ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2180 สองคนที่แข็งแกร่งที่สุด
มู่เฉียนซียิ้มเยาะพลางกล่าวว่า “ข้าเองเมื่อเห็นนางก็ไม่มีความสุขมากเช่นกัน ดังนั้นการแข่งขันรอบนี้ ที่เจ้ามาเจอข้าก็คงถือว่าโชคร้ายมากจริง ๆ เนื่องจากว่าข้าจำเป็นที่จะต้องชนะ เพื่อที่ว่าหลังจากนี้ข้าจะได้ไปเอาชนะมู่หลินหลางได้อย่างไรล่ะ”
“เป็นเรื่องดีที่สาวงามจะมั่นใจในตนเอง แต่ข้าสามารถใช้ความแข็งแกร่งของข้าบอกความจริงแก่เจ้าได้ เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรอก และข้าคงไม่อาจให้โอกาสเจ้าไปเจอกับฝ่าบาทหลินหลางได้อย่างแน่นอน”
ภายในดวงตาของลู่จวิ้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มพิมใจ แต่ทว่าเพียงไม่นานรอยยิ้มนั้นก็หายไปอย่างฉับพลัน อีกทั้งแววตาก็ยังเปลี่ยนเป็นโกรธเคืองอีกด้วย
“ได้ยินมาว่า เจ้ามีความเชี่ยวชาญเรื่องความเร็วมากสินะ!”
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังของมู่เฉียนซีราวกับภูตผีอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นก็ระเบิดทักษะวิญญาณออกมาทันที
และสิ่งนี้ก็ทำให้คนอื่นประหลาดใจเป็นอย่างมาก “ช่างเร็วเหลือเกิน ลู่จวิ้นผู้นี้สมแล้วที่เป็นคนที่ยอดเยี่ยม เพิ่งแข่งรอบแรกมู่เฉินซีก็ได้เจอคู่ต่อสู้เช่นนี้เสียแล้ว ช่างเป็นสถานการณ์ที่แย่จริง ๆ เลย!”
“แม้ว่ามู่เฉินซีจะแสดงความสามารถได้ดีทั้งในดินแดนทางทิศใต้ ดินแดนทางทิศตะวันออกและดินแดนทางทิศเหนือแล้วอย่างไรล่ะ? สำหรับอัจฉริยะจากดินแดนทางตอนกลางแล้ว นางไม่ได้เป็นคนที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษเลย”
การฝึกฝนทักษะทางร่างกายของลู่จวิ้นนั้นยอดเยี่ยมมาก ทว่าความเร็วของมู่เฉียนซีก็เร็วมากเช่นกัน ฉะนั้นนางจึงได้ทำการโต้กลับในทันที
“วายุวิญญาณตัดเมฆา!”
“พลังวายุทำลาย ดับสูญ!”
ปังง…ครืดดดดด…
พลังธาตุวายุเข้าปะทะกัน จากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่ว
แต่ผลปรากฏว่ามู่เฉียนซียังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างสงบ ส่วนลู่จวิ้นกลับต้องถอยหลังออกไปหลายสิบก้าวเลยทีเดียว
“ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่หรือไม่! คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉินซีจะมีความได้เปรียบมากกว่า!”
“การต่อสู้ระหว่างผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดคนหนึ่ง กับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดคนหนึ่งคิดไม่ถึงเลยว่าผลจะออกมาอย่างน่าเหลือเชื่อถึงเพียงนี้ แน่นอนว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้าได้เห็นเช่นนี้”
“……”
ทุกคนต่างพากันตื่นตกใจ
และอีกด้านหนึ่ง ก็มีเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวออกมาเช่นกัน
“ฝ่าบาทหลินหลางชนะแล้ว”
“เรื่องที่ฝ่าบาทหลินหลางเอาชนะได้นั้นมันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว นางกลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วนะ และดูเหมือนว่านางจะเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ที่อายุน้อยที่สุดในแดนซวนเทียนของพวกเราด้วย!”
“……”
มู่หลินหลางเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยความเร็วสูงสุด และยืนอยู่ในตำแหน่งของผู้ชนะคนแรก
มู่เฉียนซีกล่าวกับลู่จวิ้นว่า “มู่หลินหลางค่อนข้างรวดเร็วเลยทีเดียว เช่นนั้นลู่จวิ้น ข้าจะไม่มามัวเสียเวลากับเจ้าอีกแล้ว!”
ลู่จวิ้นสัมผัสได้ว่ามีอันตรายกำลังใกล้เข้ามา และตอนนี้เขาก็เปลี่ยนเป็นตั้งใจมากขึ้นเป็นพิเศษ “มู่เฉินซี เจ้ายังไม่ทันรู้ความสามารถของข้าก็มั่นใจขนาดนี้แล้วอย่างนั้นหรือ มันจะเร็วเกินไปหน่อยแล้ว!”
พลังวายุที่อันตรายได้ปรากฏออกมา เพียงปะทะกันแค่รอบเดียวเท่านั้น ลู่จวิ้นก็ไม่กล้าที่จะดูถูกมู่เฉียนซีอีกเลย
มู่เฉียนซีได้เอาพัดวิหคเฟิงหลิงออกมา จากนั้นพลังวายุที่บริสุทธิ์ก็รวมตัวกัน ทันใดนั้นร่างของนางก็สว่างวาบ และพุ่งทะยานเข้าใส่ลู่จวิ้นในทันที
ส่วนพายุของลู่จวิ้น ก็เต็มไปด้วยแรงดึงดูดอันน่าสะพรึงกลัว พร้อมทั้งต้องการที่จะกลืนกินมู่เฉียนซีเข้าไป
“ฉีกสังหาร!”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
ในตอนที่อีกฝ่ายกำลังระเบิดทักษะวิญญาณ พัดวิหคเฟิงหลิงก็ได้ระเบิดพลังทำลายล้างเศษธารดาราทลายออกมาเช่นกัน
ตูมมม!
มีเสียงดังกึกก้องไปทั่ว พายุนั้นแตกกระจาย และพลังธาตุวายุของเขาก็ถูกฉีกออก
แต่แรงกดดันพลังวายุของมู่เฉียนซียังคงไม่อ่อนแอลงเลย และมันก็ได้พุ่งเข้าจู่โจมลู่จวิ้นในทันที
ปังงง!
ร่างของลู่จวิ้นลอยกระเด็นออกไปจนถึงขอบสนาม เสื้อผ้าของเขาที่ดูเหมือนคุณชายเจ้าสำราญในเวลานี้ได้ถูกมีดวายุตัดจนขาดวิ่นไปหมดแล้ว
โชคของเขาไม่ได้แย่มากนัก ดีที่เขาไม่ได้เปิดเผยว่าเก่งมากเกินไปนัก มิเช่นนั้นเขาคงต้องขายขี้หน้ามากเป็นแน่
มู่เฉียนซีได้ยึดมั่นที่จะใช้แผนการต่อสู้ที่ฉวยโอกาสตอนที่เขาได้รับบาดเจ็บคร่าชีวิตของเขา ฉะนั้นนางจึงลงมือต่อในทันที!
“พลังวายุทำลาย ดับสูญ!”
“พลังวายุทำลาย จันทราหนาวเหน็บ!”
“……”
ทักษะวิญญาณอันทรงพลังระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลู่จวิ้นไม่อาจต้านทานได้ อีกทั้งการป้องกันก็เริ่มที่จะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว และเขาทำได้เพียงแค่ร้องตะโกนออกมาเท่านั้น
“พอแล้ว พอได้แล้ว ข้ายอมแพ้ก็ได้แล้วมิใช่หรือ? ข้ายอมแพ้แล้ว!”
ทักษะที่เดิมทีต้องการจะแสดงออกมาได้ถูกมู่เฉียนซีเก็บกลับคืนไป จากนั้นมู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “ควรทำเช่นนี้ตั้งนานแล้ว!”
“มู่เฉินซีเป็นฝ่ายชนะ!” ในเวลานี้ผู้ตัดสินการแข่งขันได้ประกาศขึ้น
ส่วนสนามแข่งขันอีกสี่สิบแปดสนามกำลังอยู่ในช่วงที่ดุเดือด และมู่เฉียนซีก็ได้รับชัยชนะเป็นคนที่สอง
ในตอนที่นางกำลังเดินลงมาจากสนามแข่งขันนั้น ก็มีสายตาที่เย็นยะเยือกจ้องเขม็งมาทางนางจากมุมสูง
มู่เฉียนซีจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง พร้อมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยการยั่วยุอย่างเห็นได้ชัด
การต่อสู้ในครั้งนี้ ถึงมู่หลินหลางจะถือว่าได้รับชัยชนะไปก่อนก้าวหนึ่งแล้วอย่างไรล่ะ?
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้ายั่วยุนางอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ นอกจากนี้ยังเป็นหญิงสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับนางอีกด้วย ซึ่งนี่ก็ทำให้มู่หลินหลางเกือบทนที่จะไม่บีบที่เท้าแขนไม่ไหวอยู่แล้ว
ดี ดีมาก! ทางที่ดีอย่าให้นางต้องเจอผู้หญิงผู้นี้อีกเลยจะดีกว่า
“เฟิงอวิ๋นซิวเป็นฝ่ายชนะ!” อีกด้านหนึ่ง ก็ได้มีผู้ตัดสินการแข่งขันประกาศขึ้น
และหลังจากที่เฟิงอวิ๋นซิวได้รับชัยชนะแล้ว เขาก็ได้หายไปจากสนามการแข่งขันราวกับภูตผีอย่างไรอย่างนั้น
และในตอนที่ทุกคนได้เห็นเขาอีกครั้ง เขาก็ได้กลับไปยืนอยู่ข้างหลังของมู่หลินหลางแล้ว
ซึ่งเป็นเหมือนกับร่างเงาร่างหนึ่ง ที่ตามติดอยู่ข้างหลังเจ้านายอย่างใกล้ชิด
และหากเจ้านายมีอันตราย แม้ว่าจะต้องจ่ายด้วยชีวิต เขาก็จะต้องปกป้องนางให้ได้
“เฟิงอวิ๋นซิว คนผู้นั้นคือนายน้อยของตระกูลเฟิงจริง ๆ ด้วย”
“ฝ่าบาทหลินหลางได้เลือกนายน้อยของตระกูลเฟิ่งให้อยู่ในฐานะองครักษ์เงาของนาง แต่เขามีคุณสมบัตินั้นจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
“……”
“ซีซี ทางนี้ ซีซี…”
มู่เฉียนซีที่เตรียมจะไปนั่งอยู่ในที่นั่งของผู้เข้าแข่งขัน กลับเห็นหญิงสาวที่ทรงเสน่ห์เป็นอย่างยิ่งคนหนึ่งกำลังโบกไม้โบกมือให้นางอยู่
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเข้าไป และเหยียนเองก็แทบรอที่จะพุ่งเข้าไปตะครุบนางเอาไว้ไม่ไหวอยู่แล้ว
“ออกไปห่าง ๆ ข้าหน่อย!”
“พวกเราต่างก็เป็นหญิงทั้งคู่ ซีซีเขินอย่างนั้นหรือ?” เหยียนกล่าวด้วยสีหน้าที่ไร้เดียงสา
“เหอะ ๆ…” มู่เฉียนซีทำท่าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มแล้วจ้องมองไปที่เขา
“เจ้ามาได้อย่างไรกัน?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“เรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างการที่ซีซีจะเอาชนะมู่หลินหลางด้วยตนเองเช่นนี้ ข้าก็จะต้องอยากมาดูด้วยตาตนเองอยู่แล้ว วางใจเถิด! ข้าไม่มีทางมีอันตรายแน่นอน”
กว่าที่ทั้งสี่สิบกว่าจะสนามจะสิ้นสุดลงก็ยังต้องใช้เวลาอีกครู่หนึ่ง ตอนมู่เฉียนซีรู้สึกเบื่อก็มีเหยียนคอยคุยเป็นเพื่อนพอดิบพอดี
เขารู้สถานการณ์ของผู้เข้าแข่งขันทุกคนเป็นอย่างดี เขาจึงได้อธิบายรายละเอียดของแต่ละคนเพื่อบรรเทาความเบื่อหน่ายให้กับมู่เฉียนซี
“หากซีซีคุ้นเคยกับจุดอ่อนของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนได้ เมื่อถึงเวลาต่อสู้ เจ้าก็จะสามารถจัดการคู่ต่อสู้ได้เป็นคนแรก และจะต้องเร็วกว่ามู่หลินหลางเป็นแน่ ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นคงจะต้องทำให้มู่หลินหลางประหลาดใจได้อย่างแน่นอน ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” จูเชว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
การแข่งขันในรอบที่สองก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว และการแข่งขันรอบที่สองนี้นางก็จับฉลากได้อัจฉริยะจากดินแดนทางทิศใต้
อัจฉริยะจากดินแดนทางทิศใต้ผู้นั้นทำได้เพียงแต่ยอมรับในความโชคร้ายของตน พลางกล่าวว่า “ข้ายอมแพ้!”
และในเวลาเดียวกันนั้นเอง คู่ต่อสู้ของมู่หลินหลางก็ได้ยอมแพ้เช่นกัน และเขาก็ยอมรับว่าตนเองไม่ควรค่าพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของนาง
“ฝ่าบาทหลินหลางเป็นฝ่ายชนะ!”
“มู่เฉินซีเป็นฝ่ายชนะ!”
คราวนี้ มู่เฉียนซีไม่ได้ช้าไปกว่านางแล้ว
หลังจากนั้นก็สนามที่สาม สนามที่สี่…
ไม่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของมู่เฉียนซีหรือว่ามู่หลินหลาง ส่วนใหญ่ต่างก็พากันยอมแพ้ไปจนหมด
แม้ว่าจะไม่มีคนยอมแพ้ แต่นางทั้งสองก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้อย่างรววดเร็ว ซึ่งความเร็วนี้ก็รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
สามารถบอกได้ว่า ทั้งมู่เฉียนซีและมู่หลินหลางสองคนนี้จะต้องเป็นที่จับตามองของงานแข่งขันอัจฉริยะของราชวงศ์ตงหวงแน่นอน
และนอกจากพวกนางทั้งสองคนแล้ว คนที่โดดเด่นอีกคนก็คงจะมีเพียงเฟิงอวิ๋นซิว หรือก็คือนายน้อยของตระกูลเฟิงนั่นเอง
ผู้คนมากมายพากันถอนหายใจออกมา พรสวรรค์ของคนตระกูลเฟิงไม่ควรประมาทอย่างที่คาดไว้จริง ๆ น่าเสียดายที่เหลือเพียงแค่คนเดียวแล้ว
การแข่งขันรอบที่เก้ากำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ในการแข่งขันรอบที่เก้าไม่ได้เป็นการเผชิญหน้ากันของมู่เฉียนซีกับมู่หลินหลางอย่างที่คิดไว้ แต่กลับเป็นคู่ต่อสู้ที่มู่เฉียนซีไม่อยากที่จะเจอด้วยมากที่สุด ซึ่งนั่นก็คือเฟิงอวิ๋นซิวนี่เอง
“ซีซี…” แววตาของเหยียนมืดมนลง และจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างเป็นกังวล
.