ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2212 ตรวจสอบตระกูลเฟิง
กู้ไป๋อีกล่าวว่า “ข้าไม่อยากเป็นคนทำ แต่พวกเจ้าจำเป็นต้องตาย! ลงมือกันเองเถอะ!”
แต่พวกเขาไม่อยากตายนี่!
“องค์รัชทายาท พระองค์จะต้องถูกนางแม่มดนี่ควบคุมอยู่เป็นแน่ พะ…พวกข้าจะรีบไปขอกำลังเสริมมาเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
พวกเขาติดตามองค์รัชทายาทมานานขนาดนี้ และเชื่อว่าองค์รัชทายาทจะต้องไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน!
กู้ไป๋อีพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วราวกับภูตผีก็มิปาน พร้อมทั้งเหวี่ยงกระบี่ออกไปด้วย
“ข้าบอกให้พวกเจ้าไปอย่างนั้นหรือ?” กู้ไป๋อีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง “องค์รัชทายาท…”
คนที่เผชิญหน้าอยู่นี้ก็คือองค์รัชทายาทของพวกเขาเอง ซึ่งพวกเขาไม่กล้าที่จะใช้กำลังทั้งหมดอยู่แล้ว และมู่เฉียนซีก็ได้ออกไปช่วยเหลือด้วยเช่นกัน
ตึง ตึง ตึง!
ทางด้านของราชวงศ์เป่ยกง นอกจากองค์รัชทายาทเป่ยกงแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดเหลือรอดเลยสักคนเดียว
การสมคบคิดในการต่อสู้ของพวกเขาได้ล้มเหลวไปอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังได้รับความสูญเสียอย่างหนักอีกด้วย!
ในตอนที่มู่เฉียนซีหนีออกมาจากเทือกเขาแห่งนี้ จูเชว่ก็ได้ส่งคนไปรออยู่บริเวณโดยรอบแล้ว
ใบหน้าที่งดงามของจูเชว่ร้อนใจจนเกือบจะเหี่ยวย่นไปหมด แต่กลับยังคงไม่มีข่าวอะไรส่งออกมาเลย
และเสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวที่ดังก้องอยู่ในอากาศ ก็ได้ทำให้จูเชว่ตื่นตกใจอย่างรุนแรง
“ไป! เข้าไปดูหน่อย ไปลองดู…”
ภายในใจของเขานั้นหวาดกลัวยิ่งนัก กลัวว่าจะเกิดเรื่องกับซีซี
จูเชว่หาเฉียนซีเจอแล้ว และในตอนที่เขาได้เห็นองค์รัชทายาทเป่ยกง เขาก็รู้สึกราวกับว่าได้เผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจอย่างไรอย่างนั้น
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จูเชว่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“ซีซี เจ้าไม่เป็นอะไร มันช่างดีเหลือเกิน” จูเชว่กระโจนเข้าไปอย่างตื่นเต้น แต่ผลสุดท้ายกลับถูกมือที่แข็งแกร่งคว้าเอาไว้ และเหวี่ยงเขาออกไปทันที
ร่างของจูเชว่ได้พยายามจะรักษาความมั่นคงอยู่กลางอากาศ และทันใดนั้นเขาก็เห็นชายหนุ่มที่งดงามจนทำให้จิตใจสั่นไหวคนหนึ่ง อีกทั้งยังสัมผัสได้ถึงการคุกคามในทันทีอีกด้วย
“นี่…เจ้าหมอนี่เป็นใครอีกล่ะเนี่ย?”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าไม่ใช่หัวหน้าหน่วยข่าวกรองอย่างนั้นหรือ? บนโลกใบนี้มีเรื่องที่เจ้าไม่รู้น้อยมาก ฉะนั้นเจ้าจะลองเดาดูก็ได้นะ”
“ช่างเถอะ ข้าไม่เดาหรอก! ซีซีไม่เป็นอะไรข้าก็สบายใจแล้ว มู่หลินหลางเป็นอย่างไรบ้าง? ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นางยังมีชีวิตอยู่น่ะสิ เจ้าแน่ใจไหมว่าคนของตระกูลเฟิง นอกจากเฟิงอวิ๋นซิวแล้ว จะไม่มีคนอื่นเหลืออยู่อีกแล้วน่ะ! คราวนี้ข้าได้เจอกับศัตรูคนหนึ่ง เขาก็มีเงาของตระกูลเฟิงเช่นกัน และความสามารถของเขาก็แข็งแกร่งมาก อีกทั้งยังเป็นคนช่วยมู่หลินหลางหนีไปอีกด้วย”
จูเชว่กล่าวอย่างประหลาดใจว่า “นี่มันเป็นไปไม่ได้! เห็นได้ชัดว่าตระกูลเฟิงเหลือเพียงเฟิงอวิ๋นซิวที่มีชีวิตอยู่เท่านั้น! แล้วจะไปมีคนอื่นได้อย่างไร?”
“ในเมื่อสามารถใช้เงาของตระกูลเฟิงได้ ก็จะต้องเป็นคนของตระกูลเฟิงไม่ผิดแน่ เจ้าลองไปตรวจสอบมาหน่อยเถอะ คนผู้นั้นคือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังเป็นคนที่รับมือได้ยากมากอีกด้วย”
“ตกลง! ข้าจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนแน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “จูเชว่ ตระกูลเฟิงนั้นอันที่จริงแล้วถูกทำลายล้างได้อย่างไร เจ้าสามารถบอกทุกเรื่องที่เจ้ารู้ให้ข้าฟังได้หรือไม่?”
“ไม่มีปัญหาแน่นอนอยู่แล้ว!” จูเชว่กล่าวตอบ
“เจ้าตระกูลของตระกูลเฟิงในตอนแรกเพื่อที่จะคุ้มกันให้องค์รัชทายาทเฟิงอวิ๋นหนีรอดไปได้ จึงได้ต่อสู้จนตาย ซึ่งตระกูลเฟิงในตอนนั้นได้ทำให้ผู้นำตระกูลมู่ขุ่นเคืองใจ หลังจากนั้นพวกเขาจึงทำตัวไม่ให้เป็นจุดสนใจมากนัก และแม้จะทำตัวไม่เป็นจุดสนใจ แต่หลังจากที่ผ่านไปไม่กี่ปีก็ถูกทำลายไปจนหมดสิ้นอยู่ดี! ข้าตรวจสอบได้เพียงแค่ว่าคนที่แอบลงมือจะต้องเป็นราชวงศ์ตงหวงแน่นอน เพียงแต่ไม่มีหลักฐานที่เพียงพอเท่านั้นเอง”
“เจ้าหนูเฟิงอวิ๋นซิวนั่นไม่รู้ว่าบ้าหรือว่าโง่กันแน่ มู่หลินหลางมีค่าพอที่จะให้เขาถวายชีวิตเลยอย่างนั้นหรือ นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้มากว่าจะมีความเกลียดชังถึงขั้นทำลายล้างตระกูลอีกด้วย!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ตรวจสอบต่อไปเถอะ!”
“ตกลง!”
จูเชว่เหลือบมองไปยังกู้ไป๋อีที่ยังคงนิ่งเงียบอยู่ตลอดเวลา แล้วกล่าวว่า “ท่านนี้คือ?”
“เขาคือไป๋อี ไม่ใช่เป่ยกงจั๋ว” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
กู้ไป๋อีกล่าวถามว่า “ซีเอ๋อร์ยังต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานแค่ไหนอย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีผงะไปเล็กน้อย “เดี๋ยวก็ต้องไปกันแล้ว ไม่แน่ใจว่าการเคลื่อนไหวก้าวต่อไปของราชวงศ์ตงหวงจะเป็นอะไรกันแน่? และไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะจัดการกับหอหมอปีศาจของข้าอย่างไรบ้าง แต่ข้าจำเป็นที่จะต้องกลับไปควบคุมสถานการณ์โดยรวม เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกเขาคิดว่าข้าตายแล้ว จนกลายเป็นความวุ่นวายไปเสียก่อน!”
“ส่วนเจ้า…”
“อื้ม! เจ้าเป็นตัวประกันของข้าไปก่อนชั่วคราวดีหรือไม่? ข้าจะได้ขอให้จักรพรรดิเป่ยกงคุ้มครองหอหมอปีศาจของข้าด้วย นอกจากนี้ก็ลงนามในข้อตกลงอะไรเทือกนั้น เจ้าคิดว่าดีหรือไม่?”
“ข้า…”
“อย่างไรเสียข้าก็ได้ตัดสินใจให้เจ้าเป็นตัวประกันแล้ว หากคิดจะหนีเอาตอนนี้ มันก็สายไปแล้วล่ะ หากคิดที่จะหนีก็ควรจะหนีไปตั้งแต่แรกสิ”
“ข้าไม่รู้ว่าเขาจะปรากฏตัวออกมาเมื่อไรน่ะสิ?”
“ข้ายังต้องกลัวอะไรอีกอย่างนั้นหรือ? หากเขาหนีออกมาได้ ก็ยังมีชิงอิ่งและมังกรวารีอยู่ด้วย แค่ต่อสู้กันก็จบแล้ว!” มู่เฉียนซีกล่าวพลางกำหมัดแน่น
แน่นอนว่ากู้ไป๋อีไม่สามารถโต้เถียงกับมู่เฉียนซีได้อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้กลายเป็นตัวประกันแห่งชัยชนะของหอหมอปีศาจด้วยความสมัครใจ
หลังจากที่มู่เฉียนซีกลับมาแล้ว หอหมอปีศาจก็ยังคงดำเนินกิจการได้อย่างปกติ ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนยากที่จะเชื่อเป็นอย่างมาก
“พระเจ้า! ขนาดราชวงศ์ตงหวงกับราชวงศ์เป่ยกงร่วมมือกัน อีกทั้งฝ่าบาทหลินหลางและองค์รัชทายาทเป่ยกงนำทัพด้วยตนเองขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่สามารถปลิดชีวิตของมู่เฉินซีได้ มู่เฉินซีผู้นี้ อีกทั้งหอหมอปีศาจนี่ อันที่จริงแล้วมีที่มาอย่างไรกันแน่นะ?”
“ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก เช่นนี้คงไม่มีผู้ใดจัดการหอหมอปีศาจได้อีกแล้วเป็นแน่”
“หมอปีศาจเป็นคนที่ลึกลับมากคนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีอาจารย์ท่านนั้นอีก ที่จริงแล้วเขาคือเทพพระเจ้าสินะ! มิแปลกใจเลยที่ถึงแม้กองกำลังระดับห้าทั้งสองจะร่วมมือกันแล้ว ก็ยังไม่อาจจัดการได้อยู่ดี”
หลังจากสงครามครั้งนี้จบลง หอหมอปีศาจก็ยิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นไปอีก และยังทำให้ผู้คนหวาดกลัวมากขึ้นอีกด้วย
ก่อนหน้านี้กองกำลังหลักต่าง ๆ ล้วนให้ความเคารพต่อกองกำลังระดับห้า แต่ในอนาคตเกรงว่าคงจะมีหอหมอปีศาจเพิ่มไปด้วยเป็นแน่ และไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็คงไม่อาจยั่วยุหอหมอปีศาจได้อีกแล้ว
ในราชวงศ์ตงหวงเวลานี้กำลังแฝงพายุฝนเอาไว้ภายใน มู่หลินหลางถูกส่งตัวกลับมาตอนที่ยังหมดสติ และอ่อนแอเป็นอย่างมาก ซึ่งนางก็ได้รับการบำรุงรักษาจากยาขั้นเทวะล้ำค่ามากมาย
ขณะนั้นเองจักรพรรดิตงหวงก็กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าตึงเครียดว่า “ที่จริงแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
เดิมทีแล้วข้างกายของมู่เฉินซีมียอดฝีมือเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น แต่หลังจากนั้นก็มียอดฝีมือปรากฏตัวขึ้นมาอีกคนหนึ่ง และสุดท้ายแม้แต่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณขั้นสูงสุดก็ยังยากที่จะจัดการยอดฝีมือเหล่านั้นได้
“ฝ่าบาท กระหม่อมสงสัยว่ายอดฝีมืออีกคนหนึ่ง จะไม่ใช่มนุษย์พ่ะย่ะค่ะ แต่มีความเหมือนหุ่นเชิดมากกว่า เพียงแต่มีความแตกต่างจากหุ่นเชิดทั่วไปมากพ่ะย่ะค่ะ”
เขาส่งยอดฝีมือระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณไปถึงสองคน และนี่ก็ทำให้พวกเขาต้องสูญเสียผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณไปทั้งสองคนเช่นกัน ซึ่งมันก็เป็นความเสียหายที่หนักหนานัก นอกจากนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นผลงานของเป่ยกงจั๋วอีกด้วย
“แล้วเป่ยกงจั๋วคิดจะทำอะไร? เขามีแผนการร้ายอะไรกันแน่? ถึงได้ยอมเป็นศัตรูกับราชวงศ์ตงหวงของพวกเราเพื่อผู้หญิงคนเดียวเช่นนี้ เขาบ้าไปแล้วหรือ?”
“องค์รัชทายาทเป่ยกงมีท่าทางที่แปลกประหลาดไปเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ!” คนผู้นั้นกล่าวพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ข้าต้องการที่จะส่งราชสาส์นไปสอบถามจักรพรรดิเป่ยกง จะได้ดูว่าองค์รัชทายาทที่แสนดีของเขาต้องการที่จะทำอะไรกันแน่?”
ในตอนที่จักรพรรดิตงหวงกำลังจะส่งราชสาส์นไปให้กับจักรพรรดิเป่ยกง ทางจักรพรรดิเป่ยกงก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งเสียก่อน ซึ่งนั่นก็คือจดหมายของมู่เฉียนซีนั่นเอง
ข้างบนเขียนเอาไว้ว่า…
“องค์จักรพรรดิเป่ยกงที่เคราพ พระโอรสของพระองค์ องค์รัชทายาทเป่ยกงได้ตกอยู่ในกำมือของพวกเราหอหมอปีศาจแล้ว แต่โปรดวางพระทัย พวกเราไม่มีทางทรมานตัวประกันแน่นอน และรับประกันว่าจะเขาได้รับการปรนนิบัติเป็นอย่างดี! เพียงแต่อยากจะขอให้องค์จักรพรรดิเป่ยกงสัญญากับข้าหมอปีศาจสักสองเรื่อง เรื่องแรกคือการแสดงออกกับราชวงศ์ตงหวง ว่าราชวงศ์เป่ยกงจะคุ้มครองหอหมอปีศาจ หากราชวงศ์ตงหวงส่งคนมารุกรานหอหมอปีศาจ ราชวงศ์เป่ยกงของพวกท่านจะไม่ยอมอยู่เฉยแน่นอน”
“ส่วนเรื่องที่สอง ข้าต้องการให้หอหมอปีศาจของข้าไปเปิดกิจการที่ราชวงศ์เป่ยกง เมื่อถึงเวลานั้นก็ต้องขอให้องค์จักรพรรดิเป่ยกงทรงโปรดให้การดูแลเป็นอย่างดี และอย่าให้ผู้ใดมาสร้างความวุ่นวายกับหอหมอปีศาจของข้าได้”
“หากพระองค์ไม่ยอมตกลงแล้วละก็ เกรงว่าหมอปีศาจอย่างข้าคงต้องสังหารตัวประกัน หรือไม่ก็ทำให้องค์รัชทายาทของท่านกลายเป็นหมอยาไปเสีย! และเพื่อแสดงถึงความจริงใจของข้า ข้าได้ยินมาว่าฝ่าบาททรงประชวรอยู่ เช่นนั้นข้าจึงได้ส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปให้พระองค์ด้วย”
.