ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2177 เผ่าเงาวายุ
พรวด!
เหลยจื้อกระอักเลือดสด ๆ ออกมา และหลังจากนั้นก็ล้มลงไปบนพื้น
ตึงง!
ส่วนมู่เฉียนซีเองก็ถูกพลังของสัตว์สายฟ้ากระแทกจนลอยกระเด็นออกไปตกอยู่ตรงขอบสนามประลองเช่นกัน
สถานการณ์ในตอนนี้ หากผู้ใดลุกขึ้นมาก่อน ผู้นั้นก็จะเป็นฝ่ายชนะ และคนผู้นั้นก็จะกลายเป็นผู้ครองสนามประลองที่สิบนี้ทันที
ผลปรากฏว่าพวกเขาเห็นมู่เฉียนซีลุกขึ้นมาได้ในทันที จากนั้นนางก็ปัดเสื้อผ้าของตนเอง แล้วเดินไปอยู่ตรงหน้าของเหลยจื้อ
ในตอนที่เหลยจื้อฟื้นขึ้นมาจากอาการหมดสติอย่างสะลึมสะลือนั้น เขาก็ได้เห็นว่ามู่เฉียนซียืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างไม่บุบสลายเลยแม้แต่นิดเดียว
และตอนนี้เขาก็มีเพียงแค่ความคิดเดียวเท่านั้น คนผู้นี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?
พลังของสายฟ้าที่ระเบิดขึ้นมาในตอนสุดท้ายนั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก แม้แต่เขาเองยังบาดเจ็บสาหัสจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่หญิงผู้นี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
เขาอยากที่จะขยับ แต่เขากลับหมดแรงจนแม้แต่นิ้วก็ขยับไม่ไหวอีกแล้ว ฉะนั้นเขาจึงกล่าวว่า “ข้ายอมแพ้!”
และหลังจากนั้นเขาก็ถูกย้ายออกไปทันที
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “มีผู้ใดอยากที่จะท้าทายสนามประลองที่สิบบ้างหรือไม่!”
เมื่อเห็นว่าด้านล่างไม่มีความเคลื่อนไหว มู่เฉียนซีจึงมองไปที่เจี้ยนเจี้ยนแล้วกล่าวว่า “สรุปแล้วเจ้ายังจะแข่งอยู่หรือไม่ ไหน ๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว อยากจะออกไปโดยที่ไม่ได้แข่งเลยอย่างนั้นหรือ?”
“แต่ว่า ขะ…ข้าไม่รู้ว่าจะเลือกผู้ใดดีนี่น่า!”
“งั้นเจ้าว่ากับข้าดีหรือไม่?”
“ลูกพี่มู่ อย่ามาล้อข้าเล่นเช่นนี้สิ” หากต้องประลองกับลูกพี่มู่ ไม่สู้เขาออกไปเองไม่ดีกว่าหรือ?
แต่ทว่าที่ลูกพี่กล่าวมาก็มีเหตุผล ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วจะไม่สู้ก็ถือว่ามาเสียเที่ยวเสียเปล่า ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีทางชนะเลยก็ตาม
ตอนนี้ไม่มีคนอยู่ที่สนามประลองที่หนึ่ง ฉะนั้นเขาจึงพุ่งทะยานขึ้นไป พลางกล่าวว่า “ข้ามาเพื่อท้าทาย สนามประลองที่หนึ่ง!”
“เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้า คิดจะรนหาที่ตายรึ!” ทุกคนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ดังระงม
มู่เฉียนซีที่อยู่บนสนามประลองที่สิบไม่มีผู้ใดมาท้าทายเลย จึงทำให้นางรู้สึกเบื่อเป็นอย่างมาก ฉะนั้นนางจึงทำได้เพียงรอชมการแข่งขันจากสนามอื่นเท่านั้น อีกทั้งตำแหน่งที่นางอยู่นี้ก็มีมุมมองที่กว้างมากเลยทีเดียว
ผู้ที่ครองสนามประลองที่หนึ่งก็คือฉินซิน ความจริงแล้วเขาเป็นลูกศิษย์ที่มีความซื่อตรงมากคนหนึ่ง อีกทั้งยังมีการเคลื่อนไหวที่ตรงตามแบบแผนเป็นอย่างมากอีกด้วย
สำหรับคู่ต่อสู้ธรรมดา ต่างก็ถูกเขาบดขยี้ด้วยความสามารถที่แข็งแกร่ง
แต่เจี้ยนเจี้ยนเป็นคนที่ใช้กลอุบายอันร้ายกาจต่าง ๆ นานานับไม่ถ้วน ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะไม่เผชิญหน้ากับฉินซินโดยตรงอยู่แล้ว นอกจากนี้เขายังมีความเร็วที่รวดเร็วมาก อีกทั้งยังลื่นไหลราวกับปลาหนีชิวก็มิปานอีกด้วย และนี่ก็ทำให้ตัวเขาเองสามารถหลบหลีกการโจมตีของฉินซินได้นั่นเอง
ในสถานการณ์เช่นนี้ ล้วนทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก
“ผ่านไปหนึ่งกระบวนท่าแล้ว สองกระบวนท่า สามกระบวนท่า…”
“ที่แท้ก็สามารถจัดการกับฉินซินเช่นนี้ได้เหมือนกันสินะ เจ้าหมอนี่ช่างฉลาดจริง ๆ”
เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่เจ้าเล่ห์เช่นนี้ อารมณ์ของฉินซินก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไรนัก
กระบี่ของเขาเปลี่ยนเป็นรุนแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน มันจึงทำให้บนศรีษะของเจี้ยนเจี้ยนในเวลานี้ก็มีเหงื่อผุดออกมาเต็มไปหมด และเมื่อถึงกระบวนท่าที่ยี่สิบเขาก็ไม่อาจยืนหยัดต่อไปได้อีกแล้ว
ตึงง!
หลังจากนั้นเขาก็ล้มลงไปบนพื้นทันที
“ลูกพี่มู่ น่าเสียดายเหลือเกิน ข้าไม่อาจกอดขาท่านต่อไปได้อีกแล้ว เหตุใดการแข่งขันรอบที่สามถึงต้องเป็นการต่อสู้บนสนามประลองด้วยนะ!” เจี้ยนเจี้ยนกล่าว
ฉินซินกล่าวกับเขาว่า “คนที่มีความสามารถเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้า มีเจ้าเพียงคนเดียวที่รับมือข้าได้ถึงยี่สิบกระบวนท่าเช่นนี้
เจี้ยนเจี้ยนตกรอบไปแล้ว หลังจากที่หลายสนามประลองต่อสู้กันอีกหลายรอบ และคนที่ยอมแพ้ก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ในเวลานี้ มีคุณชายในชุดสีเหลืองคนหนึ่งเดินออกมา แล้วกล่าวว่า “ข้ามาท้าทายสนามประลองที่สิบ”
คุณชายในชุดสีเหลืองผู้นั้นดูนิ่งสงบอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเขาก็คือหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันที่มาจากพื้นที่การแข่งขันของดินแดนทางตอนกลาง
เขาร่อนลงมาบนสนามการแข่งขัน จากนั้นก็จ้องมองไปที่มู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “มู่เฉินซี ความสามารถของเจ้านั้นยอดเยี่ยมมากคคจริง ๆ แต่หากองค์หญิงหลินหลางเห็นเจ้า ก็อาจจะทรงไม่พอพระทัยเอาได้ ฉะนั้นข้าจำต้องหยุดเจ้าที่การแข่งขันในรอบที่สามนี้ แม้ว่ามันจะต้องเปลืองพลังไปมากแค่ไหนก็ตาม”
“หากนางไม่พอใจที่เจอข้า เช่นนั้นข้าก็จะทำให้นางไม่มีความสุขต่อไป ฉะนั้นเจ้าไม่มีทางขวางข้าได้หรอก” มู่เฉียนซีกล่าวพลางแสยะยิ้ม
อาวุธของคุณชายในชุดสีเหลืองผู้นั้นก็เป็นพัดเช่นกัน ซึ่งมันคือพัดขนนกสีเหลืองอันหนึ่ง
ท่ามกลางแสงสว่างวาบของสายฟ้า เขาก็ได้กระโดดขึ้นไปกลางอากาศด้วยแววตาที่เย็นยะเยือก จากนั้นก็เปิดการจู่โจมใส่มู่เฉียนซีทันที
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นจอมภูตพลังธาตุวายุคนหนึ่งเช่นกัน!
ตูมมมม!
มันไม่ได้เพียงแค่ลมเท่านั้น แต่ยังมีสายฟ้าฟาดที่สว่างวาบตามมาติด ๆ อีกด้วย
การควบคุมสายฟ้าของเขายอดเยี่ยมกว่าเหลยจื้อหลายส่วน อีกทั้งเขายังสามารถใช้พลังของสายฟ้าได้ถึงระดับสูงสุดอีกด้วย
แม้แต่ทักษะวิญญาณนั้นก็ยังล้ำลึกมาก จนทำให้คนอื่นประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน
“คาดไม่ถึงเลยจริง ๆ! ว่าจะเป็นจอมภูตพลังวิญญาณธาตุคู่วายุอัสนีที่มีฝีมือยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดที่มีฝีมือเช่นนี้ซ่อนอยู่ที่นี่โดยยังไม่ลงมือใด ๆ อยู่ด้วย”
ตั้งแต่การเผชิญหน้าครั้งแรก ก็ทำให้มู่เฉียนซีได้รู้แล้วว่าคนผู้นี้จัดการยากมากเพียงใด และก่อนที่จะเผยไพ่ตายอื่นออกมา นางก็ได้ใช้เพียงแค่พลังวิญญาณธาตุวายุในการจัดการเขา ซึ่งมันก็ต้องเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดแน่นอนอยู่แล้ว
“เงาวายุลวง!” หลังจากที่การโจมตีล้มเหลว ชายในชุดสีเหลืองผู้นั้นก็ได้เริ่มใช้วิธีการอื่น ๆ แทน
และเขาเพียงคนเดียว ก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นร่างเงาถึงห้าร่างเลยทีเดียว!
ซึ่งนี่ก็ไม่ได้เป็นเพียงภาพมายาธรรมดาทั่วไปเท่านั้น เนื่องจากว่าร่างเงาเหล่านี้ทุกร่างล้วนมีความสามารถที่ไม่อ่อนแอทั้งนั้น ถึงแม้ว่ามันจะเทียบตัวจริงไม่ได้ แต่ก็ถือว่ารับมือได้ยากเช่นกัน
ทันใดนั้นก็ได้มีคนอุทานออกมาว่า “ข้ารู้แล้ว ว่าคุณชายชุดสีเหลืองผู้นี้คือผู้ใดกันแน่ เขาคือคนของเผ่าเงาวายุนี่เอง”
“ทักษะวิญญาณนี้ เป็นทักษะที่เรียนรู้กันเฉพาะในเผ่าเงาวายุเท่านั้น ซึ่งคนภายนอกก็ไม่มีทางที่จะเรียนรู้ได้!”
“สถานะของเผ่าเงาวายุในราชวงศ์ตงหวงตอนนี้ไม่ได้อยู่ในระดับที่ต่ำเลย เพราะหลังจากที่ตระกูลเฟิงถูกทำลายล้าง เผ่าเงาวายุก็ได้เข้ามาแทนที่ในตำแหน่งของตระกูลเฟิง และตอนนี้จักรพรรดิตงหวงก็ไว้วางใจเผ่าเงาวายุเป็นอย่างมากอีกด้วย”
“…..”
เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยและคำกล่าวชื่นชมของทุกคน สีหน้าของเฟิงอิ๋งอู่ก็เผยความภาคภูมิใจออกมา
“ตอนนี้เจ้าก็คงได้รู้แล้วสินะ ว่าข้าแตกต่างจากคนก่อนหน้านั่นมากเพียงใด! เพียงแต่ ข้าไม่ให้โอกาสเจ้าได้ยอมแพ้หรอก”
“ที่แท้ก็เป็นสุนัขรับใช้ของมู่หลินหลางตัวหนึ่งนี่เอง! วันนี้ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าได้ถอยแน่!”
“เจ้าช่างรนหาที่ตายนัก!” เฟิงอิ๋งอู่กล่าวอย่างเย็นชา
ทันใดนั้นร่างเงาทั้งห้าก็พุ่งเข้าโจมตีมู่เฉียนซี และทักษะวิญญาณธาตุวายุกับทักษะวิญญาณธาตุอัสนีก็พุ่งเข้าจู่โจมนางอย่างดุเดือดพร้อมกัน
ไม่ว่ามู่เฉียนซีจะหลบหลีกไปที่ใด พวกเขาต่างก็ไล่ล่านางอย่างไม่ลดละ!
ตูมมม โครมมม!
คนอื่น ๆ ที่ได้เห็นต่างก็พากันอกสั่นขวัญแขวนไปกันหมด อันตราย นี่มันจะอันตรายเกินไปแล้ว!
การต่อสู้ในรอบนี้เป็นการต่อสู้แบบห้าต่อหนึ่ง นอกจากนี้ความสามารถของอีกฝ่ายยังมากกว่ามู่เฉินซีถึงขั้นหนึ่งอีกด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่มาก
เกรงว่ามู่เฉินซีคงจะถูกหยุดอยู่เพียงเท่านี้เป็นแน่ และนี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ก็ใครใช้ให้มีชายที่ทรงพลังมากเช่นนี้อยู่ที่นี่กันล่ะ
ถึงคราวนี้มู่เฉียนซีจะเสียเปรียบ แต่นางกลับยังคงสงบนิ่งเป็นอย่างมากอยู่ดี
การที่ร่างเงาทั้งหมดนี้มีชีวิต เป็นเพราะพลังที่กำเนิดมาจากร่างหลัก ตราบใดที่หาร่างหลักของเขาเจอ และทำลายการเชื่อมต่อเช่นนี้ไปเสีย ร่างเงาทั้งหมดเหล่านี้ก็จะหายวับไปอย่างแน่นอน
พลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีได้ห่อหุ้มพวกเขาแต่ละคนเอาไว้อย่างเงียบเชียบ ในที่สุดนางก็สังเกตได้ถึงความผันผวนของพลังที่แปลกไปได้แล้ว
จากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้เริ่มโจมตีกลับ นางจู่โจมไปที่เฟิงอิ๋งอู่ด้วยความเร็วอันน่าอัศจรรย์ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างที่แข็งแกร่งมากอีกด้วย
“ทักษะซิวหลัว!”
ตูมมม!
ทันทีที่ปล่อยทักษะนี้ออกไป มันก็พุ่งเข้าใส่ร่างหลักในทันที สีหน้าของเขาถอดสี และร่างของเขาก็ลอยกระเด็นออกไป
สิ่งนี้ทำให้เขาถูกขัดจังหวะ และทำให้ไม่อาจควบคุมพลังวิญญาณธาตุวายุให้สมบูรณ์แบบต่อไปได้ จนทำให้ร่างเงาวายุทั้งสี่ของเขาหายวับไป
ตอนนี้เฟิงอิ๋งอู่ประหลาดใจเป็นอย่างมาก เมื่อครู่นี้มู่เฉินซีหาเขาเจอได้อย่างไร อันที่จริงแล้วมันคือความบังเอิญ หรือว่าค้นพบอะไรบางอย่างจากเขากันแน่?
มู่เฉียนซีกล่าวพลางหัวเราะเยาะว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเรียนรู้ทักษะเฉพาะของเผ่าเงาวายุมาแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ อย่างนั้นสินะ! เพียงพริบตาเดียวก็ไม่อาจคงสภาพมันไว้ได้แล้ว ก็ไม่เห็นจะเท่าไรเลยนี่?”
“บัดซบเอ้ย! คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้ข้าต้องอับอายเช่นนี้!” เฟิงอิ๋งอู่กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
พลังวิญญาณธาตุอัสนีของเขาจึงพุ่งเข้าโจมตีมู่เฉียนซีอีกครา นอกจากนี้เขายังหมุนเวียนพลังวิญญาณธาตุวายุ เพื่อก่อกำเนิดร่างเงาห้าร่างอีกครั้งหนึ่งด้วย
“คราวนี้ ข้าจะต้องทำให้เจ้าไม่ตายดีแน่ มู่เฉินซี!”