให้ใบหน้าของพวกเขาถอดสีไปโดยปริยาย
“เราจะทํายังไงต่อไป ?” แกงดอร์ถามขึ้นด้วยเสียงอันดังโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าเสียงของเขาจะดังไปทั่วค่ายแห่งนี้หรือไม่
“จะทํายังไงงั้นรึ ?” ริชาร์ดหัวเราะออกมา “เราจะยังทําอะไรได้อีก? นอกเสียจากว่าจะไปสั่งสอนฟอร์ซ่าให้พวกเขาได้รับบทเรียนที่ไม่รู้ลืม! และในระหว่างทางเราจะหาหญิงสาวร่วมเดินทางไปกับเราด้วย!”
ริชาร์ดเริ่มมอบหมายงานให้แต่ละคนทันที เขาเลือกที่จะทิ้งไนท์และทหารอีก 10 คนให้เฝ้าเชลยของพวกเขาไว้ ในขณะที่คนอื่นๆที่เหลือจะต้องออกเดินทางไปพร้อมกับเขา เป้าหมายแรกของพวกเขาคือเมืองโจเว่นโดยที่มีโยเมนเป็นผู้นําทางในครั้งนี้ ขณะที่เดินทางอยู่นั้น เสียงของเหล่ากองทัพดูเงียบเป็นพิเศษ เพราะในเวลานี้ทุกคนตระหนักได้ถึงความมุ่งมั่นที่ผิดปกติและความกระหายเลือดของริชาร์ด
ทว่าหากใครรู้จักริชาร์ดดี คนผู้นั้นก็จะรู้ได้เลยว่าริชาร์ดไม่ได้โกรธกับเรื่องที่ทหารที่ไปส่งสารของเขาถูกฆ่าตาย เพราะเขาได้คาดการณ์เรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว ดังนั้นคําถามที่เกิดขึ้นในเวลานี้คือ อะไรเป็นสิ่งที่ทําให้ริชาร์ดเปลี่ยนไปขนาดนี้?
แต่ดูเหมือนว่าคําถามนั้นจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับคําตอบ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เมื่อแกงดอร์เห็นเหล่าแร็พเตอร์ที่เคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น ทว่าในเวลานี้มีเพียงโฟลว์แซนด์และวอเตอร์ฟลาวเวอร์เท่านั้นที่ไม่มีความกังวลใดๆ เพราะโฟลว์แซนด์เคยเห็นบรัดมาเธอร์มาก่อน ในขณะที่วอเตอร์ฟลาวเวอร์กลับไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เป็นศัตรูของนาง ช่วงเวลา 3 ทุ่มเป็นช่วงเวลาที่คนในหมู่บ้านที่ห่างไกลเข้านอน โรงแรมที่อยู่ในเมืองโจเว่นยังคงมีชีวิตชีวา ทว่าบ้านแต่ละหลังกลับไม่มีแสงไฟใดๆ เล็ดลอดออกมา ช่วงไม่กี่วันก่อน แม้แต่ครอบครัวที่ไม่คุ้นชินกับการเข้านอนตั้งแต่หัวค่ําต่างก็พากันปิดประตูและไฟในบ้านทันทีที่ฟ้าเริ่มมืด
บารอนออกคําสั่งให้ทหารกว่า 100 คนเข้ามาประจําการภายในเมืองโจเว่น แม้ว่านักสู้เหล่านี้จะไม่สามารถกําจัดหรือต่อต้านปีศาจหรือสัตว์ประหลาดได้ แต่พวกเขาก็เก่งกาจในการกดขี่ข่มเหงชาวบ้าน แกนนําที่สําคัญของการปกครองในเพลนแห่งนี้จะต้องปฏิบัติตามลอร์ดของพวกเขาในขณะที่ลอร์ดจะเป็นผู้รับผิดชอบในการปกป้องประชาชน การที่ลอร์ดของเมืองหายไปรวมถึงตระกูลของเขา ก็กําลังถูกลักพาตัวทําให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นอิสระจากการถูกกดขี่ข่มเหง
“ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทําให้ข้าผิดหวังเมื่อข้ากลับมา… เมื่อการนองเลือดและเสียงกรีดร้องเกิดขึ้นอีกครั้ง คําพูดของริชาร์ดที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ก็กลับมาหาพวกเขาอีกครั้ง ซึ่งคําพูดเหล่านั้นยังคงดังก้องอยู่ในหูและไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะกลับมาได้เร็ว
แต่ในตอนนี้ทุกอย่างดูแตกต่างไปจากครั้งแรกที่เขามา ประชาชนรู้สึกโล่งใจและผ่อนคลายโดยที่บางคนถึงกับรู้สึกดีใจด้วยซ้ํา แต่ก็ไม่สามารถที่จะแสดงออกมาตรงๆได้ ทว่าอย่างน้อย พวกเขาก็จะได้เห็นทหารที่กดขี่พวกเขาได้รับบทเรียนอย่างเหมาะสม
ทหารจํานวนเกือบร้อยคนน่าจะก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อกองทัพของริชาร์ด แม้ว่าพวกเขาจะเป็นวอริเออร์ธรรมดาที่ไม่มีในท์ร่วมอยู่ในกองกําลัง และหัวหน้ากองทัพของพวกเขาก็อยู่แค่ระดับ 6 เท่านั้น ทว่าในฐานะกองทัพ พวกเขาก็ถือว่าค่อนข้างที่จะสมบูรณ์เพราะพวกเขามีทหารราบและเหล่าอาเชอร์จึงสามารถป้องกันเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรืออย่างน้อยผู้ที่บุกมาย่อมต้องเจอกับปัญหาอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าอุปสรรคเล็กๆน้อยๆเช่นนั้นไม่เคยเกิดขึ้น เพราะพวกเขาไม่ได้เตรียมตัวที่จะมารับมือกับการโจมตีที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้เลย มากกว่าครึ่งของทหารต่างก็กําลังนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ในโรงเหล้าจนเรื่องราวเกิดขึ้นก็เมื่อริชาร์ดเดินทางมาถึงพร้อมกับเข้าประชิดคนเหล่านั้น พวกเขาไม่สามารถที่จะหลบหนีไปไหนได้ จนกลายเป็นการสังหารหมู่ไปในชั่วพริบตา 1 ใน 3 ของทหารถูกจับกุม ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งถูกฆ่าตาย แต่ก็ยังมีบางส่วนหลบหนีจากการโจมตีไปได้ ริชาร์ดคาดการณ์เรื่องนี้ไว้ก่อนที่เขาจะเริ่มการโจมตี แล้วดังนั้นสิ่งที่เขาคิดจึงไม่ได้ผิดเพี้ยนไปสักเท่าไหร่นัก ในเวลานี้ เขาสามารถที่จะอ่านสนามรบได้อย่างเฉียบขาด ตราบใดที่เขามีข้อมูลในมือมากพอ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะไม่ผิดไปจากการคาดการณ์ของเขาอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าจะมีคนหนีเอาตัวรอดออกไปได้ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้โชคดีเท่าไหร่นัก เพราะภายในที่มืดมิดที่พวกเขาก้าวเท้าออกไปมีเหล่าแร็พเตอร์ 9 ตัวดักซุ่มรอคอยเพื่อโจมตีอยู่… ริชาร์ดได้ส่งคนของเขา 10 คนให้ไปกระจายข่าวออกไปทั่วทุกที่เพื่อเป็นสัญญาณให้ฟอร์ซ่า รู้ว่าในเวลานี้เขาได้กลับมายังเมืองโจเว่นแล้ว
การต่อสู้เรียกได้ว่าแทบจะสิ้นสุดลงทันที่ที่มันเริ่มต้นขึ้น กองกําลังของริชาร์ดสามารถจัดการศัตรูหลายสิบคนได้อย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายล้มตายลงราวกับใบไม้ร่วง ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือต่างก็ถูกทําให้หมดสติไป คนที่ตายจํานวน 30 คนล้วนเกิดจากการที่พวกเขาไม่สามารถทนต่อความรุนแรงของพวกริชาร์ดได้ และริชาร์ดคือหนึ่งในคนที่พลั้งมือฆ่าพวกเขาไป
สิ่งแรกที่ริชาร์ดทําหลังจากเดินทางเข้าสู่ค่ายทหารคือการร่ายคาถาไฟร์บอลโดยการชะลอความเร็วในการระเบิดลง 5 วินาที แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเพราะไฟร์บอลของเขามีการระเบิดก่อนเวลา แต่การระเบิดที่เกิดขึ้นนี้ก็สามารถทําให้ไฟลุกท่วมไปทั้งศีรษะของเหล่าทหารลาดตระเวนได้ แน่นอนว่าแกงดอร์และโอเกอร์ก็ดุร้ายไม่แพ้กัน อาวุธของพวกเขาต่างแกว่งไปมาและเอาชีวิตของศัตรูไปได้ไม่น้อย
สุดท้ายแล้วเมืองโจเว่นก็ถูกครอบครองอีกครั้ง และในตอนนี้ก็ไม่มีประชาชนในเมืองคนใดกล้าที่จะออกมาเดินตรงถนนแม้แต่คนเดียว ริชาร์ดสั่งให้คนนําร่างของทหารเหล่านั้นไปเผาทิ้งพร้อมทั้งนําป้ายเตือนของบารอนไปเผาให้ไม่เหลือซากเช่นกัน พวกเขาเดินทางออกไปพร้อมกับเหล่าเชลยชุดใหม่อย่างเงียบๆ และทิ้งศพกว่า 10 ศพไว้ตรงพื้นที่เต็มไปด้วยเลือดที่ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง
แม้ว่าอาณาเขตของบารอนจะไม่ได้มีขนาดเล็กทว่าเมืองหลัก ต่างก็เชื่อมโยงเข้ากับถนน ม้าเร็วสามารถเดินทางมาถึงเมืองหลวงได้โดยใช้เวลาแค่ 3 ชั่วโมงซึ่งมากพอที่จะทําให้เหล่าทหารที่หลบหนีมาสามารถนําข่าวของริชาร์ดมาแจ้งให้บารอนทราบได้
ผู้บัญชาการที่ดูแลกองทัพไม่ยินยอมที่จะส่งกองกําลังไปให้ความช่วยเหลือและเขาก็ยืนยันที่จะรอคําสั่งจากบารอนเท่านั้น ดูเหมือนว่าเวลาที่เร็วที่สุดที่จะสามารถส่งกองทัพออกไปได้คือรุ่งเช้าของวันพรุ่งนี้
รุ่งเช้างั้นรึ? ถ้าเป็นเช่นนั้นปีศาจเหล่านั้นก็คงจะหนีไปกันจนหมดแล้ว บารอนได้สั่งไว้ว่าห้ามรบกวนขณะที่เขากําลังนอนหลับ เพราะช่วงเวลาไม่กี่วันนี้เขาไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ หากมีปัญหาอะไรก็ให้ถกเถียงหรือปรึกษากับพ่อบ้านไปก่อน แม้จะมีแสงไฟเล็ดลอดออกมาจากห้องทํางานของฟอร์ซ่า แต่คนที่ฉลาดมากพอย่อมรู้ว่าควรจะเพิกเฉยต่อแสงเหล่านั้น