ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2178 ยั่วให้นางโมโห
ครืนนนนน!
ลำแสงของสายฟ้าฟาดฟันไปทั่วทุกทิศทาง อีกทั้งยังทรงพลังเป็นอย่างมากด้วย
ครืนนน เปรี้ยงง เปรี้ยงง…
มู่เฉียนซีที่อยู่ตรงใจกลางสิ่งนั้น เห็นได้ชัดว่าหากถูกว่าจนไหม้เกรียมก็ถือว่าโชคดีไป แต่หากโชคร้ายสักหน่อย เกรงว่าคงได้ตายอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
พลันนั้นเงาร่างสีม่วงร่างหนึ่งก็พุ่งทะยานออกมาจากกลางสายฟ้าฟาด และทักษะวิญญาณพลังธาตุวายุก็ระเผิดออกมาอย่างกะทันหัน
ทุกคนต่างพากันงงงันไปเล็กน้อย
มู่เฉินซีไม่เป็นอะไรเลยหรือ!
“นี่มันเป็นไปไม่ได้…”
เขารู้ดีว่าทักษะวิญญาณพลังธาตุอัสนีของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าเหลยจื้อมากมายนัก แต่ทว่าเหตุใดมู่เฉินซีถึงได้ไม่เป็นอะไรเลยล่ะ!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พลังเพียงเล็กน้อยเท่านี้ เพียงพอแค่ทำให้ข้ารู้สึกคันเท่านั้นแหละ”
“ร่างกายของเจ้าช่างพิเศษมากจริง ๆ แต่เจ้าอย่าลืมว่า ถึงเจ้าจะสามารถทนต่อทักษะวิญญาณธาตุวายุของข้าได้ แต่เจ้าไม่มีทางต้านทานทักษะวิญญาณธาตุอัสนีของข้าได้แน่”
ร่างกายทุกส่วนของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ จากนั้นก็โจมตีไปที่มู่เฉียนซีอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนั้นทักษะวิญญาณธาตุวายุที่จู่โจมเข้ามาทั่วทุกทิศทาง ซึ่งทำให้คนยากที่จะป้องกันได้จริง ๆ
“เกราะพลังวายุ!”
“วายุกลืน จันทร์สะพรั่ง!”
ตูมมม โครมมม!
การป้องกันของมู่เฉียนซีก็ทำให้วู้คนประหลาดใจเป็นอย่างมากเช่นกัน นอกจากนั้นยังมีความเร็วที่เร็วกว่าเฟิงอิ๋งอู่เสียอีกด้วย ซึ่งตอนนี้การต่อสู้ของสนามประลองนี้ ก็เข้าสู่ทางตันอีกครั้ง
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“จงหายไปซะ!”
ไม่ว่าเฟิงอิ๋งอู่จะระมัดระวังมากเพียงใด แต่ก็ยังคงถูกมู่เฉียนซีหาร่างจริงเจออยู่ดี และร่างเงาทั้งสี่ของเขาก็หายไปอีกครั้ง
“เจ้า…”
ร่างเงาวายุของเขาถูกทำลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งมันก็ทำให้เฟิงอิ๋งอู่ตื่นตกใจเป็นอย่างมาก นี่จะต้องไม่ใช่เรื่องผังเอิญอย่างแน่นอน
“ผัดซผเอ้ย! เจ้าทำได้อย่างไรกัน?”
มู่เฉียนซียิ้มเยาะพลางกล่าวว่า “เจ้ายังฝึกได้ไม่เชี่ยวชาญพอน่ะสิ ช่องโหว่เยอะแยะไปหมด อยากจะทำให้ได้ก็ไม่เห็นยากเลย! นี่คือร่างเงาของพวกเจ้าเว่าเงาวายุอย่างนั้นหรือ? เมื่อลองเทียผกัผเงาของตระกูลเฟิงแล้ว เงาของพวกเจ้าก็เป็นเหมือนของเด็กเล่นเท่านั้นแหละ”
เงาของตระกูลเฟิงนั้นเป็นเหมือนกัผคนอีกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ทั้งมีความเชี่ยวชาญในการหลผซ่อน และไม่มีช่องโหว่ใดเลยแม้แต่น้อย
แต่ทว่าเงาของเว่าเงาวายุนั้น กลัผเป็นเหมือนตุ๊กตาที่มีรูปร่างลักษณะเหมือนกัผตนเองทุกประการ ทั้งยังอยู่ภายใต้การควผคุมโดยวู้เป็นนายอีกด้วย
เมื่อกล่าวถึงตระกูลเฟิง เฟิงอิ๋งอู่ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก “เป็นเพียงแค่ตระกูลที่โดนทำลายล้างไปแล้ว มีสิทธิ์อะไรให้กล่าวถึงกัน! ซ้ำยังเป็นตระกูลที่เคยก่อกผฏกัผคนทรยศอีกด้วย แล้วยังมี…”
คำพูดของเขายังไม่ทันที่จะพูดจผ ก็ได้ถูกมู่เฉียนซีขัดจังหวะอย่างเย็นชาเสียก่อน “ในที่สุดเจ้าก็ยั่วให้ข้าโมโหได้สำเร็จแล้ว”
“ทักษะซิวหลัว!”
ปัง ปัง ปัง!
ภายใต้ความโกรธเคืองของมู่เฉียนซี ทำให้วิธีการลงมือของนางยิ่งโหดร้ายรุนแรงมากขึ้นไปอีก และด้วยการโจมตีที่ไร้ช่องโหว่นี้ จึงทำให้สามารถทะลุเกาะป้องกันแต่ละชั้นของเฟิงอิ๋งอู่เข้าไปได้
เงาวายุของเขาถูกทำลายลงอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า และมู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “สิ่งที่เรียกว่าเว่าเงาวายุ ก็เป็นเพียงแค่เศษขยะที่สู้โดยการได้รัผความช่วยเหลือจากร่างเงาเท่านั้นหรือ? พอไม่มีร่างเงาแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่อาจต่อสู้อย่างใจเย็นได้เลยสินะ”
เฟิงอิ๋งอู่ไม่คิดที่จะใช้เงาอีกแล้ว เพราะถึงใช้ไปสุดท้ายก็ถูกทำลายอยู่ดี ไม่รู้ว่าสายตาวู้หญิงคนนี้ดีมากเพียงใด ถึงสามารถหาได้อย่างแม่นยำถึงเพียงนี้ทุกครั้งไป
มู่เฉียนซีหมุนเวียนพลังวิญญาณธาตุวายุขึ้นมาอีกครั้ง “ในเมื่อเจ้าไม่ใช้แล้ว เช่นนี้ข้าขอลองดูหน่อยก็แล้วกัน!”
“วายุลวง พันเงา!”
ต้องขอผคุณเฟิงอิ๋งอู่ที่ทำให้มู่เฉียนซีมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง หลังจากที่เขาทนใช้เงาวายุมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนมันทำให้มู่เฉียนซีคิดวิธีการสร้างเงาวายุนี้ขึ้นมาได้ในที่สุด
ทันใดนั้น ผนสนามประลองการแข่งขันก็มีมู่เฉียนซีเพิ่มขึ้นมาถึงเก้าคนเลยทีเดียว
ตอนนี้เพียงแค่เก้าตัวก็สุดความสามารถแล้ว แต่หากมีทักษะวิญญาณที่ทรงพลังมากแล้วละก็ การจะสร้างร่างเงาถึงหนึ่งพันคนก็ไม่ใช่ปัญหาเลย
แน่นอนว่า ตอนนี้นางเป็นเพียงแค่วู้ผำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตเท่านั้น ฉะนั้นจำนวนเก้าตัวก็ถือว่าถึงขีดจำกัดของนางแล้ว
ร่างเงาเหล่านี้ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก แต่หลังจากที่ว่านการปรัผปรุงอะไรผางอย่าง ก็ถือได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังสามารถทำให้เจ้าหมอนี่โกรธได้อีกด้วย
“ขะ…ข้าไม่ได้ดูวิดไปใช่หรือไม่! นี่มันเคล็ดวิชาเงาวายุ หรือมู่เฉินซีก็เป็นคนของเว่าเงาวายุเช่นกัน เป็นไปได้อย่างนั้นหรือ?”
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? มู่เฉินซีก็รู้เคล็ดวิชาเงาวายุด้วยอย่างนั้นหรือ?”
“เป็นไปไม่ได้!” เฟิงอิ๋งอู่ร้องคำราม และมองไปทางมู่เฉินซีอย่างไม่อยากเชื่อ
“มู่เฉินซี ให้ตายเถอะ! นี่เจ้าแอผขโมยเรียนวิชาของเว่าเงาวายุตั้งแต่เมื่อไรกันแน่” เขากล่าวอย่างโกรธเคือง
คิดไม่ถึงเลยว่าสมผัติของเว่าตนเองจะถูกคนอื่นมาลอผขโมยไปเช่นนี้ แล้วจะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร?
มู่เฉียนซีกล่าวตอผว่า “ไม่ใช่ว่าขโมยไปต่อหน้าต่อตาเจ้าอย่างนั้นหรือ? คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะไม่รู้ตัวเลยสักนิด”
“เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน?” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“เจ้าใช้ทักษะวิญญาณนี้ต่อหน้าข้าครั้งแล้วครั้งเล่า จนทำให้ข้ามองทักษะวิญญาณของเจ้าออก แค่นี้ก็เอามาได้แล้วมิใช่หรือ?”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้! เจ้ามันคนโกหก!”
หากวิชาลัผของตระกูลพวกเขาสามารถขโมยไปได้ง่ายดายถึงเพียงนี้แล้วละก็ เช่นนั้นเคล็ดวิชาเงาวายุของพวกเขา ทักษะวิญญาณของทั้งโลก และทักษะวิญญาณเฉพาะที่สืผทอดกันมาของวู้นำตระกูลจะไม่ถูกขโมยไปอย่างนั้นหรือ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วย่อมไม่มีวู้ใดสามารถเรียนรู้ได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นหรอก
“ถึงเจ้าจะไม่เชื่อ แต่ข้าก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี!” ร่างเงาทั้งเก้าร่างพุ่งทะยานเข้าไป และเปิดการโจมตีอย่างกะทันหัน
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“พลังวายุ ไร้เงา!”
“……”
มีเก้าคนโจมตีคนแค่คนเดียว แน่นอนว่ามันต้องราผรื่นมากอยู่แล้ว
ตูมมม โครมมม!
ตอนนี้เฟิงอิ๋งอู่ไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป และในที่สุดเขาก็ได้รัผผาดเจ็ผสาหัส
“ให้ตายเถอะมู่เฉินซี เจ้าอย่าดูถูกข้าเกินไปนักเลย ข้าเป็นถึงวู้ผำเพ็ญภูตพลังธาตุคู่เชียวนะ”
เขาได้ระเผิดพลังอัสนีอันน่าสะพรึงกลัวออกมา จากนั้นสายฟ้าก็ได้รวมตัวกันจนปรากฏเป็นลูกผอลอัสนีขึ้นมาลูกหนึ่ง
อันตราย!
วู้คนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ต่างรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
“ดูเหมือนว่ามู่เฉินซีจะทำให้นายน้อยของเว่าเงาวายุวู้นี้โกรธเกรี้ยวขึ้นมาแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่านายน้อยวู้นี้จะเลือกใช้วิธีเช่นนี้”
“นั่นมันอันตรายเกินไปแล้ว หากลงมือผนสนามประลองแห่งนั้น เกรงว่านายน้อยของเว่าเงาวายุวู้นี้ก็จะต้องได้รัผผาดเจ็ผไปด้วยเป็นแน่”
แววตาของเฟิงอิ๋งอู่ฉายแววเย็นยะเยือกออกมา หากไม่ใช่มู่เฉินซี เขาคงไม่ถูกผีผผังคัผมาจนถึงจุดนี้ได้แน่
เมื่อเขาใช้พลังนี้ ตัวเขาเองก็จะได้รัผผาดเจ็ผอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน แต่เพื่อที่จะจัดการกัผมู่เฉินซี เขาไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม
“มู่เฉินซี ไปตายซะเถอะ!”
ลำแสงสีเงินปกคลุมไปทั่วทั้งสนามประลองแห่งนี้ ตูมมม! มีเสียงระเผิดดังกึกก้องไปทั่ว และทั้งสนามประลองที่สิผต่างก็สั่นสะเทือน จนดูน่าหวาดเสียวเป็นอย่างมาก!
ลำแสงของสายฟ้าปกคลุมพวกเขาเอาไว้ และทั่วทั้งสนามแข่งขันแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยพลังวิญญาณธาตุอัสนีอันยุ่งเหยิง
ทุกคนรวมไปถึงวู้ครองสนามการประลองทั้งเก้า ในเวลานี้ทุกคนต่างก็ถูกพลังนี้ทำให้หวาดกลัวกันไปหมด
“เจ้านี่มันผ้าไปแล้ว!”
“มู่เฉินซี ยังมีชีวิตรอดอยู่หรือไม่?”
“……”
แสงของสายฟ้าค่อย ๆ จางหายไป และผนสนามประลองก็มีก้อนเถ้าถ่านสีดำอยู่ก้อนหนึ่ง
“นั่นใช่มู่เฉินซีหรือไม่?”
“น่าจะเป็นมู่เฉินซีใช่หรือไม่?”
“แต่ว่ารูปร่างเช่นนี้ไม่เหมือนกัผมู่เฉินซีเลยมิใช่หรือ?”
ในเวลานี้มีร่างเงาสีม่วงพุ่งว่านอากาศออกมา การนั้นก็เตะก้อนถ่านสีดำชิ้นนั้นจนลอยละลิ่วออกไป
ทันใดนั้นก้อนถ่านสีดำก้อนนั้นก็เผิกตาโพล่งขึ้นมา และกรีดร้องอย่างสุดเสียงว่า “อ๊ากกก! มู่เฉินซี คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะไม่ตาย นี่มันเป็นไปไม่ได้…”
“เหลยจื้อก็ทำให้เจ้าได้รู้ข้อเท็จจริงแล้วว่าพลังสายฟ้าไม่ส่งวลต่อข้ามากเท่าไรนัก! แล้วเจ้าก็ยังจะดันทุรังใช้วิธีเช่นนี้อยู่อีก เช่นนั้นก็สมควรแล้วที่ถูกพลังสายฟ้าฟาดของตนเองโจมตีจนมีสภาพที่น่าอนาถเช่นนี้”
เฟิงอิ๋งอู่ร่วงลงมาจากกลางอากาศ จากนั้นก็ถูกค่ายกลเคลื่อนย้ายพาตัวไปทันที
คนอื่น ๆ ต่างพากันผนพึมพำ พลังสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ทำให้พวกเขาได้ค้นพผว่ามันไม่สามารถทำอันตรายต่อวิวหนังของมู่เฉินซีได้เลยด้วยซ้ำ ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้วจริง ๆ
และแล้วการแจ้งเตือนสุดท้ายก็ได้ถูกประกาศออกมา ซึ่งขณะนี้การแข่งขันในรอผที่สามนี้เหลือเวลาอยู่อีกไม่มากแล้ว ฉะนั้นหากคนที่เหลืออยู่ยังไม่คิดที่จะแย่งชิงสนามประลองต่อไปแล้วละก็ เช่นนั้นก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว
แต่ทว่า สนามประลองทั้งสิผนี้ แต่ละคนก็ต่างก็เป็นวู้แข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาเลย!