ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2145 ใช้อำนาจรังแกผู้อื่น
มู่เฉียนซีเอ่ยปากว่า “ว่านซือเยี่ยน นี่ก็คือมังกรวารี หลังจากนี้คนที่รับผิดชอบในการปกป้องดูแลข้า จะเป็นหน้าที่ของมังกรวารีที่ชอบดูแลข้ามากที่สุด นอกจากนี้เขายังไม่ชอบให้คนอื่นมารังแกข้า ดังนั้นว่านซือเยี่ยน เจ้าจะต้องใส่ใจกับคําพูดและต้องพูดอย่างสุภาพขึ้นหน่อย มิเช่นนั้นอาจจะทําให้มังกรวารีของข้าโกรธเอาได้ และข้าก็ไม่อาจขวางเขาได้ด้วย”
ว่านซือเยี่ยนรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้จงใจที่จะแสดงถึงคำว่า ’ใช้อำนาจรังแกผู้อื่น’ ออกมาอย่างตั้งใจจริง ๆ ถึงชายผู้นี้จะเป็นคนมีความแข็งแกร่งที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องยกหางนางจนขึ้นไปเหนือฟ้าเช่นนี้ก็ได้กระมัง!
ภายในร่างกายของชายหนุ่มที่ดูอ่อนโยนและสงวนตัวผู้นี้ราวกับว่าได้ซ่อนพลังที่ไร้ขีดจำกัดเอาไว้ ซึ่งเหมือนกับไม่ใช่มนุษย์อย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังมาปรากฏตัวอยู่ข้างกายมู่เฉินซีอย่างไม่มีเค้าลางเลยแม้แต่น้อยอีกด้วย
ว่านซือเยี่ยนกล่าวว่า “ข้าสุภาพกับเจ้าอยู่ตลอดอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าแม่นางมู่เข้าใจข้าผิดไปหรอกหรือ?”
“เช่นนั้นก็น่าจะเป็นความเข้าใจผิดกันแล้วล่ะ แต่ข้าว่านายน้อยว่านซื่อคงจะเป็นห่วงข้าถึงได้มาหาข้าที่นี่สินะ ฉะนั้นข้ารับประกันว่าหลังจากนี้จะไม่ให้มังกรวารีของข้ารังแกท่านมากเกินไปนักแน่นอน” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ใครเป็นห่วงเจ้ากัน เพียงแค่จูเชว่ได้รับข้อมูลที่สำคัญเลยจะมาบอกเจ้าก็เท่านั้นเอง มิเช่นนั้นข้าก็ไม่อยากจะสนใจเจ้าหรอก”
“ข้อมูลอะไรหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ผู้ใด?” ในเวลานี้เอง ก็มีใครบางคนเข้ามาใกล้ และคนของว่านซือเยี่ยนก็ไปจับคนเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“แม่นางมู่ ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านจะต้องไม่เป็นอะไรแน่ ช่างดีเหลือเกิน” หญิงสาวที่ถูกจับมาผู้นี้มีหน้าตาที่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก ซึ่งนางก็คือโม่ตี๋ที่ติดหนึ่งในสิบของรายชื่อผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตนั่งเอง
นางวนเวียนอยู่แถวทางออกเพื่อรอมู่เฉียนซีออกมาโดยตลอด แต่ทว่ากลับไม่มีคนที่รอดชีวิตออกมาเลยจากข้างในเลย และข่าวเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวของเทือกเขาแห่งความตายก็ได้กระจายออกไปแล้ว
ส่วนว่าเพราะเหตุใดถึงกระจายออกไป นั่นก็เป็นเพราะว่ามีคนโชคดีบางคนที่ตระหนักได้ถึงความผิดปกติบางอย่างในทันทีที่เข้าไปในเทือกเขาแห่งความตายและสุดท้ายก็เลือกที่จะหนีออกมาอย่างชาญฉลาดนั่นเอง
พวกเขาไม่ได้เข้าไปลึกจนถึงส่วนกลาง ฉะนั้นหากวิ่งได้เร็ว ก็จะไม่ถูกกองทัพมดแห่งความตายล้อมเอาไว้แล้ว
ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเข้าไปลึกกว่านี้อีกสักหน่อย ก็คาดว่ายากที่จะหนีรอดจากความตายไปได้แน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เป็นเจ้านี่เอง!”
ในตอนที่นางปรากฏตัวขึ้น ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นพวกเขาโม่ตี๋ก็ผงะไปครู่หนึ่ง หลังจากที่นางมีชีวิตรอดออกมาจากเทือกเขาแห่งความตาย คนเหล่านี้ก็ยังไม่ยอมปล่อยนางไปเสียที
โม่ตี๋กล่าวว่า “แม่นางมู่ เช่นนั้นข้าไม่รบกวนท่านแล้ว ข้าขอตัวไปก่อน”
“รอเดี๋ยว!” มู่เฉียนซีกล่าว
“แม่นางมู่ยังมีเรื่องอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?” โม่ตี๋กล่าวถาม
คนของสำนักหมอทมิฬเข้ามาอย่างรวดเร็ว และในขณะที่คิดจะลงมือ กลับค้นพบว่ามีคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย
“ที่แท้ก็เป็นนายน้อยของสมาคมการค้าเฉินซีนี่เอง คุณชายว่านซื่อ หรือว่าคุณชายว่านซื่อรู้จักกับโม่ตี๋อย่างนั้นหรือ?” ชายชราที่เป็นหัวหน้ากลุ่มกล่าวขึ้น
ว่านซือเยี่ยนกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่รู้จัก! แต่สำนักหมอทมิฬของพวกเจ้าระดมกองกำลังถึงขนาดนี้ เพื่อจับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตเพียงคนเดียวอย่างนั้นหรือ?”
“ผู้หญิงคนนี้ขโมยสมบัติสมบัติของสำนักหมอทมิฬของพวกเราไป พวกเราจึงต้องจับนางกลับไปตามคำสั่งของท่านเจ้าสำนัก”
“พวกเจ้าจะใส่ร้ายผู้อื่นอย่างชั่วช้าเกินไปแล้วนะ ข้ายังไม่เคยไปที่สำนักหมอทมิฬเลยด้วยซ้ำ แล้วข้าจะไปขโมยสมบัติของพวกเจ้าได้อย่างไร” คนเหล่านี้พูดจาโป้ปดกันอย่างหน้าด้าน ๆ ซึ่งมันก็ทำให้โม่ตี๋รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก
“มาถึงตอนนี้แล้ว เจ้ายังไม่ยอมรับอีกหรือ! เจ้าคิดว่าหากเจ้าดึงดันที่จะไม่ยอมรับแล้วนายน้อยว่านซื่อจะปกป้องเจ้าหรืออย่างไร?” พวกเขากล่าวอย่างเคร่งขรึม
พวกเขารู้ดีว่า ว่านซือเยี่ยนเป็นคนที่จะไม่ช่วยผู้ใดก่อนหากไม่ได้ประโยชน์
และผู้หญิงคนนี้ก็ไม่มีทางที่จะทำประโยชน์ให้เขามากนักหรอก ซ้ำยังไม่ได้มีหน้าตาที่งดงามจนล่มเมืองได้ ฉะนั้นว่านซือเยี่ยนไม่มีทางล่วงเกินสำนักหมอทมิฬเพื่อนางเป็นแน่
“ลงมือซะ ไปจับนางมาให้ได้!” ชายชราที่เป็นผู้นำกล่าวสั่ง
“ช้าก่อน!” ในเวลานี้ มู่เฉียนซีก็ได้เอ่ยปากออกมา
“โม่ตี๋คือเพื่อนของข้า หากพวกเจ้าบอกว่านางขโมยสิ่งของของพวกเจ้าสำนักหมอทมิฬไป เช่นนั้นก็ให้เจ้าสำนักของพวกเจ้านำหลักฐานออกมา! มิเช่นนั้นก็อย่าคิดจะแย่งคนไปจากมือของข้าได้เลย” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
โม่ตี๋ผงะไปครู่หนึ่ง แม่นางมู่ช่วยนางเอาไว้อีกแล้ว แต่สำนักหมอทมิฬไม่ใช่คนที่จะล่วงเกินได้ง่ายดายขนาดนั้นอยู่ดี
ตอนที่อยู่ในเทือกเขาแห่งความตายจะฆ่าให้ตายก็ไม่เป็นไร เพราะไม่มีผู้ใดมารับรู้ แต่ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้กลับต่างออกไป
“เจ้าถือว่าเจ้าเป็นผู้ใดกัน? การทำงานของข้า ไม่ใช่เรื่องที่เด็กน้อย…”
ปัง ปัง ปัง!
มังกรวารีลงมืออย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก และภายในชั่วพริบตาเขาก็ทำให้ร่างของคนจากสำนักหมอทมิฬลอยละลิ่วออกไปราวกับเศษผ้าก็มิปาน
พวกเขายังไม่ทันที่จะมองเห็นมังกรวารีได้อย่างชัดเจน มังกรวารีก็กลับมายืนอยู่ข้างหลังมู่เฉียนซีด้วยความเคารพนอบน้อมแล้ว
ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกของเขากวาดตามองไปยังคนพวกนั้นพลางกล่าวว่า “ห้ามหยาบคายกับนายท่าน”
มู่เฉียนซีกล่าวกับมังกรวารีว่า “มังกรวารี พวกเศษสวะเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าลงมือหรอก มันจะกลายเป็นการใช้คนไม่ถูกกับงานเสียเปล่า ๆ”
“มังกรวารีจะทำตามคำสั่งของนายท่านขอรับ!”
“ว่านซือเยี่ยน เจ้าพวกนี้ ขอมอบให้เจ้าเป็นคนจัดการก็แล้วกัน” มู่เฉียนซีกล่าวพลางหันไปมองว่านซือเยี่ยน
“ทำไมทีพอเขาลงมือบอกใช้คนไม่ถูกกับงาน แล้วพอข้าลงมือก็ไม่ใช่แล้วอย่างนั้นหรือ? แค่คุณชายอย่างข้าออกแรงลงมือก็ไม่รู้ว่าสามารถสร้างเงินได้มากมายเท่าไรแล้ว ค่าจ้างลูกน้องของข้าต่างก็สูงกันทั้งนั้นเลยด้วย เจ้าคิดว่าจะใช้อย่างไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?!”
“จะพูดจาไร้สาระให้มากมายไปทำไม? ไม่ใช่ว่ามีข่าวสำคัญที่จะต้องพูดอย่างนั้นหรือ? ข้าไม่อยากเสียเวลากับเจ้าพวกเศษสวะกลุ่มนี้แล้ว”
พวกเขาโกรธเคืองมากที่มังกรวารีลงมือจนทำให้พวกเขาต้องบาดเจ็บสาหัส ซ้ำยังได้ยินนางเด็กน้อยคนนั้นมาดูถูกพวกเขาอีก มันก็ยิ่งทำให้พวกเขาโกรธมากขึ้น
“นายน้อยว่านซื่อ ท่านไปเชื่อฟังคำสั่งของเด็กสาวคนหนึ่งตั้งแต่เมื่อใดกัน ท่านคิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับสำนักหมอทมิฬจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
“คุณชายอย่างข้าจะทำงาน ต้องให้พวกเจ้ามาชี้นิ้วสั่งตั้งแต่เมื่อใด จัดการให้เรียบร้อยอย่างเร็วที่สุด!” ถึงว่านซือเยี่ยนจะไม่พอใจมาก แต่การเสียเวลาอยู่ที่นี่กับคนกลุ่มนี้ มันก็ทำให้เขาต้องสิ้นเปลืองเงินไปมากมายจริง ๆ
องครักษ์ของว่านซือเยี่ยนลงมืออย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ซึ่งคนของสำนักหมอทมิฬก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะลงมือทันทีเช่นนี้ ความสามารถของพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอ นอกจากนี้ยังมีเทพลึกลับในชุดคลุมฟ้าผู้นั้นอีก ซึ่งตอนนี้พวกเขานั้นเสียเปรียบเป็นอย่างมากจริง ๆ
และยังไม่ทันที่พวกเขาจะต่อสู้ ก็ค่อย ๆ ถอยหลังออกไป จากนั้นจึงกล่าวกับว่านซือเยี่ยนว่า “นายน้อยว่านซื่อ หวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจภายหลังกับการกระทำของเจ้าในวันนี้!”
“พวกเราไปกันเถอะ!”
เมื่อเพียงแค่นี้ก็จัดการได้แล้ว มันก็ทำให้โม่ตี๋รู้สึกมึนงงเล็กน้อยเช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “โม่ตี๋ เจ้าอยู่ในที่แจ้งมันจะไม่ปลอดภัย ในเมื่อสำนักหมอทมิฬยังไม่บรรลุเป้าหมาย พวกมันก็ไม่มีทางยอมปล่อยเจ้าไปแน่!”
“เจ้าจะพานางไปด้วยหรือ เป็นไปไม่ได้!”
“ในเมื่อไม่สามารถพานางไปด้วยได้ เช่นนั้นก็ให้องครักษ์ของเจ้าไปส่งนางที่หอหมอปีศาจ”
“ค่าคุ้มครองไปส่งมันแพงมากนะ!”
“เจ้าก็ให้นางจ่ายสิ!”
โม่ตี๋ไม่รู้ว่าค่าที่ต้องคุ้มครองไปส่งนั้นมีราคาสูงมากเพียงใด แต่เพื่อที่จะปกป้องชีวิตเอาไว้นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นอยู่ดี
และนางก็รู้ดีว่า การปฏิบัติตามแผนการของแม่นางมู่นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
ก่อนที่จะแยกทางโม่ตี๋ก็กล่าวว่า “แม่นางมู่รู้หรือไม่ว่าเหตุใดสำนักหมอทมิฬถึงต้องการไล่ล่าข้าจนไม่ยอมปล่อยเช่นนี้?”
ถึงแม้ว่านางจะติดหนึ่งในสิบของรายชื่อผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูต แต่ก็ยังคงไม่เป็นที่รู้จัก ซ้ำยังไม่เคยมีปัญหากับผู้ใดมากก่อน แล้วเหตุใดถึงถูกกองกำลังระดับสี่ครึ่งของราชวงศ์ตงหวงเพ่งเล็งเช่นนี้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เรื่องนี้ข้ารู้มาบ้างเล็กน้อย ไว้รอเมื่อไรมีโอกาสข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง เพียงแต่ตอนนี้เจ้าต้องระวังชีวิตน้อย ๆ ของตนเองให้ดีอย่าถูกพวกเขาจับไปได้ก็เพียงพอแล้ว”
ว่านซือเยี่ยนจากไปพร้อมกับมู่เฉียนซี ถึงนี่จะเป็นสัตว์พาหนะของเขา แต่กลับถูกมังกรวารีจัดเตรียมจนเหมือนกับว่าเป็นพาหนะของมู่เฉินซีโดยเฉพาะอย่างไรอย่างนั้น “นายท่าน เชิญนั่งขอรับ!”
ในขณะที่พาหนะบินได้กำลังบินผ่านไปในอากาศ มู่เฉียนซีก็กล่าวถามขึ้นมาว่า “พูดมาเถอะ! ที่จริงแล้วมันคือเรื่องอะไรกันแน่?”
“ข้อมูลของไม้เทพแห่งชีวิตที่เจ้าอยากได้ ดูเหมือนว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้จูเชว่จะหาข้อมูลมาได้แล้ว” ว่านซือเยี่ยนเอ่ยปาก