นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 108 ออกเดินทาง ตอนที่ 2
โฟลว์แซนด์พยักหน้า เห็นได้ชัดว่านางไม่แปลกใจที่ริชาร์ดไม่ได้ถามพ่อของเขาเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนั้น นางพูดอย่างเป็นธรรมชาติราวกับเป็นหัวข้อสนทนาธรรมดาทั่วไป “ใช่แล้ว มีบันทึกอยู่บ้างเกี่ยวกับการต่อสู้นั้น มาร์ควิสกาตอนได้รับบาดเจ็บสาหัสในตอนท้ายของสงครามในขณะที่รองผู้บัญชาการของเขาทำการปิดล้อมเอลฟ์ซิลเวอร์มูนที่เหลือได้สำเร็จ แต่ราชวงศ์เอลฟ์ไม่ยอมแพ้จึงไม่มีนักโทษที่เป็นราชวงศ์จากสงครามครั้งนั้นเลย เอลฟ์กลุ่มเดียวที่พวกเขาสามารถพากลับมาได้คือชาวไร่ชาวนาซึ่งต่อมากลายเป็นทาสของตระกูลของจักรพรรดิ มาร์ควิสกาตอนไม่เคยเปิดเผยผลของการต่อสู้ครั้งนั้นต่อสาธารณะก็เลยไม่มีบันทึกเกี่ยวกับมันมากนัก นอกจากนี้… หากพูดกันตามความจริง มีคนไม่มากที่ชื่นชอบอาเครอน พวกเขาก็เลยไม่ต้องการบันทึกความสำเร็จลงในประวัติศาสตร์ไปโดยปริยาย”
“นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นสินะ… ขอบใจมากโฟลว์แซนด์” ริชาร์ดตอบอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตาม หลังจากอธิบายจบแล้วโฟลว์แซนด์ยังคงพูดต่อไป “หากเจ้ามีเวลาค้นหาข้อมูลประวัติศาสตร์ ข้าแนะนำให้เจ้าอ่านสมุดบันทึกที่อาจารย์เฟอร์ลินให้เจ้ามา มันมีข้อมูลเกี่ยวกับเพลนนับไม่ถ้วน รวมไปถึงคำสอนของมังกรนิรันดร มันจะเป็นประโยชน์ต่อการเดินทางของเรา
แต่หากเจ้าไม่สนใจเรื่องพวกนั้น จากที่ข้าได้ยินมา เจ้าเป็นรูนมาสเตอร์ที่น่าอัศจรรย์ ข้าก็เลยอยากให้เจ้านึกถึงการต่อสู้ที่เราจะต้องเผชิญและตัดสินใจเลือกรูนที่เหมาะสมให้กับข้า เมื่อเราเดินทางไปถึงเพลนใหม่อย่างปลอดภัย ข้าอยากให้เจ้าสร้างรูนให้ข้าสักอันหนึ่ง หรือจะเป็นเซ็ตก็ได้หากเจ้าสามารถสร้างได้”
“รูนอย่างนั้นหรือ ?” ริชาร์ดค่อนข้างประหลาดใจ เขามองไปที่หว่างคิ้วของโฟลว์แซนด์
“ตรงหน้าผากเจ้านั่นมันรูนพิเศษไม่ใช่หรือ ? หากข้าเดาไม่ผิด รูนอันนี้คงจะมีอบิลิตี้อันทรงพลังมากใช่หรือไม่ ? น่าจะเป็นสักระดับ 4 เห็นจะได้”
“ใช่ นี่คือรูนพิเศษ แต่ตอนนี้ร่างกายข้ามีรูนแค่อันเดียว” นางตอบ
“รูนระดับ 4 ยังไม่เพียงพออีกอย่างนั้นรึ ?” ริชาร์ดหัวเราะเสียงแหบพร่า ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของโฟลว์แซนด์เขาก็หุบยิ้มและไตร่ตรองอยู่กับความประหลาดใจอยู่พักหนึ่งก่อนเอ่ยถาม “เจ้าสามารถรองรับรูนเพิ่มได้อีกใช่หรือไม่ ?”
โฟลว์แซนด์พยักหน้า
รูนระดับ 4 นั้นต้องใช้ความจุมากกว่ารูนขั้นพื้นฐานถึง 10 เท่า แค่ได้เห็นโฟลว์แซนด์รองรับรูนแบบนั้นอันเดียวก็ทำให้เขาประหลาดใจมากแล้ว ใครก็ตามที่สามารถทนต่อรูนระดับ 3 ได้ทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังอยู่ระดับต่ำกว่า 10 ก็สมควรภาคภูมิใจในตัวเอง เขาไม่เคยคิดเลยว่าโฟลว์แซนด์จะยังสามารถทนได้มากกว่านั้นอีก
“หากเป็นเช่นนั้น ข้าอาจทำให้เจ้าขุ่นเคืองใจไปสักหน่อย”
“ข้าไม่ได้เคืองใจอะไร อย่ารอช้าเลย หากเจ้าสามารถสร้างรูนให้ข้าได้ ข้าจะอนุญาตให้เจ้าจารึกมันบนร่างกายข้า”
ริชาร์ดค่อนข้างตกตะลึง บริเวณหน้าอกเป็นบริเวณที่เป็นไปได้มากที่สุดในร่างกายสำหรับจารึกรูน แน่นอนว่าการจารึกรูนลงไปโดยตรงนั้นย่อมเป็นการใช้ช่องรูนที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยลดพื้นที่ความจุที่จำเป็นลงและทำให้การถ่ายโอนพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทว่าความทนทานต่อการปรับเปลี่ยนนั้นต่ำเพียง 5% จึงทำให้การเปลี่ยนรูนในอนาคตเป็นไปได้ยากมาก ขั้นตอนการลบรูนที่ได้จารึกไปแล้วนั้นเจ็บปวดอย่างน่าเวทนา และด้วยอัตราความล้มเหลวของรูนมาสเตอร์ หากว่าไม่ใช่รูนระดับสูง รูนไนท์ส่วนใหญ่มักจะพิจารณาการจารึกลงไปโดยตรงอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่แก้ได้ยากในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม เมื่อโฟลว์แซนด์บอกว่านางไม่ได้ขัดข้องอะไร เขาจึงไม่ได้คิดอะไรต่อ แต่แล้ว เขาก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเขาลองร่ายคาถาตรวจสอบร่างกายของนางดู
ทั้งแขน ขา หน้าอก รวมไปถึงหน้าท้องของโฟลว์แซนด์ล้วนแต่ตอบสนองต่อคลื่นพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพซะจนเขาตระหนักได้ทันทีว่านางยังมีพื้นที่เหลือสำหรับให้จารึกรูนระดับ 4 ที่อาจจะอ่อนแอกว่าของเดิมได้อีก 1 อัน ! นี่ทำให้ความรู้ของเขาเกี่ยวกับโลกของรูนมาสเตอร์ถึงกับพังไม่เป็นท่า
มี 2 อย่างที่มีอิทธิพลต่อพลังของรูนไนท์ อย่างแรกก็คือความจุในการรับรูนและอีกอย่างก็คือจำนวนของตำแหน่งหรือช่องรูนที่เป็นไปได้สำหรับติดรูนในร่างกายของพวกเขา การที่ตำแหน่งสำหรับติดรูนมีมากขึ้นแม้ความจุในการรับรูนเท่ากันนั่นหมายความว่าจะสามารถใส่รูนได้มากขึ้น รูนระดับ 4 จะใช้พื้นที่ความจุมากกว่ารูนขั้นพื้นฐานถึง 10 เท่า แต่รูนไนท์ที่มีรูนขั้นพื้นฐาน 10 อันจะสามารถเอาชนะรูนไนท์ที่มีรูนระดับ 4 เพียงอันเดียวได้อย่างง่ายดาย รูนไนท์หลายคนรวมถึงยอดฝีมือหลายคนในทวีปมักเผชิญกับปัญหาการขาดตำแหน่งสำหรับจารึกรูนในระดับที่สูงขึ้น ตัวอย่างเช่นรูนเซ็ตมายาศักดิ์สิทธิ์อันโด่งดังของเซนต์ปีเตอร์นั้นต้องใช้ช่องรูนอย่างน้อย 5 ช่องและตัวบุคคลเองก็ยังต้องมีความจุที่มากพออีกด้วย
หากเทียบกัน ตัวริชาร์ดเองมีแค่ 2 ตำแหน่งเท่านั้นในขณะที่โฟลว์แซนด์มีมากถึง 6 ตำแหน่ง !
“เป็นยังไงบ้างล่ะ ?” โฟลว์แซนด์ถาม
ริชาร์ดลูบขมับ สีหน้าของเขาเหยเกไปแต่เขาก็พยายามยิ้มให้นาง “นี่… นี่มันเกินความคาดหมายของข้า ข้าขอเวลาคิดสักหน่อย”
“ไม่มีปัญหา เรามีเวลามากพอ ใช้เวลาทั้งหมดเพื่อคิดเถอะ !” เมื่อโฟลว์แซนด์พูดในสิ่งที่ต้องการแล้ว นางก็หลับตาลงอีกครั้ง
หลังจากการเดินทางโดยไม่หยุดมากกว่า 10 ชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงหมู่บ้านไจแอนท์วูดซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ภายใต้การปกครองของเอิร์ลโกลิอัท มันตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลท่ามกลางภูเขาและป่าที่ไม่มีที่สิ้นสุด ความพิเศษอย่างเดียวของหมู่บ้านไจแอนท์วูดก็คือไม้ของพวกเขา ทว่ามันก็ไม่ได้นำประโยชน์ทางเศรษฐกิจมาสู่ชาวบ้านมากนัก เนื่องจากมีความยากลำบากในการขนส่งและผู้คนก็ไม่ค่อยมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนจึงทำให้ผู้มาเยือนหมู่บ้านมีน้อย โดยรวมแล้วหมู่บ้านไจแอนท์วูดเป็นหมู่บ้านธรรมดาที่ผู้คนส่วนใหญ่ยากจนและรักสงบ ที่นี่มีครอบครัวอยู่ 100 ครอบครัวเท่านั้นและชีวิตของพวกเขาก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยในระยะเวลาหลายปีมานี้
ลึกเข้าไปในป่าด้านหลังหมู่บ้านเป็นที่ตั้งของ — ค่ายแห่งความตายของตระกูลอาเครอน ค่ายแห่งนี้มีอายุมากกว่า 100 ปี โดยมีแอสซาซิน เคิร์ซมาสเตอร์ และวอริเออร์ที่ได้รับการฝึกฝนจำนวนนับไม่ถ้วนคอยดูแลอยู่ตลอดในช่วงเวลานั้น นี่เป็นสถานที่ที่ปราศจากเชื้อชาติและชนชั้น ทุกคนที่มาที่นี่จะได้รับการฝึกฝนเพื่อภารกิจเดียวที่พวกเขาได้รับคือการเอาตัวรอด และต้องอยู่รอดให้ได้จนกว่าการฝึกฝนของพวกเขาจะสิ้นสุดลง
ผู้เข้าร่วมค่ายแห่งความตายส่วนใหญ่จะเป็นเด็กกำพร้า อาชญากรที่ต้องโทษประหาร ทาส รวมไปถึงคนโรคจิตและคนที่บ้าคลั่งซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความสุขในการได้ลงมือสังหารใครสักคน นอกจากนี้ยังมีอาเครอนจำนวนมากที่เต็มใจอาสาสมัครเข้าร่วมค่ายนี้เพื่อหวังพัฒนาพลังและความแข็งแกร่งของตนเองให้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เข้าร่วมทั้งหมดต่างก็ได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน อาเครอนหรือเด็กกำพร้าไม่ถือว่ามีสถานะที่แตกต่างกันเมื่อต้องเผชิญกับความตาย หากพวกเขาต้องการมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็ต้องพึ่งพาสมองหรือความแข็งแกร่งของตนเอง หรือไม่ก็ทั้งสองอย่างเท่านั้น
แน่นอนว่าริชาร์ดไม่ได้มาที่นี่เพื่อรับการฝึกฝนแต่เขามาเพื่อเลือกผู้พิทักษ์วิญญาณ นี่เป็นหนึ่งในทรัพยากรที่ตระกูลจัดเตรียมให้สำหรับทายาทที่มีพรสวรรค์
ผู้พิทักษ์วิญญาณจะถูกผูกมัดโดยสัญญาวิญญาณที่จะผูกจิตวิญญาณของพวกเขาไว้กับริชาร์ด ความคิดที่จะทรยศหรือการกระทำใด ๆ ที่เป็นการทรยศจะเป็นการทำลายวิญญาณของพวกเขาเอง และพวกเขาก็ยังต้องทำหน้าที่ช่วยริชาร์ดในการต้านทานการโจมตีของพลังวิญญาณด้วย แน่นอนว่าในทางกลับกันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะหากถูกจู่โจม พลังวิญญาณที่ตรงเข้าใส่ผู้พิทักษ์วิญญาณจะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อริชาร์ดเลย
ภายใต้อำนาจของสัญญา ผู้พิทักษ์วิญญาณและมาสเตอร์ของพวกเขาจะมีชะตากรรมผูกพันกัน นั่นทำให้ผู้พิทักษ์วิญญาณถือเป็นผู้ที่จงรักภักดีมากที่สุด อย่างไรก็ตาม สัญญาดังกล่าวนั้นหายากมาก โดยส่วนใหญ่แล้วจะมาจากพรของมังกรนิรันดร แต่เลเจนดารี่เคลริคและเลเจนดารี่พรีสต์ก็สามารถสร้างมันขึ้นมาได้เช่นกัน ซึ่งการจะทำให้ได้นั้นต้องใช้พลังอันศักดิ์สิทธิ์และส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณของพวกเขาด้วย เลเจนดารี่เคลริคหน้าใหม่อาจจะต้องเสียสละระดับเลเจนดารี่ไปโดยการสร้างแค่ 2 สัญญาเท่านั้น ซึ่งนั่นเห็นได้ชัดว่าคงจะมีน้อยคนนักที่เต็มใจทำ
ส่วนสัญญาที่มาจากมังกรนิรันดรนั้น มีเรื่องของโอกาสเข้ามาเกี่ยวข้องจึงมีเพียงผู้ที่โชคดีมาก ๆ เท่านั้นที่จะได้รับสิ่งนี้
ในที่สุดเมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงจุดหมาย ริชาร์ดหยิบเอาสัญญาเชื่อมวิญญาณของเขาออกมา และนั่นทำให้โฟลว์แซนด์ถึงกับกะพริบตาหลายครั้งด้วยความประหลาดใจ