ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2165 อวดสายเลือด
หลังจากที่มู่เฉียนซีลงสมัครเสร็จเรียบร้อยแล้ว ว่านซือเยี่ยนก็ได้มาหานาง
“ได้ยินข่าวมาว่ามู่หลินหลางบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะยังไปลงสมัครจริง ๆ”
“การเตะมู่หลินหลางลงจากตำแหน่งอัจฉริยะอันดับหนึ่งของราชวงศ์ตงหวง เป็นเรื่องที่ข้าอยากทำมาโดยตลอด! ในเมื่อมีโอกาสดี ๆ มาถึงที่ขนาดนี้ ข้าไม่มีทางพลาดแน่นอนอยู่แล้ว”
“อะไรถึงทำให้ชื่อเสียงของอัจฉริยะอันดับหนึ่งน่าดึงดูดเช่นนี้! คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงเช่นเจ้าจะสนใจชื่อเสียงมากถึงขนาดนี้ด้วย” ว่านซือเยี่ยนกล่าวอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
“การมีชื่อเสียงโด่งดังนั้นจะไม่ดีได้อย่างไร เพราะไม่ว่าคนที่เจ้าต้องการหาจะอยู่ที่ใดก็ตาม หากเจ้ามีชื่อเสียงมากพอ คนผู้นั้นก็จะรู้ว่าเจ้าอยู่ที่ใด? เหมือนอย่างเจ้าที่มาที่นี่ไง? ไม่ใช่หรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
“คิดไม่ถึงเลยว่านี่จะเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าทำแบบนี้?”
“มิฉะนั้นเล่า! หากเป้าหมายของข้าคือ การทำให้คนเคารพนับถือและเต็มไปด้วยความทะนงตัวเหมือนกับมู่หลินหลาง ข้าก็คงได้ทำสำเร็จไปนานแล้ว เพราะข้าคือหมอปีศาจ! จำเป็นที่จะต้องไปเข้าร่วมการแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่อะไรนั่น! และตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของศัตรูไปทำไมกันล่ะ”
“ข้ารู้ว่าไม่มีทางที่จะรั้งเจ้าไว้ได้ เช่นนั้นก็ขอให้ความปรารถนานั้นของเจ้าเป็นจริง! ความจริงแล้วข้าก็เฝ้ารอวันที่จะได้เห็นมู่หลินหลางถูกแตะโด่งลงมาจากบัลลังก์ที่นางเฝ้าระวังนักหนานั่นเหมือนกัน เมื่อถึงตอนนั้นมันจะต้องยอดเยี่ยมมากเป็นแน่” ว่านซือเยี่ยนกล่าวพลางยิ้มอย่างชั่วร้าย
ทางด้านมู่หลินหลาง นางออกมาจากการเก็บตัวแล้ว แน่นอนว่านางหวาดกลัวมู่เฉินซีเป็นอย่างมาก และรอที่จะกำจัดนางให้ได้โดยเร็วไม่ไหวแล้ว
แต่นางรู้สึกว่าหากสามารถเอาชนะมู่เฉินซีได้อย่างเปิดเผยในการแข่งขันอัจฉริยะครั้งใหญ่นี้ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะนางจะได้อุดปากคนที่พูดพล่ามไปเรื่อยเหล่านั้นได้เสียที
จากนั้นก็ทำให้พวกเขาได้เข้าใจว่า ตำแหน่งของอัจฉริยะอันดับหนึ่งของนาง ไม่ใช่สิ่งที่พวกหมาแมวจรจัดเหล่านั้นสามารถมาช่วงชิงมันไปได้ เพราะมันคือตำแหน่งของนางที่เป็นถึงองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ของราชวงศ์ตงหวงนั่นเอง
มู่หลินหลางกล่าวว่า “อวิ๋นซิว จงถ่ายทอดคำสั่งไปยังทุกเขตพื้นที่! หากพบเจอคนที่มีชื่อว่ามู่เฉินซี จะต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อทำให้นางตกรอบให้ได้! แต่จำไว้ว่าให้ไว้ชีวิตนางด้วย”
หากแม้แต่รอบชิงชนะเลิศก็ยังเข้ามาไม่ได้ เช่นนั้นก็คงจะน่าเสียดายมากเลยจริง ๆ
แน่นอนว่าไม่อาจปล่อยให้นางตายง่ายเกินไปอยู่แล้ว เพราะนางจะต้องมีชีวิตอยู่และโดนทรมานอย่างโหดเหี้ยมต่างหาก
เฟิงอวิ๋นซิวผงะไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็กล่าวตอบว่า “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”
แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อยของมู่หลินหลางไม่อาจรอดพ้นสายตาของจูเชว่ไปได้ และจูเชว่ก็ได้นำข้อมูลนี้ไปแจ้งแก่มู่เฉินซีแล้วเช่นกัน เพราะเขากลัวว่านางจะตกเป็นเป้าหมายของคนจากดินแดนทางทิศเหนือ
เขาได้ส่งข้อมูลของคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจที่สุดของดินแดนทางทิศเหนือมาด้วย การแข่งขันอัจฉริยะครั้งยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ตงหวงในคราวนี้ คนที่เข้าร่วมการแข่งขันจะต้องมีอายุไม่เกินสามสิบปีขึ้นไป
ซึ่งดินแดนทางทิศเหนือนั้นมีอัจฉริยะอยู่มากมาย และในบรรดาอัจฉริยะมากมายก็มีคนที่ดูโด่ดเด่นอยู่ถึงสิบคนเลยทีเดียว นอกจากนี้ทั้งสิบคนนั้นยังได้ถูกขนานนามว่าเป็นสิบวีรบุรุษของดินแดนทางทิศเหนือแห่งราชวงศ์ตงหวงอีกด้วย
การแข่งขันอัจฉริยะครั้งใหญ่ของราชวงศ์ตงหวงในคราวนี้ นอกจากจะเป็นงานที่ยิ่งใหญ่แล้ว ยังได้มีการเชิญนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังรวบรวมสมบัติไว้อีกมากมาย จนต้องเปิดมิติแห่งหนึ่งออกมาเลยทีเดียว
หลังจากนี้เมื่อถึงวันแข่งขัน พวกเขาจะต้องตรงไปยังสถานที่แข่งขันตามแผนที่เพียงลำพัง
แต่ความชัดเจนของแผนที่นั้นมีจำกัดยิ่งนัก ซึ่งหากมาถึงสถานที่จัดการแข่งขันไม่ทันก่อนเวลาที่กำหนดแล้วละก็ เช่นนั้นก็จะถือว่าสละสิทธิ์ และจะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งคัดเลือกอีกเลย
การทดสอบนี้ไม่ได้ง่ายดายเหมือนการทดสอบพลังในการต่อสู้ของอัจฉริยะ หากอัจฉริยะคนหนึ่งทำได้เพียงแค่ต่อสู้ แต่กลับไม่มีสมอง ความเฉลียวฉลาดและโชค อัจฉริยะเช่นนี้ก็ต้องไปได้ไม่ไกลเป็นแน่
ราชวงศ์ตงหวงต้องการที่จะคัดเลือกผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริงออกมา จึงได้ให้โจทย์ที่ยากลำบากเช่นนี้ตั้งแต่เริ่มการแข่งกันกับทุกคน ซึ่งมันก็ทำให้อัจฉริยะมากมายกร่นด่าอย่างหยาบคายออกมาเลยทีเดียว
จูเชว่ที่เดินทางมาพันลี้อย่างไม่ย่อท้อเพื่อมาหามู่เฉียนซีกล่าวขึ้นมาว่า “ซีซี ข้ามาเป็นผู้แนะนำการแข่งขันให้กับเจ้า ให้ข้าช่วยเจ้าศึกษาแผนที่ดีหรือไม่? สำหรับภูมิประเทศของราชวงศ์ตงหวง ข้ามีความรู้ที่ชัดแจ้งที่สุดแล้ว”
“เอาสิ!”
นางไม่อยากตกรอบเพียงเพราะหาสนามแข่งขันไม่เจอ เพราะถึงอย่างไรมู่หลินหลางคงสามารถเข้าร่วมได้ตามปกติ และรู้แม้กระทั่งว่าตำแหน่งของทุกสนามแข่งขันอยู่ที่ใดอย่างแน่นอน เนื่องจากว่านี่คือสิ่งที่ราชวงศ์ตงหวงเป็นผู้สร้างขึ้นมาอย่างไรล่ะ!
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่เข้าร่วมกันล่ะ?”
ไม่ว่าจะเป็นจูเชว่หรือว่าพวกของว่านซือเยี่ยน ทุกคนต่างก็มีอายุที่ยังไม่เกินทั้งนั้น และความสามารถของพวกเขาก็บรรลุเป็นขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้แล้วด้วย
หากพวกเขาเข้าร่วมและทุกคนต่างติดสิบอันดับแรก คงเป็นเรื่องที่น่าสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว
จูเชว่กล่าวว่า “มันอันตรายมากหากพวกเราเปิดเผยตัว ฉะนั้นจะดีมากกว่าหากทำตัวให้ไม่เป็นจุดสนใจมากเกินไปนัก! ตอนนี้พวกเราหวังแค่ว่าให้ซีซีเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ในคราวเดียว จากนั้นก็ทรมานมู่หลินหลางให้ตาย! เพียงเท่านี้ก็สามารถชดเชยความเสียใจของพวกเราได้แล้ว”
“ได้สิ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่จูเชว่ศึกษาไปได้ครู่หนึ่ง ก็กล่าวว่า “ซีซี หากข้าเดาไม่ผิดแล้วละก็ สถานที่แห่งนี้น่าจะอยู่ในหมู่เกาะจี๋เป่ย ซึ่งในหมู่เกาะจี๋เป่ยนั้นมีเกาะน้ำแข็งอยู่มากมาย ฉะนั้นจึงไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นที่ใด จากนี้ไปซีซีคงต้องลองค้นหามันด้วยตนเองแล้วล่ะ”
“ดินแดนทางทิศเหนืออยู่บนเกาะที่อยู่เหนือสุด ดินแดนทางทิศใต้อยู่ภายในป่าเปลวเพลิงแห่งหนึ่ง ดินแดนทางทิศตะวันออกอยู่บนเกาะที่ไร้มนุษย์ของทะเลที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา และดินแดนทางทิศตะวันตกก็อยู่ในพื้นที่ที่เป็นเนินทรายของทะเลทรายไร้ขอบเขต ทุกสถานที่ล้วนแต่ยากต่อการค้นหาทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่มีความอันตรายมาก หากไม่มีความสามารถที่แข็งแกร่งก็คงได้ตายก่อนที่จะหาสถานที่นั้นเจอเสียอีก ยังดีที่พวกสำนักใหญ่สามารถจัดกลุ่มได้ แต่หากเป็นพวกผู้บำเพ็ญอิสระที่เคลื่อนไหวเพียงลำพังก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากไปสักหน่อย นี่มันไม่เป็นธรรมต่อผู้บำเพ็ญอิสระเลยไม่ใช่หรืออย่างไรกัน?”
จูเชว่ไม่เพียงแต่ช่วยมู่เฉียนซีหาตำแหน่งจนเจอ แต่ยังค้นพบตำแหน่งของเขตพื้นที่อื่นอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เช่นนั้นดินแดนทางตอนกลางล่ะ?”
“ทะเลสาบแห่งหนึ่งที่อยู่ในทะเลสาบเฉียนหวาง สถานที่แห่งนี้ก็ยากลำบากเช่นกัน มู่หลินหลางนี่ช่างโหดร้ายต่อผู้แข่งขันที่มาจากดินแดนทางตอนกลางเหมือนกันเสียเหลือเกิน” จูเชว่กล่าวพึมพำ
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ทะเลสาบเฉียนหวางนี้มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“ทะเลสาบเฉียนหวางมีวิญญาณอยู่ด้วย หากสายเลือดไม่แข็งแกร่งพอก็จะถูกโยนออกไปทันที ไม่ต้องพูดถึงการหาสถานที่แข่งขันให้เจอเลย เพราะขอเพียงแค่มีสายเลือดอันสูงส่งก็เป็นไปอย่างราบรื่นแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่ามู่หลินหลางจะมั่นใจในสายเลือดของตนเองขนาดนี้ ช่างน่าขันเสียจริง ๆ” จูเชว่กล่าวอย่างเหน็บแนม
การเลือกสถานที่แห่งนี้ให้เป็นสนามการแข่งขันนั้น ดูเหมือนว่ามู่หลินหลางไม่เพียงแต่ทำเพื่อให้ตนเองเข้ารอบได้สะดวกขึ้นเท่านั้น แต่ก็เพื่อที่จะโอ้อวดสายเลือดของตนเองว่าแข็งแกร่งมากขนาดไหนด้วยสินะ!
“ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ดินแดนทางตอนกลางก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นกัน!”
พรุ่งนี้มู่เฉียนซีก็จะต้องออกเดินทางไปยังพื้นที่ตอนเหนือสุดแล้ว ถึงจะดึกแล้วแต่จูเชว่ก็ยังปฏิเสธที่จะออกไปจากห้องของมู่เฉียนซีอยู่ดี อีกทั้งยังบอกว่าต้องการที่จะอยู่เป็นเพื่อนมู่เฉียนซีอีกด้วย แต่ผลสุดท้ายร่างที่ผอมเพรียวสีฟ้าร่างหนึ่งก็เดินมาตรงหน้าของเขา
“เชิญออกไปได้แล้ว พรุ่งนี้นายท่านต้องออกเดินทาง ข้าไม่อนุญาตให้ผู้ใดมารบกวนการพักผ่อนของนายท่านหรอก” น้ำเสียงของมังกรวารีค่อนข้างเคร่งขรึมมากเป็นพิเศษ
จูเชว่รู้อยู่แล้วว่าข้างกายของมู่เฉียนซีมีใครบางคนอยู่ด้วย แต่เมื่อได้เห็นตัวจริงด้วยตาตนเอง เขากลับมีความรู้สึกที่ต่างออกไป
คนผู้นี้หน้าตาสมบูรณ์แบบมาก ทั้งยังดูอ่อนเยาว์ และมีบุคลิกที่ดูสุขุมนุ่มลึก ซึ่งทำให้คนอื่นรู้สึกว่าน่าเชื่อถือเป็นอย่างมากอีกด้วย
เขานับเลขอยู่ภายในใจ หนึ่งคน สองคน สามคน สี่คน ห้าคน…
คนที่อยู่ข้างกายของซีซีแต่ละคนล้วนดีต่อใจทั้งนั้น และมันก็ทำให้เสน่ห์ของเขาไม่อาจดึงดูดใจซีซีได้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากจริง ๆ
ดูจากท่าทางของคนผู้นี้แล้ว หากเขาไม่ออกไปอย่างเชื่อฟังแล้วละก็ คาดว่าเขาจะต้องถูกโยนออกไปอย่างแน่นอน
เขาอาจจะดูสภาพเรียบร้อย และก็ไม่ยอมให้ผู้ใดปฏิเสธเขาได้เช่นกัน
“เช่นนั้นซีซีรีบพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะไปส่งเจ้าเอง!” จูเชว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
วันรุ่งขึ้น จูเชว่ได้ไปส่งมู่เฉียนซีขึ้นเหนือ แต่หลังจากที่ไปส่งนางได้เพียงไม่นาน เขากลับรีบวิ่งตรงไปหาซวนอู่ในทันที
“ซีซีจะต้องเอาชนะมู่หลินหลางและคว้าอันดับหนึ่งมาได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นถึงแม้ว่าจะได้รับชัยชนะแล้ว ก็มีความเป็นไปได้มากว่าคนบ้าคลั่งอย่างมู่หลินหลางจะต้องลงมือกับซีซีอย่างแน่นอน ฉะนั้นพวกเราจะต้องเตรียมการอย่างเต็มที่เพื่อให้ซีซีล่าถอยออกมาได้อย่างปลอดภัย และซวนอู่ หากเจ้าไม่อยากสูญเสียการลงทุนของเจ้าไปแล้วละก็ เจ้าก็จะต้องออกแรงช่วยเหลือด้วย!” จูเชว่กล่าว