ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2182 เขาจะแพ้ไม่ได้
มู่หลินหลางส่งกระแสจิตไปหาเฟิงอวิ๋นซิวและกล่าวว่า “อวิ๋นซิว ใช้ร่างเงา อย่าปล่อยให้นางตายง่ายเกินไปนัก ทำให้นางพิการไปก่อนค่อยว่ากัน ได้ยินหรือไม่?”
การที่มีคนใช้กระแสจิตในระหว่างการแข่งขันนั้นขัดต่อกฏของการแข่งขัน
แต่ทว่าผู้อาวุโสที่คอยเฝ้าสังเกตการณ์การแข่งขันล้วนเป็นคนของราชวงศ์ตงหวง เมื่อพวกเขาค้นพบกระแสจิตของมู่หลินหลาง แน่นอนว่าต้องทำเป็นปิดหูปิดตาข้างหนึ่งอยู่แล้ว
เดิมทีรู้สึกว่าความสามารถของเจ้าหนูตระกูลเฟิงนี่ไม่เลวเลย ทว่าตอนนี้แม้แต่นางเด็กสาวแก่นแก้วเพียงคนเดียวยังจัดการไม่ได้ แล้วยังมาทำให้ฝ่าบาทต้องมาเป็นกังวลเกี่ยวกับเขาอีก ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง ๆ เลย!
เฟิงอวิ๋นซิวถือกระบี่ยาวไว้อย่างยากลำบาก และเข้าปะทะกับมู่เฉียนซีอีกครั้ง
เฟิงอวิ๋นซิวไม่ยอมลามือเหมือนอย่างที่มู่เฉียนซีคาดการณ์เอาไว้ หากเขายอมแพ้เพราะได้รับบาดเจ็บ ก็คงจะไม่ใช่อวิ๋นซิวแล้วล่ะ
นอกจากนี้มู่หลินหลางยังคอยเฝ้าดูอยู่ข้าง ๆ ตราบใดที่เขายังมีลมหายใจ เขาไม่มีทางที่จะยอมแพ้เรื่องเอาชนะนางหรอก
เฟิงอวิ๋นซิวลงมืออีกครั้ง หลังจากที่ปะทะกันอีกหลายสิบรอบแต่เขาก็ยังคงไม่ใช้ร่างเงาอยู่ดี
สีหน้าของมู่หลินหลางดูน่าเกลียดยิ่งขึ้นไปอีก นี่เขายังไม่เชื่อฟังคำสั่งของนางอีกหรือ เป็นไปได้อย่างไรกัน?
“อวิ๋นซิว หากวันนี้เจ้าพ่ายแพ้ละก็ เจ้าก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเงาของข้าอีกแล้ว และอย่าคิดจะมาเจอข้าอีกเลยตลอดชีวิต จากนี้ไปเจ้าก็คิดเอาเองเถอะ!” มู่หลินหลางกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ดวงตาสีอำพันของเฟิงอวิ๋นซิวมืดครื้มลงทันที ข้าแพ้ไม่ได้! เขาจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!
นั่นคือคนที่สำคัญที่สุดของเขา เขาไม่มีทางทนที่จะไม่เจอนางไปตลอดชีวิตเช่นนี้ได้จริง ๆ
การโจมตีของเฟิงอวิ๋นซิวหลังจากนี้ บ้าคลั่งขึ้นมากจนสามารถสังหารศัตรูนับร้อยนับพันได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว
ผู้คนมากมายจ้องมองฉากนี้ด้วยความตกตะลึง “นายน้อยเฟิงจะบ้าเกินไปแล้ว เขาไม่เสียดายชีวิตแล้วหรืออย่างไร?”
“หรือว่าการฝึกฝนของนายน้อยตระกูลเฟิงจะเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้น? จนไม่สามารถใช้ร่างเงาได้”
“……”
แม้แต่มู่หลินหลางก็มีความสงสัยว่าเขาไม่สามารถใช้ร่างเงาได้เช่นกัน
นางแอบกร่นด่าเขาในใจ บัดซบเอ้ย ดันมาเกิดปัญหาในเวลาเช่นนี้เสียได้
การโจมตีของเฟิงอวิ๋นซิวยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนพลังวิญญาณธาตุวายุและอัคคีอันน่าสะพรึงกลัวเกือบจะท่วมท้นเข้าใส่มู่เฉียนซีอยู่แล้ว
นี่เป็นพลังทำลายล้างที่น่าอัศจรรย์ใจมาก หากไม่ใช่เพราะมู่เฉียนซีมีความสามารถทางด้านกายภาพของร่างกายที่วิปลาส ก็คงจะบาดเจ็บสาหัสไปนานแล้ว
แววตาที่มืดมนของมู่เฉียนซีเหลือบมองไปยังมู่หลินหลางที่กำลังชมการแข่งขันนี้อยู่ นางสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังจิตวิญญาณก่อนหน้านี้ นี่มู่หลินหลางพูดอะไรกับอวิ๋นซิวกันแน่นะ?
แม้ว่าเขาจะต้องตาย ก็ไม่อยากที่จะพ่ายแพ้การแข่งขันในคราวนี้
ถึงอวิ๋นซิวในตอนนี้จะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่กลับกำลังบีบคั้นศักยภาพออกมาอย่างสุดความสามารถ ซึ่งตอนนี้มันก็เกือบที่จะถึงทางตันแล้ว
สนามการแข่งขันอื่นเสร็จสิ้นหมดแล้ว แต่ทว่าความกระตือรือร้นของผู้ชมยังไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย
การต่อสู้ของมู่เฉินซีกับเฟิงอวิ๋นซิว แน่นอนว่าต้องเป็นการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นและหวาดเสียวที่สุดอยู่แล้ว
และแน่นอนว่า หากเฟิงอวิ๋นซิวยังผลาญพลังอย่างหนักเช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องทนต่อไปไม่ไหวอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกางพัดวิหคเฟิงหลิงออก จากนั้นก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
พลังธาตุวายุโจมตีอย่างน่าสะพรึงกลัว เมื่อคลื่นลมพัดโหมกระหน่ำ ทุกคนก็อดที่จะเหงื่อตกแทนเฟิงอวิ๋นซิวไม่ได้ และครั้งนี้ก็น่าจะสกัดกั้นเอาไว้ไม่ได้เป็นแน่
ตูมมม!
มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมา ทั่วทั้งสนามการแข่งขันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ผู้คนต่างก็มองเห็นอย่างไม่ชัดเจน ว่านายน้อยตระกูลเฟิงยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
มู่เฉินซี ชนะแล้วอย่างนั้นหรือ?
ในเวลานี้เฟิงอวิ๋นซิวคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น เขาใช้กระบี่ยันตนเองเอาไว้เพื่อไม่ให้ล้มลงไป แววตาของเขานั้นแน่วแน่เป็นอย่างมาก เขาจะพ่ายแพ้ไม่ได้
เขาเหลือบมองไปที่มู่หลินหลาง เขาจะแพ้ไม่ได้ ซึ่งภายในแววตานั้นเต็มไปด้วยความคิดถึงอย่างลึกซึ้ง
จู่ ๆ ท้องฟ้าก็มืดมิดลงอย่างกะทันหัน และทันใดนั้นก็มีฟ้าแลบฟ้าร้องขึ้นมา
ผู้คนต่างพากันกล่าวอย่างประหลาดใจ “นี่…นายน้อยเฟิงกำลังจะบรรลุอย่างนั้นหรือ บรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์!”
“พระเจ้า! นายน้อยเฟิงกลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้ไวขนาดนั้นเลยอย่างนั้นหรือ?”
“……”
นายน้อยเฟิงอายุไม่มากนัก นอกจากนี้ยังอายุน้อยกว่าฝ่าบาทหลินหลางอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ไม่นานฝ่าบาทหลินหลางเพิ่งจะบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้เฟิงอวิ๋นซิวก็กำลังจะบรรลุแล้วเช่นกัน ฉะนั้นพรสวรรค์ของนายน้อยเฟิง เกรงว่าอาจจะสูงกว่าฝ่าบาทหลินหลางเสียด้วยซ้ำไป
มู่หลินหลางลุกยืนขึ้นมาทันที นางจ้องมองไปยังเฟิงอวิ๋นซิวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
นะ…นี่มันเป็นไปไม่ได้…
ขณะนี้แม้แต่เหยียนก็หัวเราะขึ้นมาอย่างสนุกสนาน นี่มันช่างน่าสนุกจริง ๆ!
เมื่อมู่หลินหลางบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ นางแทบรอไม่ไหวที่จะจัดงานแข่งขันอัจฉริยะครั้งใหญ่ของราชวงศ์ตงหวงในคราวนี้ขึ้นมา เพื่อที่จะบอกกับผู้คนมากมายว่านางเป็นอัจฉริยะมากเพียงใด!
แต่ทว่าตอนนี้มีคนที่อัจฉริยะยิ่งกว่า เป็นคนที่อายุน้อยกว่านาง และได้บรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ต่อหน้าผู้คนมากมายอีกด้วย ตำแหน่งของอัจฉริยะอันดับหนึ่งของนางไม่จำเป็นต้องให้ซีซีลงมืออีกแล้ว เพราะคาดว่ามันได้ถูกทำให้สั่นคลอนไปแล้วนั่นเอง
แม้ว่าเฟิงอวิ๋นซิวจะเป็นคนของนาง แต่คาดว่ามู่หลินหลางในตอนนี้คงจะรู้สึกมหัศจรรย์มากเช่นกัน!
ภายในแววตาของมู่หลินหลางเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า นางไม่เพียงแต่มุ่งเป้าหมายไปที่มู่เฉินซีเท่านั้น แต่ยังมีเฟิงอวิ๋นซิวอีกคนหนึ่งด้วย
นางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “มันเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? เฟิงอวิ๋นซิวสามารถบรรลุได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าเจ้ารับประกันกับข้าแล้วอย่างนั้นหรือ? ว่าเขาจะต้องติดอยู่ที่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดไปอีกห้าปีน่ะ ต้องโชคดีมากถึงจะสามารถบรรลุได้ แล้วเรื่องในตอนนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?”
มีเสียงเสียงหนึ่งดังออกมาจากในความมืด “มันเป็นเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ เจ้าหนูนั่นมีความหมกมุ่นต่อพระองค์อย่างลึกซึ้งมากเกินไป ในเมื่อพระองค์ข่มขู่เขาเช่นนี้ จึงทำให้ความตั้งใจว่าจะไม่พ่ายแพ้ของเขาแข็งแกร่งมากจนเกินไป ดังนั้นจึงทำให้บรรลุได้พ่ะย่ะค่ะ แต่ก็ต้องบอกก่อนว่า พรสวรรค์ของเขานั้นน่ากลัวมากจริง ๆ แม้ว่าฝ่าบาทจะเคยทิ้งเขาไว้ที่ดินแดนทั้งสี่ทิศที่ซึ่งมีพลังวิญญาณไม่เพียงพอ แต่ก็ยังสามารถไล่ตามฝ่าบาทมาได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้!”
“หากไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นแล้วละก็ คาดว่าเฟิงอวิ๋นซิวในตอนนี้คงจะทิ้งห่างฝ่าบาทไปไกลแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หลินหลางกำหมัดเอาไว้แน่น “ไม่ได้ จำเป็นต้องขวางเฟิงอวิ๋นซิวเอาไว้ให้ได้ จะปล่อยให้เขาบรรลุไม่ได้ เป็นเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด”
แต่ทว่า ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย นางไม่อาจส่งคนไปขัดขวางเขาได้เลย
“ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ตอนนี้เจ้าหนูนั่นได้รับบาดเจ็บ จึงไม่อาจรู้ได้ว่าเขาจะบรรลุอย่างปลอดภัยได้หรือไม่! นอกจากนี้ พระองค์คงไม่คิดว่ามู่เฉินซีจะเป็นคนโง่เง่าหรอกใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? หากปล่อยให้เฟิงอวิ๋นซิวบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ ก็เกรงว่านางคงไม่อาจที่จะเอาชนะได้เป็นแน่!”
และคำพูดของคนผู้นี้ ก็ทำให้มู่หลินหลางสงบลงทันที
มุมปากของนางแสยะยิ้มขึ้นมา พูดเช่นนั้นก็ถูก เฟิงอวิ๋นซิวไม่มีทางที่จะบรรลุได้หรอก
และในเวลานี้ คนอื่น ๆ ต่างก็พากันถอนหายใจพลางกล่าวว่า “เฮ้อ! บรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่อายุน้อยเช่นนี้ พรสวรรค์ของนายน้อยเฟิงนั้นน่าทึ่งจริง ๆ! แต่น่าเสียดายที่เขามาบรรลุผิดเวลาไปหน่อย!”
“ใช่แล้ว! มาบรรลุขณะที่กำลังแข่งขัน คู่ต่อสู้ของเขาคงจะไม่โง่ปล่อยให้เขาบรรลุได้สำเร็จหรอก!”
“หากครั้งนี้บรรลุได้ไม่สำเร็จแล้วละก็ หลังจากนี้ไปหากต้องการโอกาสดี ๆ เช่นนี้อีก ก็ไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน”
ทว่าเฟิงอวิ๋นซิวในเวลานี้กลับไม่ได้กังวลเหมือนพวกเขา แต่กำลังทุ่มพลังทั้งหมด เพื่อเอาชีวิตรอดจากพายุสายฟ้าเหล่านี้ให้ได้ต่างหาก
ส่วนมู่เฉินซี…
แม้ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ แต่ภายในใจตอนนี้กลับเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างไม่รู้ตัว!
ครืนนน!
อสนีบาตที่กำลังโจมตีใส่เขา ล้วนเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการลงมือของมู่เฉียนซี
แต่มู่เฉียนซีในเวลานี้กลับอยู่ห่างจากเฟิงอวิ๋นซิวออกไปไกลมาก นางกล่าวว่า “นายน้อยตระกูลเฟิง เจ้าถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่น่านับถือคนหนึ่ง! ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลังจากที่เจ้าเลื่อนขั้นเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์แล้ว จะได้สู้กับเจ้าสักครา! หวังว่าการเลื่อนขั้นของเจ้าจะไม่ล้มเหลว จนทำให้ข้าต้องผิดหวังเสียล่ะ!”
เมื่อพูดจบ นางก็หลับตาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ และฟื้นฟูความแข็งแกร่งของตนเอง
ความจริงแล้วภายในใจของนางมีความกังวลเล็กน้อย ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสของเฟิงอวิ๋นซิวไม่ใช่สภาพที่ดีที่จะเอาชีวิตรอดจากพายุสายฟ้านี้ได้ แต่ด้วยตอนนี้มีดวงตาของราชวงศ์ตงหวงหลายคู่กำลังจับจ้องมาอยู่ อีกทั้งมู่หลินหลางก็กำลังมองอยู่ด้วย มันจึงไม่เหมาะหากนางจะเข้าไปช่วยเหลือ และเกรงว่าอวิ๋นซิวก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน!
ทุกคนต่างจ้องมองไปยังมู่เฉียนซีอย่างตื่นตะลึง “คิดไม่ถึงเลยว่า แม้มู่เฉินซีจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่กลับมีความเป็นสุภาพบุรุษเช่นนี้ อีกทั้งยังไม่เลือกฉวยโอกาสนี้ทำร้ายคนอื่นอีกด้วย”
“มู่เฉินซีนับเป็นอัจฉริยะที่ข้าชื่นชมจากก้นบึ้งของหัวใจเลย!”
“คนที่มีศีลธรรมเช่นนี้ ไม่ว่าจะใช้เวลาไปนานเพียงใด ก็จะต้องกลายเป็นยอดฝีมือที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้อย่างแน่นอน”