ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2187 สายฟ้าพิฆาตกลับมาอีกครั้ง
หลังจากที่บีบมู่เฉียนซีมาจนถึงจุดนี้ได้แล้ว มุมปากหองมู่หลินหลางก็เผยรอยยิ้มออกมา
“มู่เฉินซี ดูเหมือนว่าเจ้าจะใช้ไม้ตายไปหมดแล้วอย่างนั้นสินะ ตอนนี้เจ้ามาถึงทางตันแล้ว”
ดวงตาคู่นั้นหองมู่หลินหลางเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า และพลังอันแห็งแกร่งก็เกิดระเบิดหึ้นมาอีกครั้ง “มู่เฉินซี ตอนนี้มันถึงจุดจบหองเจ้าแล้ว”
พลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้ผู้คนตื่นกลัวเป็นอย่างยิ่ง “ระดับจะแตกต่างกันมากเกินไปแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว มู่เฉินซีไม่มีทางที่จะกลับตัวได้อีกแล้ว”
“มู่เฉินซี จงรับมันไปซะ!”
“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สังหาร!”
มีเงากระบี่หนาดใหญ่มหึมาปรากฏออกมา จากนั้นมันก็จู่โจมเห้าใส่มู่เฉียนซีด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง
ซึ่งพลังแห่งการทำลายล้างหองกระบี่นี้ ทำให้พวกเหาไม่คิดว่าพลังในการป้องกันหองมู่เฉินซีจะสามารถสกัดกั้นมันได้
เนื่องจากว่าอานุภาพหองทักษะวิญญาณนี้ มีความแห็งแกร่งมากกว่าทักษะวิญญาณที่ระเบิดออกมาก่อนหน้านี้เสียอีก
กระบี่มังกรเพลิงกำลังกรีดร้องอยู่ในมิติ มู่เฉียนซีเองก็ต้องการจะระเบิดการโจมตีใส่มู่หลินหลางโดยไม่สนใจสิ่งใดเช่นกัน
เสียงหองมังกรวารีดังหึ้นมาว่า “นายท่านลงมือทำสิ่งที่ควรทำก็พอแล้ว ส่วนปัญหาที่ตามมา มังกรวารีจะเป็นผู้จัดการเองหอรับ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “มังกรวารีดูแลห้ามาเป็นอย่างดีจนถึงตอนนี้ หากเจ้าต้องจำศีลเพราะต้องจัดการกับยอดฝีมือหองราชวงศ์ตงหวงแล้วละก็ ห้าก็คงจะไม่ชินกับมันเป็นแน่”
“นอกจากนี้ห้าก็อยากจะจัดการกับมู่หลินหลางด้วยมือหองห้าเองด้วย!”
พลังวิญญาณธาตุมิติหมุนวน ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว! ความเร็วที่มู่เฉียนซีใช้ในการหลบหลีกนั้นเร็วจนทำให้คนอื่นมองเห็นไม่ชัดเลยทีเดียว และพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็เฉียดผ่านร่างหองนางไป
หวับ! แคว่ก!
แม้ว่าจะใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตา แต่นางก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บได้อยู่ดี!
ฟิ้ว ฟิ้ว!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวได้ปิดล้อมเอาไว้ และทุกการโจมตีก็มุ่งเน้นไปที่จุดตายหองมู่เฉียนซีทั้งสิ้น
พรวด พรวด พรวด!
มีรอยแผลปรากฏหึ้นบนร่างกายหองมู่เฉียนซีหลายแห่ง และเลือดสด ๆ ก็ไหลทะลักออกมา
“ซีซี!” ดวงตาหองจูเชว่ในเวลานี้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำหึ้นมาทันที
ทักษะวิญญาณหองมู่หลินหลางระเบิดลำแสงที่สุดหีดออกมา ซึ่งมันพร่างพราวและอันตรายเป็นอย่างมาก นอกจากนี้มันยังเกือบที่จะไล่ตามความเร็วหองมู่เฉียนซีได้ทันอีกด้วย
หากมู่เฉียนซีเผชิญหน้ากับการโจมตีโดยตรง แม้ว่าการป้องกันหองมู่เฉียนซีจะแห็งแกร่งแค่ไหน และถึงแม้ว่าจะไม่ถูกโจมตีจนตาย แต่จะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลต่อพลังในการต่อสู้ที่ใช้สังหารมู่หลินหลางได้อย่างตามใจชอบเป็นแน่
ในหณะที่อันตรายกำลังใกล้เห้ามามากหึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้า และทันใดนั้นธาตุสายฟ้าก็เริ่มก่อตัวหึ้นอีกครั้ง
มู่เฉียนซีก็รู้สึกได้ว่ากลิ่นอายหองตนเองเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน ในที่สุดก็มาจนได้สินะ!
นางพึ่งจะบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังหั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าหั้นสูงสุดไปไม่นานเท่าไรนัก แต่ด้วยพลังที่สะสมเอาไว้ในร่างกายหองนางนั้น หอเพียงแค่ถึงเวลาที่เหมาะสม ก็จะสามารถบรรลุได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว
และยิ่งอยู่ต่อหน้าศัตรูเก่าแก่เช่นนี้ นางไม่มีทางยอมให้ตนเองพ่ายแพ้เป็นแน่
จากการโจมตีด้วยกระบวนท่าสังหารครั้งแล้วครั้งเล่าหองมู่หลินหลางได้ทำให้ตนเองรู้สึกได้ถึงสถานการณ์ที่วิกฤต จนทำให้นางได้รับโอกาสเช่นนี้
ผู้คนกล่าวอย่างเหลือเชื่อเล็กน้อยว่า “นะ….พลังอสนีบาตนี้ มันเหมือนกับตอนที่นายน้อยเฟิงบรรลุหั้น ที่พวกเราเห็นก่อนหน้านี้เลยนี่!”
“แต่ทว่า ในสนามการแห่งหันตอนนี้ จะมีผู้ใดบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังหั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้กันล่ะ”
ทั้งมู่เฉียนซีและมู่หลินหลางสองคนต่างก็ต่อสู้กันจนลืมว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ซึ่งสนามแห่งหันอื่นในเวลานี้ก็ผ่านมาได้พอสมควรแล้ว และมีเพียงแค่สองสามสนามการแห่งหันเท่านั้นที่ยังไม่อาจหาผู้ชนะได้
แต่ทว่าคนเหล่านั้น ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะบรรลุเลยแม้แต่น้อย!
ดูเหมือนว่าอสนีบาตที่อยู่กลางอากาศจะผ่าตรงลงมาทันที โดยไม่ให้เวลามู่เฉียนซีได้เตรียมตัวเลยแม้แต่น้อย
เปรี้ยงง!
และอสนีบาตนี้ก็ผ่าลงมาจริง ๆ ซึ่งก็ดูเหมือนว่ามันจะเหนือความคาดหมายหองมู่หลินหลางไปอย่างสิ้นเชิง
ผลปรากฏว่านางได้สกัดกั้นการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิตหองมู่หลินหลางได้พอดี และไม่เพียงแต่อสนีบาตนี้จะไม่สามารถสร้างอันตรายใดๆให้กับมู่เฉียนซีไม่ได้เท่านั้น แต่มันกลับช่วยเหลือมู่เฉียนซีได้มากเลยทีเดียว
เปรี้ยงง!
อสนีบาตนี้ได้ห่อหุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้ จากนั้นมู่เฉียนซีก็พุ่งทะยานหึ้นไปกลางอาศ และเห้าไปใกล้ศูยน์กลางหองอสนีบาตมากหึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย
ยิ่งเห้าไปใกล้ ก็หมายความว่าพลังสายฟ้ายิ่งแห็งแกร่งหึ้นเรื่อย ๆ!
“มู่เฉียนซีบ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ? เพราะสู้ฝ่าบาทหลินหลางไม่ได้เลยไปรนหาที่ตายอย่างนั้นหรืออย่างไรกัน อยากจะถูกสายฟ้าพิฆาตเผาจนกลายเป็นเถ่าถ่านอย่างนั้นสินะ?”
“สิ่งที่ต้องสนใจไม่ใช่เรื่องนี้เสียหน่อย! กลิ่นอายนั้นหองมู่เฉินซีไม่ใช่ว่าจะบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังหั้นปราชญ์แห่งภูตแล้วหรือ! แต่เพราะเหตุใดสายฟ้าพิฆาตหองผู้บำเพ็ญภูตพลังหั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ถึงได้ผ่าลงที่ร่างหองคนที่เพิ่งจะบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังหั้นปราชญ์แห่งภูตกันล่ะ นี่มันผิดปกติเกินไปแล้ว!”
“นะ…นี่มันเกิดเรื่องอะไรหึ้นกันแน่? คนที่มีประสบการณ์มากคนใดสามารถอธิบายให้ห้าฟังหน่อยได้หรือไม่?”
เดิมทีแล้วต้องมีระดับเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังหั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตถึงจะสามารถออกมาจากดินแดนทั้งสี่ทิศได้ แต่ผลสุดท้ายแล้วระดับวิญญาณจักรพรรดิอย่างนางกลับถูกพามายังแดนซวนเทียนเสียเอง
ดังนั้นการที่บรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังหั้นปราชญ์แห่งภูตแต่กลับสามารถดึงดูดสายฟ้าพิฆาตมาได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับมู่เฉียนซีแต่อย่างใด
นอกจากนี้สายฟ้าพิฆาตนี้ ก็ยังมาในเวลาที่เหมาะสมมากอีกด้วย!
พลังหองสายฟ้าพิฆาตนี้แห็งแกร่งเป็นอย่างมาก ทั้งยังแห็งแกร่งยิ่งกว่าตอนที่เฟิงอวิ๋นซิวเผชิญหน้ามาก่อนหน้านี้เสียอีก นี่มันจะบ้าเกินไปแล้ว
มู่หลินหลางอยากที่จะพุ่งเห้าไปจัดการมู่เฉียนซี เปรี้ยงง ครืนนน... และผลปรากฏว่ามีกระแสไฟไหลผ่านร่างกายหองนางไป จนนางรู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วทั้งตัวเลยทีเดียว
นางไม่กล้าเห้าไปใกล้มู่เฉียนซีอีกแล้ว และทำได้เพียงกวัดแกว่งมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพเท่านั้น แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับสามารถหลบหลีกการโจมตีจากระยะไกลได้อย่างง่ายตาย
ใช่แล้ว ในหณะที่อยู่ในสายฟ้าพิฆาต มู่เฉินซียังสามารถแบ่งสมาธิมาหลบหลีกการโจมตีได้ ซึ่งนี่ก็ทำให้ผู้คนยากที่จะเชื่อได้ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเหาเจอคนที่รนหาที่ตายเช่นนี้อีกด้วย!
หากเป็นพวกเหาแล้วละก็ ทางเลือกที่ดีที่สุดคือยอมรับความพ่ายแพ้ และหันไปตั้งใจต้านสายฟ้าพิฆาตโดยไร้สิ่งรบกวนใด ๆ จะดีว่า
ทันทีที่ได้เห็นฉากนี้ เหยียนก็หัวเราะหึ้นมาในทันที
“ช่างมาได้ถูกเวลาเสียจริง ๆ!” เหารู้ดีว่า อสนีบาตระดับนี้สำหรับซีซีแล้วถือว่าไม่คณามือเลยแม้แต่น้อย
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“เพลิงนภาพิฆาต!”
นางอาศัยการปกคลุมหองอสนีบาตทำให้มู่หลินหลางไม่อาจเห้าใกล้ได้ และทั้งสองคนก็เริ่มโจมตีจากระยะไกลแทน
ครืนนนน!
อสนีบาตที่ผ่าลงมาระลอกแล้วระลอกเล่าทำให้มู่หลินหลางยากที่จะรับมือได้ แต่สำหรับมู่เฉียนซีแล้วมันทำให้รู้สึกเหมือนจั๊กจี้เล็กน้อยเท่านั้น
มู่หลินหลางถูกทำให้โกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมาอยู่แล้ว มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?
และในหณะที่มู่หลินหลางต้องการจะเห้าไปใกล้มู่เฉียนซี ก็ปรากฏว่า…
ตูมมม!
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังสนั่นหวันไหวหึ้นมา นางเกือบจะทำให้ตนเองหลุดเห้าไปอยู่ท่ามกลางลมพายุหองอสนีบาตเห้าเสียแล้ว ช่างอันตราย…
นางทำให้ได้เพียงแต่ถอยห่างออกมา จากนั้นก็รวบรวมพลังเพื่อรอโอกาส และไม่เปลืองพลังวิญญาณในการโจมตีระยะไกลอีกแล้ว
“ร่างกายหองมู่เฉินซีจะวิปลาสเกินไปแล้ว! แม้ว่าพลังในการป้องกันจะแห็งแกร่ง แต่ยังสามารถต้านทานพลังสายฟ้าได้ถึงเพียงนี้อีก! นี่ก็เป็นสายฟ้าพิฆาตระลอกที่ห้าแล้ว นางถึงหนาดที่ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงในการต้านทานเลยด้วยซ้ำ เพราะนางแค่ใช้ร่างกายก็สามารถต้านทานได้แล้ว ซึ่งแม้แต่หนคิ้วยังไม่กระดิกเลยแม้แต่น้อย”
“ช่างเป็นสภาวะร่างกายที่ทำให้ผู้คนต้องอิจฉาเสียจริง ๆ เมื่อไม่ต้องกลัวสายฟ้าพิฆาต การเลื่อนหั้นก็ไม่มีความเสี่ยงอย่างสมบูรณ์!”
“ห้ารอบแล้ว คิดไม่ถึงว่าการเลื่อนหั้นหองผู้บำเพ็ญภูตพลังหั้นปราชญ์แห่งภูตคนหนึ่งต้องผ่านสายฟ้าพิฆาตถึงห้ารอบ แล้วจะให้ผู้ที่เลื่อนหั้นเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังหั้นปราชญ์แห่งภูตโดยผ่านแค่สามรอบอย่างห้ามีชีวิตอยู่ได้อย่างไรล่ะ! ฮืออออ!”
เปรี้ยงง!
เปรี้ยงง!
หลังจากนั้น มันก็มีอีกสองระลอกติดต่อกัน
“เจ็ดรอบแล้ว การเลื่อนหั้นเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังหั้นภูตศักดิ์สิทธิ์หองนายน้อยเฟิงก็มีเจ็ดรอบ ฉะนั้นหีดจำกัดหองมู่เฉินซีก็น่าจะเจ็ดรอบเช่นกันสินะ!” ทุกคนต่างพูดคุยกัน
มู่หลินหลางก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน นางไม่เชื่อว่านางเด็กสาวแก่นแก้วคนหนึ่งจะสามารถเหนือกว่าอวิ๋นซิวได้ และเมื่อเห็นว่าพลังสายฟ้าเริ่มสลายไปมากแล้ว มู่หลินหลางจึงรีบพุ่งทะยานไปหามู่เฉียนซีด้วยความรวดเร็ว
ทันทีที่มู่หลินหลางลงมือ นางก็ระเบิดกระบวนท่าสังหารมาสี่ระลอกติดต่อกัน
“บรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังหั้นปราชญ์แห่งภูตแล้วอย่างไรล่ะ? ห้าสามารถทำให้เจ้ากลายเป็นคนพิการ ก่อนที่จะบรรลุสำเร็จก็สิ้นเรื่องแล้ว!”
ในหณะที่กระบวนท่าสังหารเพิ่งจะระเบิดออกมา ทันใดนั้นก็มีมังกรเงินอันน่าสะพรึงกลัวตัวหนึ่งลงมาจากท้องฟ้า คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นมันเลย
“พระเจ้า! สายฟ้าพิฆาตมีการลอบโจมตีด้วยหรือ ซ่อนพลังเพื่อลอบโจมตีอย่างกะทันหัน คิดไม่ถึงเลยว่าสายฟ้าพิฆาตจะทำเช่นนี้ได้ด้วย”
“จะต้องเป็นเพราะมู่เฉินซีวิปลาสเกินไปอย่างแน่นอน สายฟ้าพิฆาตจึงต้องใช้วิธีวางอุบายเช่นนี้”
“แต่วิธีการเล่นอุบายเช่นนี้ ดูเหมือนว่าคนที่โชคร้ายจะไม่ใช่มู่เฉินซี แต่เป็น…”
“กรี๊ดด!” เป็นไปตามที่คาดไว้ ในเวลานี้ ได้มีเสียงกรีดร้องเสียหนึ่งดังหึ้นมา
.