ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2164 ผู้สนับสนุนอะไร
ตระกูลเป่ยอวิ๋นในตอนนี้เศร้าสลดเป็นอย่างยิ่ง อดีตผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นนั้นเป็นคนมีเกียรติภูมิ และมีความสามารถในการกลั่นยา แต่ความสามารถทางการค้าของเขานั้นสู้ลูกชายของเขาไม่ได้เลยสักนิด
ตระกูลเป่ยอวิ๋นนั้นเริ่มเสื่อมถอยลงทุกวัน และผู้แข็งแกร่งที่คอยติดตามตระกูลเป่ยอวิ๋นของพวกเขาก็ออกไปตามเส้นทางของตนเองไม่น้อยแล้วเช่นกัน
ตอนนี้ลูกชายกลายเป็นคนใบ้ไปแล้ว และยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้
อดีตผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นไม่มีทางเลือก จึงทำได้เพียงละทิ้งศักดิ์ศรีและมายังหอหมอปีศาจ เพื่อขอความเมตตาจากหอหมอปีศาจให้มอบยาถอนพิษให้กับลูกชายของเขา
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี! ไปพบอดีตผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นกันเถอะ ได้ยินมาว่าเป็นถึงอาจารย์นักปรุงยาของเป่ยกงจั๋วเชียวนะ!”
มู่เฉียนซีออกไปพร้อมกับมังกรวารี และเมื่ออดีตผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นผู้นั้นเห็นคนที่ออกมา ก็กล่าวด้วยความโกรธเคืองว่า “คนที่ข้าต้องการพบก็คือหมอปีศาจ ไม่ใช่แม่สาวน้อยเช่นนี้”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในตอนที่หมอปีศาจไม่อยู่ คนที่เป็นเจ้านายของหอหมอปีศาจแห่งนี้ก็คือข้ามู่เฉินซี หากเจ้าไม่อยากพบข้า เช่นนั้นเด็ก ๆ! ส่งแขก!”
“นางสาวน้อย เจ้าช่างบังอาจนัก!”
เขาตบลงไปบนโต๊ะทีหนึ่ง แต่ต้องขอบคุณในคุณภาพที่ยอดเยี่ยมของโต๊ะในหอหมอปีศาจ ที่ทำให้อดีตผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นไม่อาจทุบมันแตกออกเป็นชิ้น ๆ ได้
“ไสหัวไป!” ในเมื่ออีกฝ่ายไม่สุภาพ เช่นนั้นมู่เฉียนซีก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพด้วยเช่นกัน
มังกรวารีก็ไม่อยากให้คนเช่นนี้มาขวางหูขวางตาเจ้านายเช่นนี้ เขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ไสหัวไปซะ!”
แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวนั้น ทำให้อดีตผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นรู้สึกหายใจไม่ออก และสุดท้ายเขาก็ต้องถอยหลังออกไปหลายก้าวด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา
พ่อบ้านของตระกูลเป่ยอวิ๋นกล่าวว่า “ท่านอดีตผู้นำตระกูล ได้ยินมาว่าคนผู้นี้คอยติดตามอยู่ข้างกายหมอปีศาจ ความสามารถของเขาลึกล้ำเกินหยั่งถึง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถช่วงชิงพลังวิญญาณธาตุวารีของคนอื่นได้ด้วย ซึ่งยากที่จะยั่วยุได้ขอรับ”
มีมังกรวารีคอยควบคุมสถานการณ์ สุดท้ายแล้วอดีตผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นก็ไม่กล้าที่จะทำตัวหยิ่งผยองอีกต่อไป
เขากล่าวว่า “ที่ข้ามาในวันนี้ ก็เพื่อที่จะมาขอโทษท่านหมอปีศาจ! วันนั้นลูกชายของข้าหุนหันพลันแล่นมากเกินไป แต่ข้าก็อยากจะขอให้ท่านหมอปีศาจหยุดแค่พอหอมปากหอมคอ พร้อมทั้งขอให้เขามอบยาถอนพิษให้ข้า เพื่อรักษาคอของลูกชายของข้าด้วย”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “หอหมอปีศาจของข้า แน่นอนว่าต้องจัดการกับศัตรูของข้าโดยไม่สนวิธีการอยู่แล้ว! ในเมื่อตระกูลเป่ยอวิ๋นของพวกเจ้าเลือกที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับหอหมอปีศาจของข้าครั้งแล้วครั้งเล่า เช่นนั้นจึงต้องตั้งใจจัดการให้ดีที่สุดอยู่แล้ว!”
“ต้องการให้ทำพอแค่หอมปากหอมคออย่างนั้นหรือ? ท่านอดีตผู้นำตระกูลก็อายุไม่น้อยแล้ว แต่กลับไร้เดียงสาราวกับเด็กน้อยจริง ๆ!”
สีหน้าของมู่เฉียนซีเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย จนทำให้อดีตผู้นำตระกูลโกรธจนหน้าแดงก่ำ
“แม่สาวน้อย ผู้ใหญ่ที่บ้านเจ้าไม่เคยสอนให้เจ้าเคารพผู้ที่อาวุโสกว่าอย่างนั้นหรือ?”
“ผู้อาวุโสที่ควรค่าแก่ความเคารพของข้า ข้าก็ต้องให้ความเคารพแน่นอนอยู่แล้ว แต่ทว่าเจ้าไม่มีคุณสมบัตินั้น”
“ถึงอย่างไรข้าก็เป็นถึงนักปรุงยาขั้นศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงคนหนึ่ง เจ้าก็เป็นนักปรุงยาคนหนึ่งเช่นกัน เช่นนั้นก็ขอให้เจ้าระบุตัวตนที่ชัดเจนของตนเองหน่อยได้หรือไม่?”
“หากความสามารถของเจ้าไม่เก่งกาจเท่าหมอปีศาจแล้วละก็ เช่นนั้นก็ได้โปรดอย่ามาโอ้อวดระดับการกลั่นยาของเจ้าว่าสูงส่งเพียงใดต่อหน้าข้าเลย เนื่องจากว่าในสายตาของข้า นั่นมันเป็นเรื่องที่น่าขบขันจริง ๆ”
“จะ…เจ้า…” อดีตผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นโกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่ได้
“แม่สาวน้อยผู้นี้ช่างพูดเสียจริง! ดี ช่างดีเหลือเกิน! ต้องทำเช่นไรกันแน่เจ้าถึงจะยอมปล่อยตระกูลเป่ยอวิ๋นของพวกเราไป”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าคือพ่อค้าคนหนึ่ง และข้าก็ชอบธุรกิจที่มั่นคงโดยไม่ต้องเสียเงินเสมอ หากตระกูลเป่ยอวิ๋นของพวกเจ้าต้องการยาถอนพิษก็ย่อมได้ เพียงแต่ตระกูลเป่ยอวิ๋นของพวกเจ้าจะต้องกลับไปอยู่อย่างสันโดษ และต้องมอบร้านขายยา ที่ดินรวมไปถึงไร่สมุนไพรทั้งหมดของพวกเจ้าให้กับหอหมอปีศาจ หลังจากนั้นข้าก็จะมอบยาแก้พิษให้กับเจ้า”
“ความทะเยอทะยานของเจ้านั้นมากมายนัก คิดไม่ถึงเลยว่าอยากจะกลืนกินตระกูลเป่ยอวิ๋นของข้า เจ้านี่ช่างโลภมากเหมือนงูที่กลืนช้างทั้งตัวเสียจริง ๆ” อดีตผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นคำรามด้วยความโกรธ
“ช้างหรือ? ท่านอดีตผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นเจ้าไปเอาความมั่นใจมากมายขนาดนั้นมาจากที่ใดกัน ถึงได้บอกว่าตระกูลเป่ยอวิ๋นของเจ้าเป็นช้างตัวหนึ่ง ในสายตาของข้าตระกูลเป่ยอวิ๋นของพวกเจ้าเป็นเพียงแค่หนูตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง ที่มีเนื้อเพียงเล็กน้อย จนข้ารังเกียจที่จะกลืนมันเลยด้วยซ้ำ” มู่เฉียนซีพูดพลางหัวเราะไปด้วย
และสีหน้าของอดีตผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นในเวลานี้เปลี่ยนจนกลายเป็นสีดำเหมือนก้นหม้อไปแล้ว
ความกระหายของหอหมอปีศาจนั้นเกินกว่าจินตนาการของเขาเสียอีก แน่นอนว่าการลงทุนที่มากมายเช่นนี้ทำให้เขาลังเลนัก
ตระกูลเป่ยอวิ๋นเป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมากับมือ แล้วเขาจะยอมง่าย ๆ ได้อย่างไร?
“หอหมอปีศาจของพวกเจ้าใกล้ชิดกับสมาคมการค้าเฉินซีมิใช่หรือ? เป็นเพียงแค่กองกำลังระดับสี่ครึ่งที่มีทรัพยากรทางการเงินที่เหนือกว่าเท่านั้น คิดว่าผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นอย่างข้าจะไม่มีผู้สนับสนุนจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? ข้าจะเตือนหอหมอปีศาจของพวกเจ้าไว้ก่อน ว่าอย่างโลภมากจนไม่รู้จักพอเช่นนี้” อดีตผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นกล่าวอย่างเคร่งขรึม
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหยอกล้อว่า “ผู้สนับสนุนหรือ? ผู้สนับสนุนอะไรล่ะ?”
“ข้าเป็นถึงอาจารย์สอนปรุงยาขององค์รัชทายาทเป่ยกง หากเจ้าแตะต้องตระกูลเป่ยอวิ๋นของข้า ข้าจะให้องค์รัชทายาทเป่ยกงมาทำลายหอหมอปีศาจของพวกเจ้าแน่”
“ด้วยความเคารพ หากเจ้าสามารถเชิญองค์รัชทายาทเป่ยกงที่อยู่ไม่ไกลถึงพันลี้ มายังราชวงศ์ตงหวง และจัดการกับหอหมอปีศาจของเราได้ละก็ เช่นนั้นเจ้าก็สามารถไปหาผู้สนับสนุนของเจ้าได้เลย! ข้าก็อยากเจอกับองค์รัชทายาทเป่ยกงอยู่พอดี! คนผู้นั้นเป็นถึงนักปรุงยาอันดับหนึ่งของแดนซวนเทียน นอกจากนี้องค์รัชทายาทเป่ยกงยังฉลาดหลักแหลมที่สุดในแดนซวนเทียนอีกด้วย” สีหน้าของมู่เฉียนซีเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก
หลังจากที่ปะทะกันคราวที่แล้ว นางก็ไม่ได้ข่าวของเป่ยกงจั๋วอีกเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวไป๋กันแน่?
“บังอาจนัก! เจ้าจะใจกล้าเกินไปแล้ว ช่างดีเสียเหลือเกิน!” เขาถึงขนาดยกชื่อขององค์รัชทายาทเป่ยกงออกมาแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าแม่สาวน้อยผู้นี้จะไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย และตอนนี้อดีตผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นถูกทำให้โกรธจนเนื้อเต้นไปหมดแล้ว
“เจ้าอย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน!” เมื่อพูดจบ อดีตผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นก็สะบัดแขนเสื้อออกไปทันที
มู่เฉียนซีแสยะยิ้มพลางกล่าวว่า “คำพูดนี้ ข้าขอคืนให้เจ้า! หากเจ้ารู้จักถอยเสียตั้งแต่ตอนนี้ เจ้าก็ยังสามารถรักษารากฐานส่วนใหญ่ของตระกูลเป่ยอวิ๋นของพวกเจ้าเอาไว้ได้ แต่หากพวกเจ้าตัดสินใจที่จะดื้อรั้นอย่างนี้ต่อไปแล้วละก็ เช่นนั้นก็จะถือว่าเจ้าหาเรื่องใส่ตัวอย่างสมบูรณ์”
ในตอนที่อดีตผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นกลับมาถึงตระกูลเป่ยอวิ๋น ก็ตรงเข้าไปทุบทำลายห้องตำราทันที
พ่อบ้านกล่าวว่า “ท่านผู้นำตระกูล เราจะทำเช่นนี้ดีขอรับ?”
“ยังจะสามารถทำอะไรได้อีกล่ะ? หรือจะให้ข้ายกทรัพย์สมบัติมากมายของตระกูลเป่ยอวิ๋นของข้าให้กับหอหมอปีศาจอย่างนั้นหรือ? วันนี้ถือว่าข้ายอมลดเกียรติของผู้อาวุโสของข้าแล้ว อย่างไรก็คงต้องไปขอร้ององค์รัชทายาทเป่ยกงให้มาช่วยตระกูลเป่ยอวิ๋นของพวกเราให้รอดพ้นจากวิกฤตนี้ให้ได้” อดีตผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นเตรียมที่จะทุ่มอย่างสุดตัว
เมื่อมีมังกรวารีอยู่ด้วย มู่เฉียนซีก็แทบไม่ต้องหนักใจเกี่ยวกับเรื่องของหอหมอปีศาจอีกเลย
มังกรวารีรู้ใจนางเป็นอย่างมาก นางไม่จำเป็นต้องเอ่ยปาก เขาก็สามารถรู้ได้แล้วว่านางต้องการสิ่งใด ต้องการที่จะทำอะไร และต้องการผลลัพธ์แบบไหน
ช่างเป็นคนที่เอาอกเอาใจเก่งเสียเหลือเกิน!
“นายท่านเพียงแค่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ศึกษาเรื่องการกลั่นยาอย่างลึกซึ้ง และฝึกฝนให้หนักก็พอแล้ว หากเป็นเรื่องใหญ่มังกรวารีจะมาสอบถามท่าน ส่วนเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ปล่อยให้มังกรวารีจัดการให้เถิดขอรับ!” มังกรวารีกล่าวอย่างเอาใจใส่
“อื้ม!”
นางเพิ่งจะบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงได้ไม่นานนัก แต่มู่เฉียนซีกลับอยากที่จะบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตให้ได้โดยเร็วที่สุดแล้ว
ยังไม่ทันที่นางจะไปเก็บตัว จูเชว่ก็ส่งข่าวมาให้นางถึงสองเรื่องด้วยกัน
ข่าวเรื่องแรกก็คือ มู่หลินหลางบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว
ส่วนข่าวเรื่องที่สองก็คือ การแข่งขันอัจฉริยะครั้งยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ตงหวงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
จัดการแข่งขันอัจฉริยะทันทีที่บรรลุขั้นได้เช่นนี้ คงเพราะมู่หลินหลางอยากจะให้ทุกคนทั่วทั้งราชวงศ์ตงหวงได้รับรู้ว่า ผู้ใดคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งกันแน่สินะ?
อย่างไรเสียอัจฉริยะหลายคนที่โผล่ออกมาในช่วงนี้ก็เหมือนเป็นการตบหน้านางมากจริง ๆ และมันก็ทำให้นางจำเป็นที่จะต้องสร้างอำนาจขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
มู่เฉียนซีแสยะยิ้มพลางกล่าวว่า “มันทำให้ข้าทนรอไม่ไหวแล้วจริง ๆ!”
การแข่งขันอัจฉริยะของราชวงศ์ตงหวง แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นการแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ตงหวงอยู่แล้ว
เห็นได้ชัดว่ามันเกี่ยวข้องกับมู่หลินหลาง ซึ่งราชวงศ์ตงหวงจะต้องให้ความสำคัญกับการแข่งขันครั้งใหญ่นี้เป็นพิเศษแน่
เนื่องจากว่ามีอัจฉริยะจากกองกำลังหลักต่าง ๆ และผู้บำเพ็ญอิสระจากทั่วทุกสารทิศเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องมีการแข่งขันเพื่อคัดเลือก ซึ่งแบ่งออกเป็นห้าเขตพื้นที่
และตอนนี้มู่เฉียนซีก็อยู่ที่ดินแดนทางทิศเหนือ ฉะนั้นนางจะต้องลงสมัครแข่งขันในเขตพื้นที่ของดินแดนทางทิศเหนือแน่นอนอยู่แล้ว
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเอาตำแหน่งอัจฉริยะอันดับหนึ่งของราชวงศ์ตงหวงมาให้ได้
และในตอนที่ชื่อเสียงของมู่เฉินซีโด่งดัง จนบดบังมู่หลินหลางได้แล้ว ก็ไม่รู้ว่าท่านพ่อจะสามารถเชื่อมโยงและคิดได้หรือไม่ว่านางได้มาถึงแดนซวนเทียนแล้ว?
.