ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2176 อสนีบาตไร้ผล
“นั่นก็คือหนึ่งในสิบอัจฉริยะของดินแดนทางทิศเหนือเช่นกัน” เจี้ยนเจี้ยนแนะนำให้มู่เฉียนซีได้รู้จัก
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
จากนั้นก็มีคนขึ้นไปบนสนามประลองอีกสามคนติดต่อกัน
แต่ทว่ายังเหลือสนามประลองอยู่อีกหกสนาม ซึ่งผู้คนมากมายยังคงลังเลกันอยู่
หากขึ้นไปเป็นคนแรก และมีความคิดที่อยากจะชนะ นั่นหมายความว่าจะต้องต่อสู้เพียงคนเดียวตั้งแต่เริ่มต้นไปจนจบการแข่งขัน
ซึ่งเมื่อดูจากจำนวนคนที่นี่แล้ว อย่างน้อยจะต้องต่อสู้มากกว่าสิบรอบเลยทีเดียว และคนทั่วไปจะสามารถทนต่อการผลาญพลังเช่นนี้ได้อย่างไร?
“หากไม่มีผู้ใดขึ้นไปบนสนามประลองอีก เช่นนั้นก็จะทำการคัดเลือกแบบสุ่ม!” น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา และหลังจากนั้นก็มีคนหกคนถูกส่งขึ้นไปบนสนามประลองอย่างเรียบง่าย
“ช่างโชคร้ายจริง ๆ!”
“คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่โดนเลือกจะเป็นข้า”
“นี่มันโชคอะไรของข้ากันแน่เนี่ย!”
ในเมื่อมีคนป้องกันสนามประลองคนแรกแล้ว ลำดับต่อไปก็ถึงเวลาที่คนอื่นจะต้องเริ่มเคลื่อนไหว ด้วยการไปท้าทาย
“ข้าน้อยหวางเทียน ขอท้าทายสนามประลองที่หนึ่ง!”
“ข้าน้อย…”
มู่เฉียนซีนั่งดูการต่อสู้อยู่อีกด้านหนึ่งอย่างใจเย็น เจี้ยนเจี้ยนจึงกล่าวว่า “ลูกพี่มู่ เหตุใดท่านถึงไม่เป็นคนเปิดสนามเล่า ด้วยความสามารถของท่านจะต้องเป็นผู้ป้องกันสนามประลองได้อย่างง่ายดายแน่นอน”
“คราวนี้เป็นการแข่งขันที่ปะปนกันระหว่างผู้เข้าแข่งขันจากทั้งห้าเขตพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีอัตราการตกรอบที่สูงมาก ข้าเดาว่ารอบต่อไปน่าจะเป็นรอบชิงชนะเลิศแล้ว และตอนนั้นก็น่าจะได้เผชิญหน้ากับมู่หลินหลางเสียที” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ข้อมูลของจูเชว่ไม่มีทางผิดพลาด และตอนนี้มู่หลินหลางคงจะบรรลุระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์แล้วแน่นอน
คราที่แล้วนางได้ปะทะฝีมือกับมู่หลินหลางที่สุสานมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง และได้อาศัยวิธีการต่าง ๆ อีกทั้งยังร่วมมือกับผู้อื่นถึงสามารถทำให้นางบาดเจ็บสาหัสได้
ถึงตอนนี้นางจะบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว แต่ในภายภาคหน้ามู่เฉียนซียังพอมีเวลาบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตได้ทันอยู่
ยิ่งไปกว่านั้นคราวนี้นางจะต้องทำให้สุดความสามารถ ทั้งสมบัติและวิธีการต่าง ๆ นางก็มีไม่น้อย ฉะนั้นนางไม่มีทางที่จะประมาทแน่นอนอยู่แล้ว
ดังนั้นการแข่งขันในรอบที่สามนี้ นางควรจะประหยัดแรงไว้หน่อยจะดีกว่า
“ที่ลูกพี่มู่กล่าวมาก็ถูก เช่นนั้นพวกเราชมการแข่งขันกันไปก่อนก็แล้วกัน ลองดูความสามารถของเหล่าคู่ต่อสู้กันก่อน”
การต่อสู้บนสนามประลองนี้ คนที่มีความสามารถแข็งแกร่งมาก จะนั่งอยู่บนสนามประลองอย่างมั่นคง และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าไปท้าทายพวกเขา
นอกจากนี้ยังมีบางสนามการประลอง ที่เปลี่ยนผู้ครองสนามไม่หยุดหย่อน และมันก็ทำให้มีคนที่ถูกทำให้คนตกรอบมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อมาถึงช่วงสุดท้าย คนของสนามประลองทั้งสิบเริ่มทรงตัวได้แล้ว ซึ่งผู้คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด และไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่ามีบางคนกำลังเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงอยู่อย่างเงียบ ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “คนของสนามประลองทั้งสิบคนนี้ เจ้าว่าผู้ใดแข็งแกร่งที่สุด?”
“น่าจะเป็นฉินซิน หนึ่งในสิบอัจฉริยะของดินแดนทางทิศเหนือที่อยู่บนสนามประลองที่หนึ่งกระมัง!” เจี้ยนเจี้ยนกล่าวตอบ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ลองไปสู้กับฉินซินดูสักครั้งสิ! ส่วนข้าจะเลือกเหลยจื้อ ที่อยู่บนสนามประลองที่สิบ”
ร่างสีม่วงสว่างวาบขึ้น และมู่เฉียนซีก็ขึ้นไปอยู่บนสนามประลองที่สิบในพริบตา ตอนนี้มีคนถูกทำให้ตกรอบไปแล้วเป็นจำนวนมาก หากในเวลานี้คนที่มีความกล้าที่จะท้าทายและยังอยู่เป็นผู้ครองสนามประลองได้ นั่นแปลว่าคนผู้นั้นต้องมั่นใจในความสามารถของตนเองแน่นอนอยู่แล้ว
“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นมู่เฉินซี ในที่สุดนางก็ยอมที่จะขึ้นสนามประลองแล้ว”
“ข้าคิดว่านางจะไม่กล้าขึ้นไปประลองแล้วเสียอีก!”
“…..”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “มู่เฉินซี ขอท้าทายสนามประลองที่สิบ”
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!
เสียงของพลังธาตุอัสนี กำลังกู่ร้องอย่างบ้าคลั่ง
เขาแสยะยิ้มพลางกล่าวว่า “ในที่สุดก็มีคนกล้ามาประลองกับข้าแล้ว ข้าคิดว่าข้าต้องยืนรอโง่ ๆ อยู่บนสนามประลองนี้ไปจนจบเสียแล้ว”
“มาเริ่มลงมือกันเถอะ!” มู่เฉียนซีนำเอาพัดวิหคเฟิงหลิงออกมา
“ข้าเคยได้ยินเรื่องของเจ้ามาก่อน หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนะ” ถึงใบหน้าของเหลยจื้อจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่เขากลับระมัดระวังเป็นอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่าคู่ต่อสู้ที่อยู่เบื้องหน้าของเขานั้นจะดูอ่อนแอเพียงใด แต่ทว่าคงยากที่จะรับมืออย่างแน่นอน
ทันทีที่เขาก้าวเท้าไปข้างหน้า ร่างของเข้าก็พุ่งทะยานเข้าใส่มู่เฉียนซีราวกับสายฟ้าแลบก็มิปาน อีกทั้งยังมีเสียงฟ้าร้องที่ดังกึกก้องไปทั่วอีกด้วย
พลังธาตุวายุกลายเป็นใบมีด จากนั้นก็พุ่งเข้าโจมตีเหลยจื้อทันที
ปัง ปัง ปัง!
ท่ามกลางแสงสว่างของสายฟ้าฟาด ก็ไม่รู้ว่าทั้งสองคนได้ปะทะฝีมือกันไปกี่สิบรอบแล้ว
พวกเขาที่ทำราวกับดูดอกไม้ไฟ กล่าวขึ้นมาว่า “ความเร็วของทั้งสองคนนี้เร็วมากจริง ๆ!”
“คนหนึ่งเป็นจอมภูตพลังธาตุอัสนี ส่วนอีกคนก็เป็นจอมภูตพลังธายุวายุ จะเร็วมากก็ปกติแล้ว!”
“ระวัง!”
ทันใดนั้นเอง เหลยจื้อก็ได้มาอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซี และพลังสายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้ห่อหุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้อย่างกะทันหัน
พวกเขาสามารถมองเห็นสายฟ้าที่มีลักษณะราวกับงูวาดผ่านไปบนร่างกายของมู่เฉียนซีอย่างชัดเจน และเพียงแค่ได้เห็นแสงสว่างเหล่านั้น พวกเขาก็รู้สึกว่าร่างกายเจ็บปวดขึ้นมาแล้ว
และมู่เฉินซีที่ถูกปกคลุมไปด้วยพลังแห่งสายฟ้าจริง ๆ เหล่านี้ จะไม่เจ็บปวดเจียนตายเลยอย่างนั้นหรือ?
อย่างไรก็ตามมู่เฉียนซีที่ไม่แม้แต่ขมวดคิ้วเลยแม้แต่น้อย ก็ได้ลงมือตอบโต้อย่างกระทันหัน “พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
แย่แล้ว!
“ตายแน่!”
เหลยจื้อรีบล่าถอยอย่างรีบร้อน และเสื้อผ้าของเขาก็ถูกพลังธาตุวายุฉีกจนขาดวิ่น
มีรอยแผลเป็นริ้ว ๆ สีแดงเข้มปรากฏขึ้นมาบนผิวหนังของเขา แต่กลับไม่เห็นเลือดแต่อย่างใด
เขาจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความประหลาดใจ พลังธาตุอัสนีของเขาได้โจมตีลงไปบนร่างกายของมู่เฉินซี แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย และคนผู้นี้ไม่กลัวสายฟ้าเลยจริง ๆ
“สภาพเช่นนี้ ดูเหมือนว่ามู่เฉินซีจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งยังสามารถโจมตีกลับได้อีกด้วย?”
“เช่นนั้นพลังธาตุสายฟ้าที่แข็งแกร่งก็ยังมิอาจทำอันตรายมู่เฉินซีได้เลยหรือนี่ ร่างกายของมู่เฉินซีผู้นี้คงมิได้ถูกสร้างมาจากแร่ชนิดพิเศษหรอกกระมัง?”
พวกเขาจ้องมองไปยังผิวพรรณที่ขาวเนียนของมู่เฉียนซี อย่างไรก็ไม่เหมือนอยู่ดีนั่นแหละ!
เจี้ยนเจี้ยนเองก็ชื่นชมเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน “ลูกพี่มู่จะต้องเป็นวีรสตรีในหมู่สตรีอย่างแน่นอน!”
“ร่างกายของเจ้ามีความพิเศษมาก ต่อไปข้าคงไม่กล้าประมาทอีกแล้วเป็นแน่!” เหลยจื้อกล่าว
ท่ามกลางแสงสว่างของสายฟ้า พวกเขาต่างก็ปะทะฝีมือกันอีกไม่รู้กี่รอบ และคนที่เหลือก็สัมผัสได้เพียงความสามารถอันน่าสะพรึงกลัวของทั้งสองคนนี้เท่านั้น
แม้ว่าหลังจากนี้จะต้องไปท้าทายผู้ครองสนามประลอง แต่พวกเขาก็จะไม่มีทางไปท้าทายสนามประลองที่สิบอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าคนที่เหลืออยู่นั้นจะเป็นมู่เฉินซีหรือเหลยจื้อก็ตาม
ขณะนี้สายฟ้าก็ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นสัตว์คลั่งตัวหนึ่ง และสัตว์คลั่งตัวนี้ก็จ้องเขม็งไปยังมู่เฉียนซีอย่างอันตรายยิ่งนัก
แน่นอนว่าเหลยจื้อเป็นผู้ครองสนามประลองที่แข็งแกร่งที่สุดของสิบสนามแห่งนี้อยู่แล้ว แต่มู่เฉียนซีก็มีข้อได้เปรียบที่สุดอยู่อย่างหนึ่งในการต่อสู้กับเขา เพราะไม่ว่านางจะถูกฟ้าฝ่ามากมายหลายครั้ง หรือไม่ว่าจะเป็นสายฟ้าระดับสูงประเภทไหนก็ตาม นางต่างก็เคยสัมผัสมาหมดแล้วนั่นเอง
แม้ว่าพลังสายฟ้าฟาดของเหลยจื้อจะแข็งแกร่ง แต่กลับไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ ต่อนางได้เลย
“ไป!” เหลยจื้อตะโกนก้อง และสัตว์สายฟ้าตัวนั้นก็ระเบิดกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
มู่เฉียนซีไม่หวาดกลัวต่อพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวของมันเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังร่ายทักษะออกไปโจมตีอีกด้วย
“ทักษะซิวหลัว!”
ตูมมมม!
สัตว์สายฟ้าได้ต้านทานการโจมตีของมู่เฉียนซีเอาไว้ได้ และหลังจากนั้นก็พุ่งทะยานไปทางมู่เฉียนซีด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ความเร็วของอีกฝ่ายนั้นรวดเร็วมากเกินไป จึงทำให้มู่เฉียนซีต้องหลบหลีกอย่างรวดเร็วตามไปด้วย
“ความเร็วของสัตว์สายฟ้าตัวนั้น เกรงว่าแม้แต่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำทั่วไปก็ยังยากที่จะหลบเลี่ยงมันได้เลย! แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉินซีจะสามารถหลบหลีกได้”
“……”
ฉากการประลองบนสนามแห่งนี้ ทำให้ทุกคนต่างจ้องมองด้วยความตื่นตะลึง
แม้แต่เหลยจื้อที่ควบคุมการโจมตีของสัตว์สายฟ้าเองก็รู้สึกตะลึงงันไปเช่นกัน ความเร็วตอนที่ปะทะฝีมือกับเขาเมื่อครู่นี้ ยังไม่ใช่ขีดจำกีดของมู่เฉินซีเลยด้วยซ้ำ หญิงผู้นี้ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวมากคนหนึ่งจริง ๆ
แต่เขาก็ไม่อยากที่จะพ่ายแพ้ลงที่นี่ ฉะนั้นจึงให้สัตว์สายฟ้าโจมตีมู่เฉียนซีอย่างสุดกำลัง และแรงกดดันนั้นของมันก็น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
ครืนนนน!
เสียงสายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัวดังกึกก้องไปทั่ว เวลานี้พวกเขาเห็นแค่เพียงแสงสีเงินเท่านั้น และตอนนี้ก็ไม่อาจมองสถานการณ์ตรงหน้าและร่างเงาสีม่วงได้ชัดเจนอีกแล้ว
“โฮกกก!” สัตว์ร้ายร้องคำราม และต้องการที่จะระเบิดพลังสุดท้ายออกมา ซึ่งมันคิดที่จะโจมตีมู่เฉินซีให้ถึงแก่ชีวิตเลยทีเดียว
แต่ทว่ารอบตัวของมู่เฉียนซีนั้น ก็มีพลังวิญญาณธาตุวายุขนาดมหึมาที่รอซุ่มอยู่ และทันใดนั้นนางก็โจมตีกลับทันที!
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
ตูมมมม!
มีเสียงกัมปนาทดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น และแสงสว่างบนร่างของเจ้าสัตว์สายฟ้าตัวนั้นก็ค่อย ๆ อ่อนแอลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดมันก็หายไปจากสนามประลอง
.