นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 121 การทำลายล้าง ตอนที่ 1
ริชาร์ดกลืนแอลกอฮอล์ในขวดเข้าไปอย่างรวดเร็วจนทำให้เขารู้สึกร้อนวาบขึ้นในท้อง และทันทีที่ของเหลวเข้าสู่ร่างกายนั้น เขาก็รู้สึกดีขึ้นอย่างมากก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมาด้วยความยากลำบากและเอ่ยขึ้น “หยุดเถียงกันซักที ! โอล่าอยู่ไหน ?”
“ข้าได้ยินเสียงเขาดังมาจากทางนู้น” แกงดอร์ตอบกลับ “ข้าจะไปดูเขาให้เอง” พูดจบเขาก็รีบพุ่งตัวไปในป่าลึกเพื่อหาโอล่าในทันที
ริชาร์ดส่ายหน้าและยิ้มออกมา เขาสั่งทหารคนอื่น ๆ ที่เหลือที่ยังพอมีพละกำลังให้ออกตระเวนไปตามสนามรบแห่งนี้ และมอบหน้าที่ให้โอเกอร์ทั้งสองรักษาการณ์รอบ ๆ บริเวณที่นี่เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีศัตรูหลงเหลืออยู่อีก ความสามารถในการได้กลิ่นของพวกมันมีประโยชน์อย่างมากสำหรับหน้าที่นี้
ขณะนี้ฝ่ายศัตรูได้รับความเสียหายค่อนข้างหนัก มีวอริเออร์จำนวนมากกว่า 50 คนที่ต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เพียงเพราะต้องการที่จะฆ่าคนในทีมของริชาร์ด ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงครั้งนี้นั้นกลับแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเหล่าไนท์ภายในกลุ่มของริชาร์ดได้เป็นอย่างดี พวกเขาสามารถรับมือกับศัตรูได้ด้วยพลังอันแข็งแกร่ง ซึ่งนั่นสร้างความตกตะลึงให้กับริชาร์ดอยู่ไม่น้อย
หลังจากที่โฟลว์แซนด์เสร็จภารกิจในการรักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว นางก็เดินกลับมาหาริชาร์ด ใบหน้าของนางดูซีดเซียวเนื่องจากสูญเสียพลังไปมาก เขาสังเกตนางอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีคาถาศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนเลยนะ”
โฟลว์แซนด์มองมาที่เขาก่อนตอบกลับเป็นคำถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส “ก่อนหน้านี้ข้าเห็นใครบางคนเรียกหมูป่าที่บ้าคลั่งออกมาถึง 4 ตัว เทพแห่งเวทมนตร์องค์ใดกันที่มอบพรสวรรค์ให้แก่เจ้าจนถึงขั้นสามารถเรียกหมูตั้ง 4 ตัวให้ออกมาได้ ?”
ปกติแล้วคาถาอัญเชิญระดับ 4 สามารถเรียกหมู่ป่าออกมาได้เพียง 1–2 ตัวเท่านั้น แม้ว่าจะมีการปรับปรุงคาถาไปจากเดิม เต็มที่ก็ยังสามารถเรียกหมูป่าได้เพียง 3 ตัวอยู่ดีหากไม่มีการใช้วิธีการพิเศษช่วย แม้กระทั่งเกรทเมจก็ยังไม่สามารถที่จะเรียกหมู่ป่าออกมาได้ถึง 4 ตัวโดยการใช้คาถาระดับ 4
ริชาร์ดหัวเราะ เขาไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมเมื่อเห็นว่าโฟลว์แซนด์ยังมีพลังมานาหลงเหลืออยู่
ไม่นานนักริชาร์ดก็ได้รับรายงานสถานการณ์ล่าสุดจากการออกตระเวนของเหล่าทหารของเขาว่าในเวลานี้มีศัตรูตายไป 69 คนรวมถึงโคโจด้วย นอกจากผู้ที่ตายแล้วยังมีเชลยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 10 คน และไม่ได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน ซึ่งจำนวนทั้งหมดนี้เมื่อนำมารวมกันแล้วมีจำนวนมากกว่า 70 คนเลยทีเดียว
หลังจากนั้นไม่นานแกงดอร์ก็เจอกับโอล่าที่หมดสติอยู่ในป่าโดยมีลูกธนูปักอยู่ตรงร่างของเขา โชคดีที่โฟลว์แซนด์ใช้พลังส่วนสุดท้ายของนางที่หลงเหลืออยู่เพื่อร่ายคาถาช่วยชีวิตของเขาได้ทันการ
3 ใน 10 ของเหล่าไนท์ที่มาเพลนนี้พร้อมริชาร์ดต้องจบชีวิตลงหลังจากที่เกิดการต่อสู้กับพวกของโคโจ ในขณะที่มีอีก 2 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากตรวจสอบบริเวณโดยรอบแล้ว พวกเขาก็รีบเดินไปหาของที่ถูกส่งมาพร้อมกับการเทเลพอร์ตของพวกเขาทันที ในนั้นมีชุดเกราะ 2 ชุด กล่องอาวุธ และวัสดุอุปกรณ์เวทมนตร์ ริชาร์ดรีบรุดไปเปิดกล่องก่อนใครเพื่อที่เขาจะได้ติดอาวุธให้กับผู้รอดชีวิตในกลุ่มของเขา
เป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาอย่างมากที่จะหาเบาะแสเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะไม่ว่าจะเป็นเชลยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยต่างก็ยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรให้พวกเขาฟังทั้งสิ้น แต่โชคดีที่คำด่าที่หลุดออกมาจากปากพวกเขายังสามารถให้ข้อมูลได้บ้าง และจากที่ริชาร์ดได้รู้มาจากปากคนเหล่านั้นคือพวกนั้นได้รับสัญญาณเตือนว่ามีผู้บุกรุก เหล่าทหารจึงออกมาโดยมีโคโจเป็นไนท์ผู้รับผิดชอบในการลาดตระเวน ซึ่งเมื่อเขาตายไป หลังจากนี้ผู้ที่จะมาที่นี่อาจจะเป็นถึงคนในระดับบารอน
นี่หมายความว่าการเผชิญหน้ากันของเหล่าทหารมีการวางแผนมาก่อนหน้านี้แล้วจึงทำให้พวกเขาถูกโจมตีในทันทีที่มาถึง ทั้งทีมของริชาร์ดต่างก็กระจายกันไปตั้งแต่แรก ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาแต่ละคนต่างก็มีความสามารถสูง พวกเขาก็อาจจะถูกกวาดล้างไปแล้ว
ความคิดของริชาร์ดผุดขึ้นมามากมายก่อนที่เขาจะหันไปมองโฟลว์แซนด์ซึ่งคิ้วของนางกำลังขมวดอยู่เช่นกัน ในเพลนแห่งนี้มีเทพเจ้าของพวกเขาเองและศัตรูของพวกเขาก็มีศรัทธาอันแรงกล้า ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับนักบวชอย่างนางหรือแม้แต่ริชาร์ดเท่าไหร่นัก เพราะในเวลานี้มันหมายถึงว่าเขาจะต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของที่นี่ให้ได้ ทันใดนั้นเอง ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเขา
“แล้วฐานที่ตั้งของเรามันอยู่ตรงไหน ?” เขาถาม เพราะในความเป็นจริงแล้วจุดสิ้นสุดของเทเลพอร์ตควรจะส่งพวกเขาไปในที่ที่มีการตั้งฐานไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ทว่าในเวลานี้มันกลับส่งพวกเขาเข้ามาในป่าแทน
ขณะนั้นหนึ่งในทหารของริชาร์ดที่ส่งออกไปสำรวจรอบ ๆ ก็กลับมาพอดี เขาเริ่มรายงานด้วยเสียงแผ่วเบา “มาสเตอร์ริชาร์ด ข้าได้ค้นพบที่ตั้งแล้ว แต่… ไม่มีใครอยู่ในนั้นเลยแม้แต่คนเดียว !”
ที่ตั้งของพวกเขาอยู่ห่างออกไปจากที่ที่พวกเขาอยู่เพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น แต่จากการอธิบายของทหารผู้นั้นยังไม่ชัดเจนมากพอจึงทำให้ริชาร์ดตัดสินใจว่าเขาจะไปดูด้วยตัวของเขาเอง ทว่าถ้าเขาไปถึงที่แห่งนั้นแล้วแต่เขายังไม่สามารถเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้ เขาก็ยังมีโฟลว์แซนด์ที่จะคอยช่วยอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขามาถึงที่ตั้งที่ทหารผู้นั้นบอก พวกเขาก็ต้องกับงุนงงกับสิ่งที่เห็น
ที่ตั้งแห่งนี้มีขนาดเล็กพอ ๆ กับหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปคือชั้นความสูงของมัน ตรงกลางมีหอคอยสำหรับผู้เฝ้าสังเกตการณ์และอาเชอร์ซึ่งมีพื้นที่ไว้สำหรับ 3 คนเท่านั้น มันตั้งอยู่โดยมีกำแพงสูงล้อมรอบแต่แม้ว่าจะมีกำแพงสูงก็ยังสามารถมองเห็นหอคอยที่อยู่ตรงกลางได้ง่าย ๆ และหากสังเกตให้ดี ๆ พวกเขาก็จะมองเห็นอักขระที่ถูกฝังไว้บนบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายกับนาฬิกาทราย หลังคามีลักษณะแบนราบเพื่อไว้สำหรับวางคบเพลิงที่ได้มาจากเปลวไฟนิรันดรแห่งกาลเวลา สิ่งนี้ก็คือประภาคารแห่งกาลเวลาซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่สำคัญที่สุดภายในนี้ที่สามารถนำทางพวกเขาได้
เมื่อเดินเข้ามาภายในค่ายแห่งนี้พวกเขาก็พบกับความว่างเปล่าที่น่าขนลุก เปลวเพลิงแห่งกาลเวลาดับลงไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบได้ ประตูก็เปิดออกกว้างราวกับไม่ได้ต้องการปกปิดจากศัตรูที่จะเข้ามาโจมตี ในนี้มีกระท่อมหลายหลังที่ถูกเปิดออกให้เห็นด้านใน ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีใครทำอะไรกับมันมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
ทันทีที่ริชาร์ดกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปข้างใน เขาก็ถูกวอเตอร์ฟลาวเวอร์รั้งเอาไว้ นางกระโดดขึ้นไปบนกำแพงพร้อมด้วยดาบในมือก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ และเมื่อกวาดสายตามองทุกอย่างอย่างดีแล้ว นางก็พยักหน้าและกระโดดนำเข้าไปในนั้น
แกงดอร์เดินตามนางเข้าไปข้างในโดยถือโล่ไว้ในมือซ้ายและขวานยักษ์ในมือขวา ในขณะที่มีเดียมแรร์และทีรามิสุก็เดินตามเข้าไปติด ๆ พร้อมคาถาไอรอนสกินที่ถูกร่ายออกมาเตรียมไว้ และนั่นก็ใช้เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันเป็นเมจจริง ๆ
หลังจากที่ทุกคนเดินเข้าไปแล้ว โฟลว์แซนด์ก็ปล่อยมือจากริชาร์ดโดยยังคงเดินตามเขาเข้าไปข้างในทว่ามือของนางจับเสื้อคลุมของเขาไว้แน่น
“หืม… เจ้ากลัวรึ หรือว่าเป็นห่วงว่าข้าจะเป็นอะไรไป ข้าไม่ได้สำคัญขนาดนั้น !” ริชาร์ดยิ้มให้โฟลว์แซนด์
“ถ้าเจ้าตาย วอเตอร์ฟลาวเวอร์รวมถึงทุกคนก็จะต้องสูญเสียพลังไปจนหมด” โฟลว์แซนด์กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม
“เหตุใดเจ้าจึงกังวลถึงเรื่องนั้นนัก ?” ริชาร์ดถามหาเหตุผลจากนาง
“ก็มังกรนิรันดรและกาลเวลาให้ความสำคัญกับเจ้ามากกว่าข้า เพราะฉะนั้นข้าไม่สามารถปล่อยให้เจ้าตายได้” โฟลว์แซนด์ตอบอย่างจริงจัง
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นริชาร์ดก็ไม่รู้ว่าเขาควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ก่อนดี เขาเลือกตอบกลับไปด้วยท่าทางที่เคร่งขรึมว่า “แต่ตามนิสัยของข้า ข้าไม่ได้อยากจะให้ผู้หญิงมาปกป้องข้าเท่าไหร่นักหรอก”
“หืม… นี่เป็นธรรมเนียมของอาเครอนงั้นรึ ?” โฟลว์แซนด์ถาม
“คงงั้น…” คำถามของโฟลว์แซนด์ดูเหมือนว่าจะเป็นคำถามง่าย ๆ ทว่าเขากลับคิดว่าเป็นเรื่องยากที่จะตอบ แต่โชคดีที่หลังจากเขาตอบกลับไป นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่ถามอีกขณะก้าวเดินต่อไปข้างในอย่างเงียบ ๆ โดยที่ในทุก ๆ ก้าวที่เขาก้าวเดินเข้าไปข้างในนั้น นางก็ร่ายคาถาศักดิ์สิทธิ์ 5–6 คาถาออกมาเรื่อย ๆ ในเวลานี้จึงมีทั้งคาถาการป้องกันทางกายภาพ การต้านทานเวทย์ การป้องกันระยะไกล การป้องกันพิษ… แม้แต่คาถาไวทัลลิตี้ (การฟื้นฟู) ก็ถูกส่งมาที่ตัวเขาด้วย ! ร่างกายของเขาในตอนนี้จึงเต็มไปด้วยสีที่หลากหลายกำลังล้อมรอบตัวเขาไว้จนทำให้ตัวเขาเกิดแสงวิบวับเปล่งประกายไปทั่ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ดูเหมือนว่าการตายจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาไปเสียแล้ว
หลังจากที่พวกเขาเดินผ่านส่วนนอกมาแล้ว ในที่สุดริชาร์ด โฟลว์แซนด์ และคนอื่น ๆ ก็เดินเข้ามาถึงที่ตั้งหลัก ภายในนี้มีออร่าแปลกประหลาดรายล้อมอยู่ ริชาร์ดจึงสั่งให้เหล่าทหารออกเดินสำรวจดูรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยจากการถูกซุ่มโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม และหากสังเกตเห็นการซุ่มโจมตีจากศัตรูก็ให้ผิวปากแจ้งทันที
ที่ตั้งแห่งนี้มีขนาดเล็กซึ่งนั่นทำให้คนของริชาร์ดสำรวจรอบ ๆ ได้อย่างทั่วถึงโดยใช้เวลาน้อยกว่า 10 นาที เขายืนอยู่ตรงกลางของพื้นที่แห่งนี้ด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม ส่วนโฟลว์แซนด์นั้น นางเดินออกมาจากกระท่อมที่อยู่ใกล้ ๆ กับเขาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
กระท่อมเหล่านี้ถูกออกแบบให้คนอยู่ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่มันก็มีพื้นที่ให้ใช้สำหรับเป็นคลังเก็บอาวุธรวมถึงคลังเก็บของทั่วไป ภายในนี้มีห้องตีเหล็ก ห้องปฏิบัติการ และบาร์ขนาดเล็ก ทว่าถึงอย่างไรพวกเขากลับไม่เห็นคนอยู่ภายในนี้แม้แต่คนเดียว และแม้ว่าในนี้จะยังมีอาหารหลงเหลืออยู่ในเตาแต่ฟืนที่อยู่ด้านล่างก็ถูกใช้จนหมดแล้ว และในบาร์เล็ก ๆ ก็มีจานวางไว้และมีสเต๊กครึ่งชิ้นวางอยู่ตรงพื้น
ชุดเกราะ อาวุธ และเสื้อผ้าวางกระจัดกระจายไปทุกพื้นที่ ในกองเสื้อผ้าเหล่านั้นมีทั้งเสื้อคลุมและชุดที่ไว้สวมใส่ด้านใน หากในเวลานี้มีชายหนุ่มร่างเปลือยเปล่าเดินเข้ามาในที่แห่งนี้ล่ะก็ เขาสามารถที่จะสวมใส่สิ่งเหล่านี้และได้รับอาวุธครบทั้งตัวได้สบาย ๆ และแน่นอนว่านอกจากส่วนนี้แล้วยังมีเสื้อผ้าสำหรับพ่อครัว เหล่าเมจ และแม่บ้านอีกด้วย ทว่าน่าแปลกที่สิ่งเหล่านี้มีมากมายแต่กลับไม่มีคนอยู่ที่นี่เลยแม้แต่คนเดียว ร่องรอยที่เหลืออยู่ของสิ่งเหล่านี้ทำให้ริชาร์ดรู้สึกเหมือนว่าคนเหล่านั้นถูกทำให้หายไปจนหมดโดยที่พวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัว.
……
หน่วยลาดตระเวนเดินกลับมาอีกครั้งทว่าพวกเขาก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า แน่นอนว่าพวกเขาต่างก็พากันจับอาวุธไว้แน่นก่อนที่จะกวาดสายตาไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง