ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2172 เข้าสู่สนามที่สอง
จางหยวนถือสิ่งของจำนวนมากอยู่ในมือด้วยสีหน้าที่งุนงง
ของที่มีมูลค่ามากมายเช่นนี้ นางบอกว่ากินหมดแล้วยังมีอีกอย่างนั้นหรือ?
นี่เจ้าคิดว่าสิ่งของพวกนี้เป็นเพียงแค่อาหารมื้อใหญ่มื้อหนึ่งอย่างนั้นหรือ?
ในเมื่อมีคนจำนวนมากเข้ามาปิดล้อมอยู่ เขาจึงรู้สึกว่าหากฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วก็น่าจะช่วยได้มากกว่า ดังนั้นเขาจึงกินมันเข้าไปโดยตรงอย่างไม่ได้ประหยัดแต่อย่างใด
รสผูเถานี่!
เขารู้สึกสงสัยว่าตนเองได้กำลังกินยาปลอมเข้าไปแล้วหรือไม่
แน่นอนว่า ความสงสัยเหล่านี้ได้มลายหายไปทันทีที่พลังวิญญาณของเขาฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง
เป็นยาน้ำที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้!
ดูราวกับว่าจางหยวนจะฟื้นคืนชีพกลับมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งยังมีมู่เฉินซีอีกคนหนึ่ง คนเหล่านี้ต้องน่าสังเวชมากเป็นแน่!
ฉินกังกล่าวว่า “จางหยวน เจ้านี่มันช่างโง่เง่าเสียจริง! เจ้ารู้หรือไม่ว่านางคือผู้ใด? นางก็คือมู่เฉินซี ทั่วทั้งสนามแข่งขันของดินแดนทางทิศเหนือแห่งนี้ มีคนมากมายเพียงใดที่ต้องการจัดการนาง เจ้าไม่รู้หรือ? หากเจ้าช่วยนางก็จะต้องมีจุดจบที่ไม่ดีอย่างแน่นอน”
จางหยวนกล่าวตอบว่า “แล้วมันจะทำไมล่ะ? ข้าชื่นชมในความสามารถของนาง คิดอยากจะช่วยนางก็จะช่วย พวกเจ้าจะมายุ่งวุ่นวายอะไรด้วย?”
เจี้ยนเจี้ยนที่แอบดูการต่อสู้อยู่ตลอด ก็ได้เห็นว่าลูกพี่มู่ถูกคนปิดล้อมเอาไว้
ส่วนจางหยวนก็ได้ผันตัวจากศัตรูมาเป็นสหายที่คอยช่วยเหลือ ฉะนั้นเขาจึงรู้สึกว่าหากเขาไม่ออกโรงแล้วละก็ เกรงว่าเขาคงไม่อาจกอดต้นขานี้ไว้ได้อีกแล้ว
เจี้ยนเจี้ยนพุ่งทะยานออกไปพลางกล่าวว่า “ลูกพี่มู่ ข้าก็จะช่วยท่านจัดการกับเจ้าพวกสารเลวเหล่านี้ด้วยเช่นกัน”
“พลังวายุทำลาย จันทราหนาวเหน็บ!”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
ศึกใหญ่คราวนี้ คาดว่าน่าจะเป็นการต่อสู้ที่มีคนยอมแพ้มากที่สุดและดุเดือดที่สุดในสนามแข่งขันของดินแดนทางทิศเหนือสนามหนึ่งเป็นแน่
ถึงคนจะน้อยแต่ก็สามารถเอาชนะได้ เพราะถึงอีกฝ่ายจะมีจำนวนคนที่มากกว่าแต่พลังกลับไม่ได้เปรียบเท่าไรนัก ซ้ำยังถูกปราบปรามจากทุกด้านอีกด้วย
ปัง ปัง ปัง!
จำนวนคนที่ตกรอบมีมากขึ้นเรื่อย ๆ มู่เฉียนซีรู้สึกว่ามันจะดีกว่าหากมีคนเข้ามามากกว่านี้อีกสักหน่อย เพื่อที่การแข่งขันรอบคัดเลือกนี้จะได้จบเร็วมากยิ่งขึ้น
นางลดจำนวนคนที่อยู่ที่นี่ลงอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งการประลองรอบนี้สิ้นสุดลง
มีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาบนหน้าผากของผู้คนมากมาย พวกเขาเอาแต่บ่นพึมพำว่ามู่เฉินซีนั้นวิปลาสมากเกินไป ซึ่งก็สมแล้วกับที่ครองตำแหน่งอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของดินแดนทางทิศตะวันออกและดินแดนทางทิศใต้
มู่เฉินซีผู้นี้เป็นเสมือนแกะอ้วนตัวหนึ่ง ซึ่งพวกเขาต่างก็อยากที่จะจัดการนางให้ได้
อย่างไรก็ตามพวกเขาได้ค้นพบแล้วว่า นางไม่ได้ง่ายต่อการจัดการเลยแม้แต่น้อย และตอนนี้พวกเขาก็ได้สูญเสียพี่น้องไปมากมายแล้ว
“ไปหากำลังเสริมมา! รีบไปหากำลังเสริมมาเร็วเข้า!”
“ไปบอกพวกเขา ว่ามู่เฉินซีอยู่ที่นี่ พวกเขาจะต้องยินดีมาอย่างแน่นอน”
“เก่งกาจแล้วอย่างไรล่ะ! หากพวกเราใช้การโจมตีด้วยคลื่นมนุษย์ก็จะสามารถทรมานมู่เฉินซีจนตายได้อยู่ดี”
นางเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง อย่างไรก็ต้องมีตอนที่ใช้พลังวิญญาณหมดแน่นอนอยู่แล้ว
แต่ทว่าพวกเขานั้นประเมินคุณภาพของยาลูกกลอนและยาน้ำที่มู่เฉียนซีนำติดตัวมาด้วยต่ำเกินไป นี่คืองานแข่งขันอัจฉริยะครั้งยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ตงหวง เป้าหมายสุดท้ายของนางก็คือการฆ่าศัตรูอย่างมู่หลินหลาง ฉะนั้นนางจึงเตรียมการมาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และต้องไม่มีทางชะล่าใจอย่างแน่นอน
นี่เป็นการต่อสู้ที่เริ่มตั้งแต่ฟ้าสว่างจนถึงฟ้ามืด พวกเขาไม่รู้เลยว่ามู่เฉินซีใช้ยาลูกกลอนและยาน้ำไปมากมายแค่ไหนแล้ว
ซึ่งสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ คนผู้นี้ไม่ประหยัดเลยแม้แต่น้อย แถมยังใช้มันอย่างฟุ่มเฟือย แต่ทว่าใช้อย่างไรก็ใช้ไม่หมดอยู่ดี
ในที่สุดจางหยวนก็เข้าใจความหมายของคำที่ว่ายังมีอีกมากว่าคืออะไรเสียที เห็นได้ชัดว่ายาของคนผู้นี้มากมายเกินจะหยั่งถึง ฉะนั้นเขาจึงสามารถใช้มันได้ตามที่ต้องการนั่นเอง
คนที่แอบใช้ประโยชน์จากอาวุธลับในการลอบโจมตีและมีส่วนร่วมในการต่อสู้ด้วยความกระตือรือร้นอย่างเจี้ยนเจี้ยนก็ได้รู้ถึงประโยชน์ของขาที่เขากอดเอาไว้นี้แล้ว ลูกพี่มู่ก็ได้มอบยาน้ำให้เขาไม่น้อยเลยเช่นกัน
ถึงจะมีกองกำลังเสริมมาสมทบระลอกแล้วระลอกเล่า แต่ก็ถูกพวกของมู่เฉียนซีจัดการไปไม่น้อยแล้วเช่นกัน
เพียงไม่นาน ชื่อเสียงอันดุร้ายของมู่เฉินซีก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งสนามแข่งขันแห่งนี้ และมีคนจำนวนมากที่ตัดสินใจว่าจะไม่มารนหาที่ตาย
ในตอนที่กำลังเสริมของฉินกังเริ่มมีจำนวนร่อยหรอลงเรื่อย ๆ มันก็ทำให้เขาเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
มู่เฉียนซีพุ่งทะยานมาอยู่เบื้องหน้าของเขา และพลังธาตุวายุก็พัดโหมกระหน่ำใส่เขาจนกระเด็นลอยออกไปไกล
ในตอนที่การโจมตีอันหมายเอาชีวิตกำลังใกล้เข้ามา ฉินกังก็ดึงเอาคนผู้หนึ่งมาเป็นโล่อย่างรีบร้อน
ฉัวะ!
“ศิษย์พี่ ท่าน…”
“ศิษย์น้อง โปรดเข้าใจข้าด้วย! ความสามารถของข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า อย่างไรเสียเจ้าตกรอบก็ดีกว่าให้ข้าต้องตกรอบนะ”
คนกลุ่มใหญ่ที่มาจัดการมู่เฉียนซีในเวลานี้ถูกทุบตีจนราบเป็นหน้ากองไปหมดแล้ว ทั้งยังถูกพลังในการต่อสู้ของมู่เฉียนซีทำให้หวาดกลัวไปแล้วเช่นกัน
พวกเขาไม่ควรตาบอดเพราะเห็นแก่ประโยชน์ จนหลงผิดมาจัดการกับคนที่วิปลาสเช่นนี้เลย
ส่วนฉินกังก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้วเช่นกัน เขาตัดสินใจว่าจะหนีไปก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที
มู่เฉียนซีไม่คิดที่จะปล่อยให้เขาหนีไปได้อยู่แล้ว ฉะนั้นจึงเร่งไล่ล่าตามไปอย่างรวดเร็ว!
“พลังวายุทำลาย จันทราหนาวเหน็บ!”
“ทักษะซิวหลัว!”
พรวด พรวด พรวด!
ฉินกังพ่นเลือดสด ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยท่าทางที่จะล้มมิลมแหล่
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจะต้องตกรอบไปในไม่ช้าอย่างแน่นอน
และในเวลานี้ ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“การแข่งขันรอบคัดเลือกสนามดินแดนทางทิศเหนือสิ้นสุดลงแล้ว การแข่งขันรอบคัดเลือกสนามดินแดนทางทิศเหนือสิ้นสุดลงแล้ว! ขณะนี้จำนวนของผู้เข้าแข่งขันถึงกำหนดของสนามแข่งขันที่สองแล้ว จะทำการเคลื่อนย้ายทันที! ทุกท่านโปรดระมัดระวังด้วย”
และเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ พวกเขาถูกเคลื่อนย้ายไปในพริบตา ฉินกังพลันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก มันช่างอันตรายจริง ๆ!
เกือบผ่านไปไม่ได้แม้แต่รอบแรกด้วยซ้ำ และในฐานะของหนึ่งในสิบอัจฉริยะของดินแดนทางตอนเหนือ หากไม่สามารถผ่านรอบแรกไปได้ เช่นนั้นคงจะเป็นเรื่องที่หน้าขายหน้ามากเรื่องหนึ่งเป็นแน่
คงจัดการเร็วเกินไปสินะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะถึงจำนวนที่กำหนดไว้เร็วเพียงนี้ ถือว่าเจ้าหมอนั่นโชคดีเลยทีเดียว!
ขณะนี้แววตาของมู่เฉียนซีฉายแววเย็นยะเยือกออกมา
สนามแรกที่เสร็จสิ้นคือดินแดนทางตอนกลาง ส่วนที่เสร็จสิ้นเป็นลำดับสองคือดินแดนทางทิศเหนือ
เหตุผลที่ดินแดนทางทิศเหนือเสร็จสิ้นเร็วกว่าที่จินตนาการเอาไว้ เป็นเพราะมีคนจำนวนมากได้มารวมตัวกันเพื่อจัดการกับมู่เฉินซี ทว่าหลังจากนั้นกลับเป็นพวกเขาที่ถูกจัดการเสียเอง!
สนามที่เสร็จสิ้นเป็นสนามที่สามก็คือดินแดนทางทิศตะวันตก ลำดับที่สี่คือดินแดนทางทิศตะวันออก และลำดับที่ห้าก็คือดินแดนทางทิศใต้
สนามการแข่งขันของทั้งห้าเขตพื้นที่ได้สิ้นสุดลงแล้ว และพวกเขาก็ได้ทำการเริ่มการแข่งขันในรอบที่สองทันที
การแข่งขันครั้งใหญ่ของราชวงศ์ตงหวงในคราวนี้มีทั้งหมดกี่สนาม และมีกฏเกณฑ์เฉพาะอะไรบ้าง ล้วนยังไม่มีแจ้งออกมาทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามเมื่อดูจากจำนวนอัจฉริยะของราชวงศ์ตงหวงที่มีมากมายมหาศาลนี้แล้ว คาดว่าน่าจะมีการแข่งขันอย่างน้อยสามรอบเป็นแน่
ซึ่งรอบแรกก็เป็นเพียงแค่การเรียกน้ำย่อยเท่านั้น
สนามการแข่งขันรอบที่สองอยู่ภายในป่าทึบแห่งหนึ่ง และข้อกำหนดของการแข่งขันในคราวนี้ก็คือการหาเพื่อนร่วมกลุ่มให้ได้ห้าคน
หลังจากที่จัดตั้งกลุ่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะเป็นเปิดศึกการต่อสู้หลังจากที่ได้ยินคำสั่งต่อไป
นี่เป็นการต่อสู้แบบกลุ่ม หลังจากที่รวมกลุ่มเสร็จสิ้นแล้ว ก็ให้ทำการจัดการคนอีกสามกลุ่ม จึงจะมีสิทธิ์ได้เข้าไปในสนามการแข่งขันรอบที่สาม
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนั้นก็หาคนก่อนก็แล้วกัน”
มู่เฉียนซีไปตามหาคนเพื่อรวมกลุ่ม และเมื่อมีคนรู้ว่านางเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดคนหนึ่งเท่านั้น ก็พากันปฏิเสธจนหมด
เพราะเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเกินไปที่คนที่มีความสามารถเพียงเล็กน้อยเท่านี้จะมาถึงสนามการแข่งขันรอบนี้ได้
และถึงจะมีบางคนรู้ว่านางคือมู่เฉินซี แต่ก็ยังปฏิเสธนางอย่างน่าประหลาดอยู่ดี
มู่เฉียนซีบ่นพึมพำว่า “คิดไม่ถึงว่าแม้แต่เพื่อนร่วมกลุ่มสักคนยังหาไม่ได้เลย?”
มู่หลินหลางคงจะมีความสุขมากเป็นแน่หากได้เห็นนางตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ฉะนั้นนางจะปล่อยให้มู่หลินหลางสมความปรารถนาได้อย่างไรล่ะ
หากไม่ได้จริง ๆ ก็แค่จับคนมาสี่คนแล้วบีบบังคับพวกเขาเอาก็ได้แล้ว
“ลูกพี่มู่ ในที่สุดข้าก็หาท่านเจอเสียที” เจี้ยนเจี้ยนผู้นี้ทุ่มเทให้กับการกอดขาของมู่เฉียนซีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อเขาถูกส่งมายังสนามแข่งขันรอบที่สอง เขาก็เริ่มตามหานางทันที
“เป็นเจ้านี่เอง!”
“ลูกพี่มู่ ยังขาดเพื่อนรวมกลุ่มอยู่อีกหรือไม่!” เจี้ยนเจี้ยนกล่าว
“สภาพการต่อสู้ในรอบที่แล้วเจ้าก็ได้เห็นแล้ว ว่ามีคนมุ่งเป้ามาที่ข้ามากมายเพียงใด เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไปด้วยกันกับข้าน่ะ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว! ข้ายอมรับท่านเป็นลูกพี่แล้ว ฉะนั้นจะต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันอยู่แล้วสิ”
“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ! ไปหาคนอื่นต่อ” มู่เฉียนซีกล่าว
เจี้ยนเจี้ยนบอกกับมู่เฉียนซีว่า ความจริงแล้วในป่าแห่งนี้มีคนเพียงแค่สองกลุ่มเท่านั้น กลุ่มหนึ่งมาจากสนามแข่งขันของดินแดนทางทิศเหนือ ส่วนอีกกลุ่มมาจากสนามแข่งขันของดินแดนทางทิศใต้นั่นเอง
และในเวลานี้ ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“หากจับกลุ่มไม่สำเร็จตามเวลาที่กำหนด จะต้องตกรอบ!”
“คำเตือน คำเตือน ห้ามบีบบังคับให้ผู้อื่นตกรอบ มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษด้วยการตกรอบ”
คนที่มีความคิดเช่นนั้นไม่ได้มีเพียงแค่มู่เฉียนซีคนเดียวเท่านั้น และเห็นได้ชัดว่ากฏของการแข่งขันนี้ได้ควบคุมไม่ให้เกิดสถานการณ์เช่นนั้นขึ้น
.
.