ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2183 อยู่เป็นเพื่อนจนจบ
นาง…คิดไม่ถึงเลยว่านางจะยอมพลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้ รนหาที่ตายยิ่งนัก?
มู่หลินหลางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จนแทบอยากที่จะพุ่งไปถลกหนังของมู่เฉินซีออกมาไม่ไหวอยู่แล้ว
ตอนนี้ ก็ทำให้เพียงหวังว่าเฟิงอวิ๋นซิวจะล้มเหลวในการผ่านพายุอสนีบาตไปได้เท่านั้น!
เปรี้ยง!
ลำแสงสายฟ้าสีเงินห่อหุ้มเฟิงอวิ๋นซิวเอาไว้ พลังธาตุอัสนีมีความรุนแรงเป็นอย่างมาก และทุกคนก็เริ่มที่จะเป็นห่วงนายน้อยตระกูลเฟิงผู้นี้ขึ้นมาแล้ว
หากเขาไม่สามารถผ่านมันไปได้ เกรงว่าอาจจะบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน
ขณะที่มู่เฉียนซีหลับตาอยู่นั้น ขนตาของนางก็พลันสั่นไหวเล็กน้อยยามที่สายฟ้าฟาดลงมา แต่ทว่ากลับไม่เผยสีหน้าใดๆออกมาเลย
หลังจากที่อัสนีบาตนั้นหยุดลงแล้ว เฟิงอวิ๋นซิวก็ยังคงอยู่ดีอยู่ที่เดิมนั้น ทั้งยังไม่ได้ล้มฟุบลงไปแต่อย่างใด ทว่าสายฟ้าลงทัณฑ์นี้ยังไม่สิ้นสุดไปอย่างง่ายดาย!
ครืนนนน!
อสนีบาตได้ฟาดลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
“สามรอบ! ตอนนี้ผ่านไปสามรอบแล้ว”
การประสบกับอสนีบาตในการเลื่อนขั้นเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์นั้น ยิ่งมีจำนวนมากเท่าไร ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าพรสวรรค์ของคนผู้นั้นสูงมากเท่านั้น
รอบเดียวหมายความว่าปกติ ส่วนสามรอบนั้นหมายความว่าพรสวรรค์ของคนผู้นั้นยอดเยี่ยมมาก
แต่ทว่า หลังจากที่ผ่านไปสามรอบแล้วมันก็ยังไม่สิ้นสุดลงอยู่ดี
บนอากาศยังคงมีอสนีบาตอันแข็งแกร่งก่อตัวอยู่ และเพียงไม่นานรอบที่สี่ก็เริ่มผ่าลงมา
เฟิงอวิ๋นซิวยังคงยืนหยัดได้อยู่ ซึ่งนี่ก็ทำให้เห็นว่าเขามีการควบคุมจิตที่ไม่ธรรมดาเลย
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
หลังจากนั้นเฟิงอวิ๋นซิวก็ถูกฟ้าผ่าลงมาติดต่อกันถึงสามรอบ ถึงเขาในเวลานี้จะสับสน แต่ก็ทำได้แค่เพียงกัดฟันยืนหยัดต่อไป
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจล้มลงไปได้ เขาจะล้มเหลวไม่ได้!
ในเวลานี้สิ่งเดียวที่เขาสามารถใช้ได้คือยาน้ำและยาลูกกลอนที่อยู่ในมิติเหล่านี้เท่านั้น ซึ่งเขาก็ได้ใช้มันทั้งหมดแล้ว เพียงเพื่อหวังว่ามันจะสามารถช่วยเขาให้ผ่านพ้นภัยพิบัตินี้ไปได้
เปรี้ยงง!
มีเสียงดังกึกก้องกัมปนาทอีกครั้ง
“รอบที่เจ็ดแล้ว!” มู่หลินหลางกัดฟันพูดสี่คำนี้ออกมา
สถานการณ์ตอนที่นางเลื่อนขั้นเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เท่านั้น ฉะนั้นคนบนโลกนี้จึงไม่รู้ว่านางเลื่อนขั้นเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ด้วยการผ่านอสนีบาตทั้งหมดเจ็ดรอบ ซึ่งไม่ใช่เก้ารอบเหมือนระดับแนวหน้า
และคิดไม่ถึงว่าตอนนี้เฟิงอวิ๋นซิวก็ผ่านอสนีบาตถึงเจ็ดรอบแล้วเช่นกัน ซึ่งมันก็ทำให้เห็นว่าพรสวรรค์ของเขาน่ากลัวเพียงใด
ตึงงง!
และเฟิงอวิ๋นซิวก็ล้มลง ในอสนีบาตรอบที่เจ็ดนี้
เขาในเวลานี้จนตรอกเป็นอย่างยิ่ง และด้วยกลิ่นอายที่อ่อนแอมากของเขา ก็ทำให้ผู้คิดว่าเขาจะต้องตายไปทั้งอย่างนี้แล้ว
แต่ในเวลานี้เอง กลิ่นอายของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ระเบิดออกมาจากบนสนามการประลอง และเฟิงอวิ๋นซิวก็ยืนขึ้นมาได้แล้ว
แม้ว่าร่างกายของเขายังคงเต็มไปด้วยบาดแผล แต่หลังจากที่บรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว พลังวิญญาณในร่างกายของเขาก็เต็มเปี่ยมขึ้นมาอีกครั้ง
พลังธาตุคู่วายุอัคคีกำลังกู่ร้อง และตัวของเฟิงอวิ๋นซิวก็พุ่งทะยานไปทางมู่เฉียนซีราวกับสายฟ้าแลบก็มิปาน
ในตอนนี้ทุกคนเห็นได้ชัดแล้วว่า ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นสูงสุดแตกต่างจากผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์มากเพียงใด ห่างเพียงแค่ก้าวเดียว แต่พลังกลับต่างชั้นกันเป็นอย่างมาก
ตูมมม!
คราวนี้ มู่เฉียนซีไม่สามารถหลบหลีกได้ และเฟิงอวิ๋นซิวก็ได้ระเบิดพลังที่น่าทึ่งออกมา
“มู่เฉินซีต้องพ่ายแพ้อย่างนั้นหรือ?”
“ช่างน่าเสียดายจริง ๆ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่านางสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดายแท้ ๆ”
“ผู้ใดใช้ให้นางอวดเก่งกันเล่า สมควรแล้ว”
ถึงจะรับการโจมตีของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ซึ่ง ๆ หน้า แต่มู่เฉียนซีกลับไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด มีเพียงท่าทางที่ดูทุลักทุเลเล็กน้อยเท่านั้น
“ความสามารถของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ ช่างยอดเยี่ยมมากเลยจริง ๆ!” มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของมู่เฉียนซี และทันใดนั้นนางก็โบกพัดวิหคเฟิงหลิงเพื่อโจมตีกลับทันที
คนอื่น ๆ กล่าวอย่างตื่นตะลึงว่า “นางป้องกันได้สำเร็จแล้ว!”
“ช่างเป็นความสามารถในการป้องกันที่วิปลาสจริง ๆ แม้แต่การโจมตีของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถขวางเอาไว้ได้ด้วย”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“เพลิงอนันต์ เมฆาพินาศ!”
ตูมมม โครมมม!
บนสนามการแข่งขันมีเสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวดังกึกก้องออกมาอีกครั้ง ผู้คนต่างจ้องมองไปที่ร่างเงาของทั้งสองด้วยความตื่นตะลึง
การโจมตีที่รุนแรงของเฟิงอวิ๋นซิวที่กลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง สำหรับมู่เฉินซีแล้ว ดูเหมือนว่านางไม่จำเป็นต้องใช้พลังในการป้องกันที่มากเกินไปนัก แต่ใช้เพียงพลังทางกายภาพระดับต่ำของนางสกัดกั้นการโจมตีเอาไว้ก็เพียงพอแล้ว และหลังจากนั้นก็โจมตีกลับอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
รูปแบบการโจมตีที่บ้าคลั่งถึงเพียงนี้ คาดว่าในสถานที่แห่งนี้น่าจะมีเพียงมู่เฉินซีเท่านั้นที่กล้าทำเช่นนี้ได้ เนื่องจากว่าหากไม่มีพลังทางกายภาพที่แข็งแกร่ง แล้วมีการใช้การโจมตีเช่นนี้ คาดว่าน่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนพิการไปนานแล้ว
ปัง ปัง ปัง!
การปะทะกันอย่างรุนแรง เป็นเรื่องที่น่าหวาดเสียวเป็นอย่างยิ่ง ผลสรุปของการต่อสู้ในสนามการแข่งขันแห่งนี้ ใครจะแพ้หรือจะชนะ ล้วนไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาได้เลย
ดวงตาของมู่หลินหลางหรี่ลงอย่างอันตราย นางจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี “ความสามารถของมู่เฉินซีเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นมาอีกแล้ว นี่มันพึ่งผ่านไปไม่นานเท่าไรเองมิใช่หรือ?”
“ฝ่าบาท มู่เฉินซีผู้นี้รับมือได้ยากมาก! พระองค์จะต้องมีหาวิธีการในการโต้ตอบที่สมบูรณ์แบบ และห้ามดูถูกนางเป็นอันขาด มิเช่นนั้นหากพระองค์ต้องเผชิญหน้ากับนางในการแข่งขันรอบที่สิบแล้วละก็ มีความเป็นไปได้มากกว่าอาจจะเจอกับปัญหาใหญ่ได้พ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงที่แหบแห้งเสียงหนึ่งดังออกมาจากในความมืด
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าไม่มีทางยอมให้ผู้ใดแข็งแกร่งมากกว่าข้าได้หรอก! ข้าพยายามอย่างยากลำบากมาเป็นเวลาหลายปีเช่นนี้ แน่นอนว่าจะไม่ยอมให้นางเด็กแก่นแก้วนั่นมาทำลายความดีของข้าได้แน่” มู่หลินหลางกล่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
ตูมมม!
ความตั้งใจในการต่อสู้ของทั้งสองคนมาถึงขีดสุดแล้ว การต่อสู้ที่ยากลำบากครั้งนี้ ใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับความอดทนและความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของแต่ละคนด้วย
ทั้งสองต่างก็ไม่ได้ขาดความอดทน แต่ความแข็งแกร่งหลังจากนี้ จำเป็นที่จะต้องใช้ยาลูกกลอนเสริมในการฟื้นฟูพลังวิญญาณด้วย
แต่บังเอิญว่า ในตอนที่เฟิงอวิ๋นซิวกำลังเอาตัวรอดจากอสนีบาต เขาก็ได้ใช้ยาลูกกลอนไปจนหมดสิ้นแล้ว ฉะนั้นในตอนนี้เขาจึงไม่มีทางเลือกเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งมู่หลินหลางก็ค้นพบเรื่องเล็กน้อยนี้แล้ว
ไม่ดีแน่…
เฟิงอวิ๋นซิวเป็นเงาของมู่หลินหลาง เขาอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ชิดกับมู่หลินหลางมากที่สุด และมีอัจฉริยะมากมายในราชวงศ์ตงหวงที่อิจฉาเขา แต่คิดว่าพวกเขาคงคาดไม่ถึงว่าทรัพยากรในการฝึกฝนของเฟิงอวิ๋นซิวเดิมทีนั้น เทียบกับองครักษ์ที่ใกล้ชิดของมู่หลินหลางไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
และการแข่งขันในคราวนี้ มู่หลินหลางก็ไม่ได้จัดเตรียมยาลูกกลอนให้กับเฟิงอวิ๋นซิวมากมายเท่าไรนักอีกด้วย
แม้ว่าเฟิงอวิ๋นซิวจะเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง แต่หากพลังวิญญาณถูกใช้ไปจนหมดก็ยากที่จะเอาชนะมู่เฉินซีได้อยู่ดี
“อวิ๋นซิว แม้ว่าเจ้าจะพ่ายแพ้ แต่ก็อย่าแพ้เร็วเกินไปนัก! จงพยายามผลาญพลังวิญญาณของนางให้หมด รวมไปถึงยาลูกกลอนของนางด้วย!” มู่หลินหลางกล่าวสั่ง
เฟิงอวิ๋นซิวยังคงต่อสู้ต่อไป ถึงพลังวิญญาณของเขาจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไปแล้ว แต่เนื่องจากว่าเป็นคำสั่งของมู่หลินหลางจึงทำให้เขาต้องลงมืออีกครั้ง!
ปัง ปัง ปัง!
เฟิงอวิ๋นซิวที่ไม่มีพลังวิญญาณที่เพียงพอถูกมู่เฉียนซีโจมตีจนล่าถอยออกไป และร่างของเขาก็ซวนเซเล็กน้อย
“พลังวิญญาณของเฟิงอวิ๋นซิวหมดแล้ว เขากำลังจะแพ้!”
“การแข่งขันรอบนี้ต่อสู้กันนานถึงเพียงนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วคนที่ชนะ จะเป็นมู่เฉินซี!”
“……”
เมื่อผู้คนได้พูดคุยถึงบทสรุปของการแข่งขันในรอบนี้เรียบร้อยแล้ว พวกเขากลับคิดไม่ถึงว่าแม้จะมาถึงตอนนี้แล้ว แต่เฟิงอวิ๋นซิวก็ยังคงไม่ยอมแพ้อยู่ดี
ถึงพลังวิญญาณจะหมดไปแล้ว แต่ก็ยังสามารถต่อสู้แบบประจัญหน้ากันได้อยู่!
แม้ว่าเขาจะเต็มไปด้วยบาดแผล และบาดแผลของเขาจะมีเลือดออกทันทีที่ร่างกายของเขาเคลื่อนไหว แต่เขากลับยังพุ่งทะยานเข้าหามู่เฉียนซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
หากไม่มีพลังวิญญาณ ถึงแม้จะเป็นกระบวนท่าที่ทรงพลัง และเป็นทักษะที่ดีมากเพียงใด แต่ก็ไม่อาจสู้กับคนที่ใช้พลังวิญญาณในการต่อสู้คนหนึ่งได้
สุดท้ายแล้วถึงมู่เฉินซีจะเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต แต่ก็ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญตบะที่ฝึกฝนพลังวิญญาณเป็นครั้งแรกอยู่ดี
ในตอนที่เฟิงอวิ๋นซิวเข้ามาใกล้ มู่เฉินซีก็ได้เรียกคือพลังวิญญาณของตนเองกลับมา
“พลังวิญญาณของมู่เฉินซียังไม่หมดลงเลย คิดไม่ถึงเลยว่านางจะไม่ใช้พลังวิญญาณแล้ว นี่นางคิดจะต่อสู้กับเฟิงอวิ๋นซิวอย่างเท่าเทียมอย่างนั้นหรือ?”
“นางยังมีความมั่นใจขนาดนั้น ไม่กลัวว่าจะไม่ทันระวังจนเรือล่มในคลองระบายน้ำเลยหรืออย่างไร?”
“……”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ในเมื่อตอนนี้เจ้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เช่นนั้นข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าไปจนจบเอง! เฟิงอวิ๋นซิว!”
ปังงง!
มู่เฉียนซีได้ออกแรงที่แขน จากนั้นก็เหวี่ยงใส่เฟิงอวิ๋นซิวทันที
.