นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 102 เมล็ดพันธุ์แห่งโชคชะตา
การที่ตระกูลในเฟาสต์จะสามารถเลื่อนอันดับเกาะของตนเองได้นั้นมีอยู่ 2 วิธี วิธีแรกคือการปะทะกันโดยตรงเพื่อยึดมันมา ในขณะที่อีกวิธีเป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับอาเครอนในตอนนี้นั่นก็คือพรที่พวกเขาได้รับจากมังกรนิรันดร การขยายตัวของเกาะเป็นเรื่องรอง แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือในเวลานี้ตระกูลอาเครอนได้รับเกียรติและการดูแลจากมังกรนิรันดร ซึ่งปีถัดไปจากนี้หรืออย่างมากที่สุดก็ 3 ปีถัดจากนี้ หากตระกูลใดจะบุกมาโจมตีตระกูลอาเครอนก็อาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ดีกลับไปได้
อย่างไรก็ตาม มีไม่กี่ตระกูลที่ทำเรื่องเช่นนี้ได้ และไม่มีใครสามารถคาดเดาได้เลยว่าตระกูลของตนเองจะได้รับพรอะไรมาบ้าง แม้จะได้รับพรมา แต่ถ้าหากปราศจากความแข็งแกร่งและอำนาจที่เป็นรากฐานก็ยากที่ตระกูลนั้นจะรักษาระดับของตัวเองในหลังจากนั้นไว้ได้ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการจัดลำดับของตระกูลเองก็ไม่มีสิ่งตายตัวที่สามารถยืนยันได้เช่นกันว่ามันจะยังมั่นคงและเป็นเช่นนั้นตลอดไปอีกนานเท่าใด นอกจากว่าตระกูลเหล่านั้นจะได้เตรียมการมาเพียงพอแล้วเพื่อปีนผ่านลำดับชั้นให้สูงขึ้นกว่าเดิม และในความเป็นจริงมันถือเป็นเรื่องไร้ประโยชน์หากพวกเขาเลือกที่จะพึ่งเพียงแต่โชคชะตา ยกตัวอย่างเช่นเกาะที่อยู่บนชั้น 7 ที่ไม่ได้มีบาเรียเวทมนตร์ ในขณะที่บนเกาะชั้น 6 กลับมีบาเรียป้องกันที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อปกป้องตนเองจากการรุกรานจากตระกูลที่อยู่ด้านล่างของพวกเขา ต่อให้ได้รับพรและยกระดับบนชั้นที่ 7 อย่างไรก็เทียบเกาะบนชั้นที่ 6 ไม่ได้อยู่ดี
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กาตอนเสนอเครื่องสังเวยแด่มังกรนิรันดร สำหรับการเปลี่ยนแปลงของเกาะนั้นเป็นเรื่องของโชค และมันจะต้องมาจากพรของการสังเวยเช่นกัน ไม่รู้ว่าจะเรียกได้ว่าโชคดีหรือไม่ดีกันแน่ที่ครั้งนี้ริชาร์ดเลือกที่จะทิ้งพรอีกครึ่งหนึ่งของเขาไว้ให้กับอาเครอน
ก่อนที่กาตอนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา ใบหน้าของเขาก็ซีดลง ในเวลานี้นอกจากกาตอนแล้ว ไฮพรีสเทสเฟอร์ลินก็แสดงท่าทางที่ตกใจเช่นกัน มือที่นางถือคัมภีร์อยู่นั้นเริ่มสั่นขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
“นี่มัน…” กาตอนเปล่งเสียงออกมาด้วยความตกตะลึงและเขาก็มองไปที่เฟอร์ลินเพื่อหวังพึ่งพาความนิ่งสงบและความสง่างามของนาง ทว่าเขากลับเห็นท่าทางปีติยินดีระคนประหลาดใจที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
ส่วนมอร์เดร็ดที่ดูเหมือนว่าจะรู้ตัวช้ากว่าคนอื่นนั้นก็เปลี่ยนท่าทีของเขาทันทีที่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น เขามองขึ้นไปยังท้องฟ้าไร้ขอบเขตที่อยู่เหนือวิหาร ดูเหมือนว่าเจตจำนงที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้กำลังจะลงมาหาพวกเขาอย่างช้า ๆ
ทางด้านนอกที่เหมือนจะเต็มไปด้วยความสงบและเงียบสงัด เหล่าไนท์คนอื่น ๆ ที่ตามมาดูเหมือนจะยังไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น มีสิ่งเดียวที่พวกเขาตระหนักได้ในตอนนี้คือพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของมาสเตอร์ผู้ซึ่งกำลังจับจ้องสิ่งต่าง ๆ อย่างผิดปกติ
เฟอร์ลินพยายามควบคุมตนเองให้กลับมาสงบอีกครั้ง แต่ถึงแม้ว่านางจะพยายามมากเท่าไร น้ำเสียงของนางก็ยังคงสั่น นางเปล่งเสียงต่ำในลำคอราวกับว่ากำลังพึมพำอะไรบางอย่างซึ่งฟังดูคล้าย ๆ ว่า “นี่เป็นเจตจำนงของร่างหลักแห่งมังกรนิรันดร เป็นความมหัศจรรย์ที่แท้จริง ! นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก แค่หัวใจของเลสเซอร์เดม่อนลอร์ด เหตุใดจึงสามารถดึงดูดความสนใจของมังกรนิรันดรได้ถึงเพียงนี้ ?”
และทันใดนั้นเอง นางก็หันกลับมาจ้องมองกาตอนด้วยสายตาเป็นประกาย “มาร์ควิส ! มีของสังเวยอย่างอื่นอีกหรือไม่ที่ท่านเตรียมไว้นอกจาก 2 อย่างที่ข้าเห็น ?”
แม้ว่ากาตอนจะตกใจที่ได้ยินว่านี่คือเจตจำนงของร่างหลักแห่งมังกรนิรันดร ทว่าเขาก็ยังสามารถทำตัวให้ผ่อนคลายลงได้ก่อนจะฝืนยิ้มและยักไหล่ “มีแค่ของ 2 สิ่งเท่านั้นที่ข้าจัดเตรียมไว้ ที่นี่เป็นวิหารแห่งมังกรนิรันดร ข้าจะมีความลับกับท่านได้ยังไง ?”
สายตาเป็นประกายของเฟอร์ลินค่อย ๆ จางลงโดยที่นางไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม นางจ้องมองไปที่เสาหลักแห่งแสงด้วยความรู้สึกที่กระตือรือร้น เชื่อมั่น และจริงใจ น่าเสียดายที่นางไม่สามารถมองเห็นฉากอันทรงพลังของมังกรนิรันดรที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้ ถึงแม้ว่านางจะมีสถานะสูงทว่านางก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปขัดพิธีที่ไม่ใช่ของตนเอง
ในเวลานั้นเองเฟอร์ลินก็เอนศีรษะไปที่กาตอนก่อนกระซิบที่ข้างหูของเขา “มาร์ควิสกาตอน ข้าจำได้ว่าท่านบอกกับข้าว่าริชาร์ดจะออกเดินทางไปยังเพลนอื่นในอีกไม่ช้านี้ ?”
“ใช่ ข้าได้เตรียมเพลนที่เหมาะสมไว้ให้กับเขาแล้ว และข้าก็ตั้งหลักปักฐานที่นั่นไว้แล้วด้วย” กาตอนตอบกลับ
“ข้ามีศิษย์ที่เป็นเคลริคระดับ 8 นามว่าโฟลว์แซนด์ ข้าหวังว่าท่านจะให้นางเป็นแกนหลักในทีมของริชาร์ด”
กาตอนถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดว่า “คนเดียวกับที่ได้รับฉายาว่า ‘รุ่งอรุณ’ ใช่หรือไม่ ?”
เฟอร์ลินพยักหน้า “ใช่ นางนั่นแหละ”
ฉายาที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่ตั้งขึ้นเองภายในวิหาร ทว่าเป็นฉายาที่มังกรนิรันดรเป็นผู้มอบให้หลังจากที่พวกเขาได้รับพรที่เพียงพอแล้ว มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ได้รับการแต่งตั้งฉายาเช่นนี้ เฟอร์ลินคือคนแรกที่ได้รับฉายาว่า ‘แสงอุษา’ ส่วนโฟลว์แซนด์คืออีกคนซึ่งได้รับฉายาว่า ‘รุ่งอรุณ’
กาตอนพึมพำกับตัวเองก่อนพยักหน้าและตอบกลับไปเพื่อเป็นการยอมรับข้อเสนอ “ได้แน่นอน !”
เฟอร์ลินหัวเราะออกมาจนทำให้ความงามอันศักดิ์สิทธิ์ส่องสว่างขึ้นต่อหน้าทุกคนในทันที นางยื่นมือออกไปวางตรงอกของกาตอนพร้อมกับกล่าวสัญญาว่า “กาตอน ถ้าท่านทำตามสัญญานี้ ท่านจะได้รับมิตรภาพระดับสูงสุดจากข้าเป็นเวลา 10 ปี”
กาตอนยิ้ม ผลจากการที่อาเครอนได้รับมิตรภาพจากเฟอร์ลินนั้น แม้ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวแต่สำหรับเฟาสต์แล้วถือว่าเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างมาก เพราะช่วงเวลาต่าง ๆ ในการจัดพิธีบูชามังกรนิรันดรจะขึ้นอยู่กับการกำหนดของเหล่านักบวช และการที่ได้ผูกไมตรีกับเฟอร์ลินจะทำให้อาเครอนได้ประโยชน์มหาศาล
เฟอร์ลินกล่าวเสริมอีกว่า “ริชาร์ดยังไม่ได้เลือกผู้ติดตามของเขาใช่หรือไม่ ? มีใครเป็นผู้สมัครบ้าง ?”
“มีคนที่เหมาะสมอยู่ไม่กี่คนซึ่งจะมาจากค่ายแห่งความตายของเราในเร็ว ๆ นี้ เขาจะเป็นผู้เลือกด้วยตัวเขาเองเมื่อเวลานั้นมาถึง แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ในทีมของเขาก็ยังมีผู้ติดตามไม่เพียงพอ” กาตอนอธิบาย
เฟอร์ลินยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่าอาทิตย์หน้าจะมีผู้มาเยือนที่ท่าเรือมอคอฟ มอร์แฟนเป็นผู้ดูแลอยู่ที่นั่นและเขาก็ยังติดหนี้บุญคุณข้าอยู่ คิดว่าเขาน่าสนใจหรือไม่ ?”
“ก็ดีเหมือนกัน ข้าเข้าใจแล้ว” กาตอนตอบกลับพร้อมกับพยักหน้า
ในเวลาเดียวกันริชาร์ดที่ยังอยู่ในสภาวะตกตะลึงอยู่นั้นก็นิ่งไป เพราะในเวลานี้เขาไม่สามารถที่จะคืนอิสระให้กับร่างกายของเขาได้ ทว่าเขาเชื่อมั่นในจิตวิญญาณและเจตจำนงของตนเองว่าความแปรปรวนภายในนี้จะสลายตัวและมลายหายไปในที่สุด นี่ไม่ใช่การจู่โจมแต่เชื้อสายของมังกรนิรันดรทำให้มันเกิดขึ้น สำหรับริชาร์ดแล้ว เจตจำนงของมังกรดูเหมือนว่าจะมีพละกำลังมากเกินไปเพราะถึงแม้ว่าตอนนี้พลังที่เกิดขึ้นจะชะลอตัวลงจากเดิมแล้ว ทว่ามันกลับยังให้ความรู้สึกราวกับว่าเป็นคลื่นสึนามิที่ยังคงซัดเข้ามาอยู่ดี
“มนุษย์…” เสียงมังกรนิรันดรดังขึ้นอีกครั้งภายในจิตใต้สำนึกของริชาร์ด ในเวลานี้ความน่าเกรงขามนั้นได้ถูกส่งเข้าไปยังแท่นบูชาแล้วและพลังแห่งเสียงที่แข็งแกร่งก็ได้ลดลงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับครั้งแรกที่เสียงนั้นดังออกมาจนทำให้จิตวิญญาณของริชาร์ดแทบจะถูกทำลาย
“มีอะไรให้ข้าช่วยท่านหรือไม่ ท่านมังกรนิรันดรผู้ยิ่งใหญ่ ?” ริชาร์ดตอบกลับออกไปขณะที่เขากัดฟันไว้แน่น
“มนุษย์… ข้าเห็นเครื่องสังเวยที่เจ้านำมันมาให้กับข้า วางมันลงที่แท่นบูชาแล้วเจ้าจะได้รับฉายา และพร”
‘เครื่องสังเวย ?’ ริชาร์ดทบทวนสิ่งที่ได้ยินอีกครั้ง ในเวลานี้เขาได้มอบของสังเวยไปหมดแล้ว… มันจะมีอีกได้อย่างไร หรือว่า?… ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจ้องมองกำไลข้อมือที่ทำจากงาช้างที่ข้อมือซ้ายของเขา มันกำลังส่องแสงสีทองอ่อน ๆ ออกมา ดูเหมือนว่าของขวัญของเม้าเทนซีจะดึงดูดความสนใจของมังกรนิรันดร !
ริชาร์ดนึกถึงหญิงสาวบาร์บาเรียนขึ้นมาทันที หญิงสาวคนที่มอบอ้อมกอดที่ยิ่งใหญ่ราวกับภูเขาให้แก่เขาในวันนั้น นางมีภูมิหลังที่เต็มไปด้วยความมั่งคั่งและอุดมสมบูรณ์ทว่านางกลับเป็นหญิงสาวที่เขายังไม่ได้เก็บมาไว้ในใจตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา… เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบกลับไป
“ท่านมังกรนิรันดร ให้อภัยกับความไม่เหมาะสมของข้าในครั้งนี้ด้วย กำไลข้อมือชิ้นนี้เป็นของขวัญที่ข้าได้มาจากเพื่อนของข้า ข้าเกรงว่าข้าจะมอบมันให้กับท่านไม่ได้” สำหรับริชาร์ดแล้ว สิ่งนี้เป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธออกไปทว่าเขากลับตอบไปด้วยคำพูดที่เด็ดเดี่ยว
“มนุษย์… สำหรับเจ้าสมบัติชิ้นนี้ก็ไม่ต่างจากความว่างเปล่า”
“ข้าต้องขออภัย แต่ยังไงนี่ก็เป็นสมบัติของข้า การที่ได้ครอบครองมันถือว่าเพียงพอสำหรับข้าแล้ว !”
คำตอบของริชาร์ดทำให้มังกรนิรันดรเสียงสั่นขึ้นเล็กน้อย “มนุษย์… เมื่อใดที่เจ้าเปลี่ยนใจ หลังจากวันนี้ไปเจ้าสามารถนำมันกลับมาสังเวยให้ข้าได้ในวิหารแห่งใดก็ได้ของข้า”
หลังจากนั้นไม่นาน เจตจำนงที่ยิ่งใหญ่ก็ได้จางหายไปทิ้งไว้เพียงริชาร์ดที่ถอนหายใจออกมา เขาทิ้งตัวนอนลงบนพื้นด้วยท่าทีอ่อนแรงจนไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิ้วมือของเขา ทันใดนั้น เจตจำนงที่มองไม่เห็นซึ่งมีความยิ่งใหญ่ก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นเหนือร่างของเขาราวกับว่าจิตวิญญาณของเขาได้ถูกดึงออกมาจากร่าง เขามองเห็นได้ถึงเจตจำนงแห่งมังกรนิรันดรที่ค่อย ๆ หายไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นจุดเล็ก ๆ ของแสงก่อนที่จะกลมกลืนเข้าไปในบอลแสงที่ลอยอยู่เหนือแท่นบูชา และระลอกแห่งพลังชีวิตที่แข็งแกร่งก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงจากบอลแสงนั้น
และเมื่อเขาสามารถควบคุมตนเองได้ เขาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นก่อนจะเดินตรงไปที่บอลแสงด้วยความยากลำบาก นี่เป็นรางวัลที่ใหญ่ที่สุดแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ด้านในนั้น แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าในนั้นจะเป็นอะไร เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับมันอีกหลังจากที่เขาปฏิเสธมังกรนิรันดรออกไป แต่เมื่อเอื้อมมือออกไปแตะบอลแสงจนทำให้มันระเบิดแสงออกมาอย่างรุนแรง ไข่สีเขียวแก่ก็ปรากฏขึ้นบนฝามือของเขาพร้อมกับแผ่พลังแห่งชีวิตออกมาบริเวณรอบ ๆ เปลือกไข่
เมื่อเขาได้รับไข่ที่แปลกประหลาดนี้ ในหัวของเขาก็เห็นข้อความสั้น ๆ ที่ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น ‘เมล็ดพันธุ์’
‘เมล็ดพันธุ์ ? เมล็ดพันธุ์อะไรกัน ?’
ขณะที่เขากำลังสับสนกับสิ่งตรงหน้าอยู่นั้น แสงสว่างตรงแท่นบูชาก็ค่อย ๆ สลัวลงก่อนที่จะกลายเป็นหอคอยหินที่ถูกกัดเซาะด้วยทรายกับลม และม่านแห่งกาลเวลาก็ค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ ก่อนจะเผยให้เห็นตัวเขาที่กำลังยืนมึนงงอยู่ด้านหน้าแท่นบูชาพร้อมกับถือ ‘เมล็ดพันธุ์’ ไว้ในมือ และเมื่อเฟอร์ลินมองเห็นเขา นางก็เปล่งเสียงร้องออกมาว่า “ทำไมถึงเป็นเมล็ดพันธุ์ !?”
“เมล็ดพันธุ์ ? มันคืออะไร ?” กาตอนถามขึ้นมาด้วยสายตาเป็นประกาย แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ริชาร์ดได้คืออะไร แต่เขาก็รับรู้ได้จากปฏิกิริยาของเฟอร์ลินว่าจะต้องเป็นสิ่งที่ไม่ปกติอย่างแน่นอน
เฟอร์ลินอธิบายด้วยความรู้สึกที่สับสน “ถ้าในทางการพวกเราเรียกมันว่า ‘เมล็ดพันธุ์’ แต่ในทางลับ พวกเราเรียกมันว่าเมล็ดพันธุ์แห่งโชคชะตาและการทำลายล้าง นี่เป็นพรที่อธิบายได้ยาก วัตถุประสงค์หลักของสิ่งนี้เป็นหนึ่งในข้อมูลลับที่สุดของวิหารที่ไม่สามารถปล่อยให้รั่วไหลออกไปได้ อันที่จริงแล้วสิ่งนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือริชาร์ดจะสามารถทำให้ศัตรูภายในเพลนอื่น ๆ ประหลาดใจอย่างมากได้ ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่เขาออกเดินทาง เขาจะต้องนำสิ่งนี้ออกไปด้วย เราไม่สามารถปล่อยให้เมล็ดพันธุ์นี้งอกเงยในนัวแลนด์ได้ และมันจะต้องไปอยู่ที่เพลนอื่นก่อน 1 เดือนด้วยเมล็ดพันธุ์จึงจะเปิดออก คำขอนี้ของข้า… พวกท่านจงถือว่าเทียบเท่ากับคำสั่งของมังกรนิรันดร”
กาตอนคว้าไหล่ของริชาร์ดเพื่อดึงเขามาอยู่ข้าง ๆ ก่อนที่จะขมวดคิ้วและถามออกไป “มีเวลาแค่ 1 เดือนรึ ?”
“มากที่สุดคือ 1 เดือน ยิ่งเขาออกไปเร็วเท่าไหร่ ความเสียหายของพรที่เขาได้รับก็จะน้อยลงมากเท่านั้น” เฟอร์ลินกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“แล้วโฟลว์แซนด์ ?” กาตอนพยายามพูดกับเฟอร์ลินแบบอ้อม ๆ
“ไม่ต้องห่วง แน่นอนว่านางจะติดตามเขาไปด้วย”