ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2209 เงาของตระกูลเฟิง
เนื่องจากเมื่อครู่นี้ทั้งมังกรวารีและชิงอิ่งมีการตอบสนองที่เร็วพอ จึงทำให้สุ่ยจิงอิ๋งไม่จำเป็นต้องออกมาคุ้มครองมู่เฉียนซีให้ปลอดภัย
ถึงพวกเขาจะรู้ดีว่ามู่เฉียนซีนั้นมีสุ่ยจิงอิ๋งคอยคุ้มครองอยู่ แต่ทว่านางคือคนที่มีความสำคัญมากที่สุดในชีวิตของพวกเขา และเป็นคนที่ไม่อาจสูญเสียไปได้อีกด้วย
ฉะนั้นเมื่ออยู่ภายใต้อันตรายเช่นนั้น และมีเพียงการปกป้องด้วยตัวเองเท่านั้นถึงจะสามารถทำให้พวกเขาวางใจได้!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เขาถูกคนพาไปแล้ว ไล่ตามไป!”
“ขอรับ นายท่าน! คราวนี้เป็นความผิดพลาดของมังกรวารี ที่ไม่ค้นพบแผนการของเขาตั้งแต่แรก และคิดว่าเขาน่าจะใช้เคล็ดวิชาแบ่งวิญญาณของเผ่าวิญญาณด้วยขอรับ” มังกรวารีกล่าว
“หรือพูดอีกอย่างก็คือ เป่ยกงจั๋วควบคุมร่างกายทั้งสองร่างในเวลานี้กัน? หลังจากนั้นก็ระเบิดร่างกายและจิตวิญญาณของตนเอง และให้ลูกน้องของเขาช่วยพาเขาหนีไปหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
เป่ยกงจั๋วยังไม่ตาย ฉะนั้นเสี่ยวไป๋น่าจะยังตกอยู่ในการควบคุมของเขาสินะ!
“นายท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว เพียงแต่ว่าจิตวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บ จึงทำให้อีกจิตวิญญาณหนึ่งในร่างกายนั้นรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้างขอรับ” มังกรวารีกล่าวตอบ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หากเป็นเช่นนั้น ก็ถือว่าสิ่งที่พวกเราทำไปเหล่านี้ไม่ได้เสียแรงเปล่าซะทีเดียว จิตใจของเจ้าเป่ยกงจั๋วทั้งโหดร้าย และเจ้าเล่ห์มาก คราวนี้ข้าก็แค่อยากใช้ประโยชน์จากร่างกายที่ไร้ประโยชน์แล้วของเขา มาแก้แค้นเขาก็เท่านั้น แต่ผลปรากฏว่าเขาไม่สนใจจะทำให้ร่างกายของตนเองฟื้นกลับมาในสภาพเดิมเลยแม้แต่น้อย”
แม้ว่าคนที่แอบปกป้องเป่ยกงจั๋วจะพาเขาหนีไปได้ แต่สถานการณ์ของเป่ยกงจั๋วในตอนนี้ก็ไม่ดีเท่าไรนัก ฉะนั้นมันจึงเป็นโอกาสที่ดีในการซ้ำเติมเขาขณะที่กำลังลำบากเช่นนี้
แต่มู่เฉียนซียังไม่ทันไล่ตามเป่ยกงจั๋วได้ทัน กลับต้องวนมาเจอกับมู่หลินหลางเสียก่อน และราชวงศ์ตงหวงก็ได้ส่งยอดฝีมือมาเพิ่มอีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้
มู่เฉินซีนั้นอันตรายมาก และคนที่อยู่ข้างกายของนางก็อันตรายยิ่งกว่าเสียอีก
เดิมทีแล้วคนของราชวงศ์ตงหวงต้องการที่จะส่งมู่หลินหลางออกไปก่อน เพื่อความปลอดภัยของนาง
เพียงแต่ความเกลียชังของมู่หลินหลางที่มีต่อมู่เฉียนซีนั้นล้ำลึก จนนางปฏิเสธที่จะกลับไป ฉะนั้นนางจึงยังคงอยู่ภายในกลุ่มและไล่ล่ามู่เฉียนซีต่อไป
มู่หลินหลางเหลือบมองมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “หนีอีกแล้วหรือ! มู่เฉินซี เจ้าน่าจะหนีมาพอแล้ว เช่นนั้นจงยอมรับความตายเสียเถอะ!”
“ช่างเกะกะจริง ๆ เลย!” มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
“ลงมือเลย” มู่เฉียนซีไม่อยากที่จะเสียเวลาอยู่ที่นี่กับมู่หลินหลางอีกแล้ว นางต้องการที่จะฉวยโอกาสช่วยเสี่ยวไป๋ตอนที่จิตวิญญาของเป่ยกงจั๋วกำลังได้รับบาดเจ็บ ซึ่งแน่นอนว่ามันสำคัญสำหรับนางมากกว่าอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามกองกำลังของราชวงศ์ตงหวงที่ไล่ตามมาหาเรื่องเหล่านี้ก็จัดการได้ไม่ง่ายนัก ในขณะที่คนอื่นกำลังต่อสู้กับพวกของมังกรวารี มู่หลินหลางก็พุ่งเข้าจู่โจมหามู่เฉียนซีอีกครั้ง
ด้ายจักรพรรดิทองคำแหวกไปในอากาศและโหมกระหน่ำเข้ามา แต่มู่เฉียนซีกลับกล่าวพลางยิ้มเยาะว่า “มู่หลินหลาง เจ้าพ่ายแพ้ให้ข้าติดต่อกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าขนาดนี้แล้ว มันจึงทำให้ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าผู้ใดเป็นคนมอบความกล้าให้เจ้ากล้ามาเผชิญหน้ากับข้าอีกกันแน่?”
มู่หลินหลางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “มู่เฉินซี วันนี้ข้ามู่หลินหลางจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้!”
“เจ้าทำไม่ได้หรอก!”
ตูมมม!
พลังวิญญาณธาตุวายุระเบิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นนางก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ
มู่เฉียนซีเองก็ค้นคว้าเคล็ดลับของมู่หลินหลางจนเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ฉะนั้นมันจึงทำให้นางต่อสู้กับมู่หลินหลางได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น
และมู่หลินหลางที่ได้รับบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็กัดฟันจนเกือบจะหักอยู่แล้ว
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
พัดวิหคเฟิงหลิงถูกกางออกอย่างกะทันหัน และแสงเย็นยะเยือกที่ระเบิดออกมาก็พุ่งเข้าโจมตีมู่หลินหลางทันที
“เพลิงนภาพิฆาต!”
หลังจากนั้นเปลวเพลิงสีแดงก่ำก็พุ่งทะยานผ่านไปอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย
ปัง ปัง ปัง!
ร่างเงาทั้งสองต่อสู้กันอยู่กลางอากาศอย่างต่อเนื่อง และคราวนี้มู่เฉียนซีก็เป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ
มู่หลินหลางในเวลานี้เหงื่อแตกพลั่ก และนางก็ได้เอาสมบัติออกมาชิ้นแล้วชิ้นเล่า เพื่อที่จะชดเชยข้อเสียของนาง
แต่หากไม่ได้รับการชดเชยพลังที่มาจากภายนอก ก็ไม่อาจยืนหยัดได้นานอยู่ดี
ตูมมม!
เสียงปะทะอันน่าสะพรึงกลัวดังกึกก้องออกมา
ยิ่งต่อสู้พลังของมู่เฉียนซีก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่มู่หลินหลางนั้นกลับตรงกันข้ามอย่างเห็นได้ชัด
ในขณะที่ร่างกายของมู่หลินหลางกำลังสั่นเทาด้วยความทุลักทุเลที่มากขึ้นเรื่อย ๆ อยู่นั้น มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “มู่หลินหลาง ข้าว่าเจ้าไม่น่าจะมีไพ่ตายเพียงเล็กน้อยแค่นี้นะ! เจ้าน่าจะมีวิธีที่ใช้ในการยกระดับความสามารถให้แข็งแกร่งอยู่ไม่ใช่หรือ?”
“เหตุใดถึงไม่ใช่เสียเล่า? เจ้าลองคิดดูนะ! หากเจ้าเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะเอาชนะข้าได้ก็เป็นได้!”
มู่หลินหลางกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “มู่เฉินซี คนอย่างเจ้าไม่ควรค่าที่จะต้องใช้เคล็ดวิชาลับระดับนั้นหรอก เพราะว่า…เจ้าจะต้องตาย! เดี๋ยวเจ้าก็จะต้องตายแล้วยังไงล่ะ!”
อันตราย!
ทันทีที่มู่หลินหลางพูดปะโยคนี้จบ ความรู้สึกอันเฉียบคมของมู่เฉียนซีก็สัมผัสได้ถึงอันตรายบางอย่าง
ฉัวะ!
กระบี่คร่าชีวิตได้ตวัดมาทางนางอย่างไม่ให้สุ่มให้เสียง และมู่เฉียนซีก็อาศัยเพียงสัญชาตญาณที่มีต่ออันตรายถึงสามารถรู้สึกถึงมันได้นั่นเอง
แต่ถึงกระนั้น มันก็สายเกินไปอยู่ดี!
คู่ต่อสู้นั้นทั้งแข็งแกร่งและรวดเร็วเป็นอย่างมาก ถึงจะใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาก็ไม่อาจหลบหลีกได้พ้น และนางก็ถูกผนึกเอาไว้ได้แล้ว
ลำแสงสีดำนั้นพุ่งเข้าจู่โจมไปที่หน้าอกของมู่เฉียนซี และสีหน้าของมู่หลินหลางก็เผยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจออกมาทันที
ในที่สุดมู่เฉินซีก็จะต้องตายแล้ว เป็นเพียงแค่ตัวเกะกะที่คอยขัดขวางความก้าวหน้า คิดไม่ถึงว่าจะกล้ามาสู้กับนาง ซ้ำยังไม่ดูว่าตนเองมีสถานะเป็นอะไรอีกด้วย?
แม้จะบอกว่าข้างกายของนางมียอดฝีมือที่ยอดเยี่ยมถึงสองคน แต่นางก็เป็นถึงองค์หญิงของกองกำลังระดับห้าอย่างราชวงศ์ตงหวง หรือคิดว่าข้างกายของนางไม่มีคนแข็งแกร่งเลยหรืออย่างไร?
ก่อนหน้านี้นางประเมินมู่เฉินซีต่ำเกินไปถึงได้ปล่อยให้มู่เฉินซีได้ใจมานานถึงเพียงนี้ และในที่สุดก็ถึงเวลาตายของนางแล้ว
พรึ่บบ!
ถึงมู่เฉียนซีจะไม่สามารถหลบหลีกได้ แต่ชิงอิ่งปรากฏตัวออกมาด้วยความเร็วอย่างน่าประหลาด และได้สกัดกั้นกระบวนท่าสังหารให้กับมู่เฉียนซี
เนื่องจากชิงอิ่งไม่ใช่มนุษย์ ฉะนั้นกระบวนท่าเช่นนี้จึงไม่เพียงพอที่จะทำลายเขาได้
ฉะนั้นเขาจึงไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดอยู่แล้ว และหลังจากนั้นลำแสงสีเขียวอ่อนก็ได้กวาดไปยังคนที่แอบลอบโจมตีในทันที
ซึ่งตอนนี้เขาโมโหมากจริง ๆ!
“นั่นมัน…” นัตย์ตาของมู่เฉียนซีหดลงอย่างกะทันหัน สิ่งที่ต่อสู้กับชิงอิ่งเป็นเพียงแค่เงาเท่านั้น
ร่างเงานั้นมีเพียงแค่รูปร่างที่ไม่ชัดเจนร่างหนึ่ง ซึ่งมันแทบจะไม่สามารถจะเห็นเป็นรูปร่างที่สมบูรณ์ได้เลย
แต่มู่เฉียนซีสามารถมั่นใจได้ว่า นั่นจะต้องไม่ใช่อวิ๋นซิวแน่นอน
แต่ตระกูลเฟิงถูกทำลายล้างไปแล้ว และเหลืออวิ๋นซิวเพียงคนเดียวเท่านั้น
ทว่าดูเหมือนว่าตอนนี้ข้อมูลนั้นจะไม่ถูกต้องเสียแล้ว เพราะยังมีคนของตระกูลเฟิงเหลืออยู่อีกคนหนึ่ง และยังถูกมู่หลินหลางใช้งานเหมือนกันอีกด้วย
หากชิงอิ่งกำลังต่อสู้อยู่กับเงา เช่นนั้นก็หมายความว่าร่างจริงยังอยู่แถวนี้ ซึ่งมันอันตรายมาก!
“มาค้นพบเอาตอนนี้ ก็สายเกินไปแล้วล่ะ แม่สาวน้อย!”
มีเสียงที่โหดเหี้ยมเสียงหนึ่งดังขึ้นมา และร่างเงาสีดำร่างหนึ่งก็มาปรากฏตัวอยู่ใกล้กับมู่เฉียนซีราวกับภูตผีก็มิปาน จากนั้นก็ปล่อยกระบวนท่าสังหารใส่นางทันที!
และก่อนที่กระบี่สีดำเล่มหนึ่งจะได้เหวี่ยงไปจรดที่ต้นคอของมู่เฉียนซี ก็มีมังกรวารีตัวหนึ่งก็พุ่งทะยานเข้ามาอย่างกะทันหัน
สีหน้าของคนผู้นั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก และตัวเขาก็ถูกกระแทกจนลอยละลิ่วออกไป
มังกรวารีกลายร่างเป็นมนุษย์และปกป้องมู่เฉียนซีอยู่ข้างหลัง จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นมาว่า “ไม่สายไปหรอก!”
มู่หลินหลางรีบล่าถอยไปไกลอย่างรวดเร็ว การโจมตีที่ร้ายแรงหมายจะเอาชีวิตทั้งสองครั้งไม่อาจสังหารมู่เฉินซีได้ มู่เฉินซีนี่จะโชคดีมากเกินไปหน่อยแล้ว
มู่หลินหลางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ลงมือ! รีบลงมือเร็วเข้าสิ!”
ตูมมม!
ในเมื่อมีร่างเงานั้นอยู่ จึงทำให้ต่อไปนี้ทั้งชิงอิ่งและมังกรวารีจะต้องปกป้องมู่เฉียนซีเป็นหลัก และสังหารศัตรูไปด้วย ซึ่งพวกเขาจะไม่ยอมให้เกิดข้อผิดพลาดใด ๆ ขึ้นกับมู่เฉียนซีเป็นอันขาด!
ถึงมู่เฉียนซีคุ้ยเคยกับทักษะการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้เป็นอย่างดี แต่ทว่าความสามารถของคนผู้นี้แข็งแกร่งกว่าอวิ๋นซิว อีกทั้งเขายังมีวิธีในการต่อสู้ยังช่ำชองกว่าอวิ๋นซิวอีกด้วย
ด้วยร่างเงาที่ล่องลอยอย่างไม่แน่นอน ฉะนั้นหากชิงอิ่งไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแกร่งพอจนไม่หวาดกลัวต่อการโจมตีใด ๆ ได้แล้วละก็ ร่างของเขาคงได้ถูกร่างเงานั้นแยกส่วนออกมาหลายชิ้นแล้วเป็นแน่
ตูมมม โครมมม!
ทั้งมังกรวารีและชิงอิ่งได้ปกป้องมู่เฉียนซีที่อยู่ระหว่างกลางจากทั้งซ้ายและขวา ซึ่งทำให้การต่อสู้ในครั้งนี้ถูกผนึกไว้เช่นนี้
หากมู่เฉียนซีต้องการที่จะจัดการกับมู่หลินหลางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ส่วนมู่หลินหลางก็ไม่อาจสังหารมู่เฉียนซีได้เช่นกัน
ด้วยความสมดุลเช่นนี้ เว้นแต่ว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพิ่มเข้ามาก่อน ถึงจะสามารถทำลายมันได้
และในเวลานี้เอง พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของคนหลายคนกำลังใกล้เข้ามา
และเมื่อร่างเงาสีเงินร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาในสายตาของมู่หลินหลาง นางก็กล่าวขึ้นมาว่า “เป่ยกงจั๋ว เจ้ามาได้ทันเวลาพอดีเลย!”
.
.