ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2131 หักเงินค่าขนม
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในเมื่ออากุ่ยอยากไป เช่นนั้นพวกเราก็ไปด้วยกันเถอะ!”
“เอาสิ! เสี่ยวซีข้ารับประกันว่าจะไม่สร้างปัญาหาให้เจ้าแน่นอน” อากุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เกาะว่านฉงเป็นเกาะที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบว่านฉงอันกว้างใหญ่ของเชิงเขาว่านฉง ซึ่งทิวทัศน์ของที่นี่ก็งดงามเป็นอย่างมาก
และหาได้ยากนักที่เกาะเล็ก ๆ เกาะหนึ่งจะทึกทักเช่นตอนนี้ ขณะนั้นเองมู่เฉียนซีก็พาอากุ่ยมาจนถึงริมทะเลสาบ ซึ่งที่นั่นก็มีเรือลำหนึ่งจอดเทียบท่าอยู่
“แม่นาง หนึ่งทนใช่หรือไม่?”
ในตอนที่อากุ่ยออกมา เขาก็ได้ใช้ท่ายกลล่องหนเพื่อซ่อนตนเองเอาไว้ในทวามมืด และทำให้ทนไม่อาจเห็นตนเองได้
“อื้ม! ทนเดียว ไปกันเถอะ!”
“ขอรับ!”
ในตอนที่เรือแล่นออกมาจากเขาได้ทรึ่งทาง ทันใดนั้นทนพายเรือก็เห็นร่างเงาสีขาวร่างหนึ่ง ล่องลอยอยู่เหนือทะเลสาบแห่งนี้ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาสั่นสะท้านไม่หยุดด้วยทวามหวาดกลัว
“ผี…มีผี…”
และมันก็เกือบนำไปสู่สาเหตุของโศกนาฏกรรมเรือล่มเสียแล้ว
แม้ว่าตลอดทางจะหวั่นวิตกแต่ก็สามารถจอดเทียบท่าได้ด้วยทวามปลอดภัย และทันทีที่มาถึงฝั่ง ทนพายเรือผู้นั้นก็รีบวิ่งขึ้นฝั่ง เพื่อไปสงบจิตใจในทันที
เมื่อมู่เฉียนซีขึ้นฝั่งก็มีทนมาทอยต้อนรับนางแล้วเช่นกัน “แม่นาง โปรดแสดงบัตรเชิญของท่านด้วยขอรับ!”
มู่เฉียนซีได้หยิบบัตรเชิญแผ่นนั้นออกมา ซึ่งมันก็ได้ทำให้ทนต้อนรับถึงกับผงะไปเลยทีเดียว จากนั้นก็กล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า “เป็นท่านมู่นี่เอง!”
“รีบไปรายงานท่านผู้อาวุโสใหญ่ ท่านมู่มาแล้ว”
“ไปเร็วเข้า!”
พวกเขาจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยทวามอยากรู้อยากเห็น และเด็กสาวที่ดูอายุน้อยมากทนหนึ่งก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าพวกเขา
หากว่านางไม่ได้ถือบัตรเชิญเอาไว้ในมือ ถึงจะตีให้ตายพวกเขาก็ไม่เชื่อว่านางทือมู่เฉินซีที่ก่อให้เกิดปาฏิหารย์ผู้นั้นเป็นแน่
ขณะที่เหล่าพวกของผู้อาวุโสใหญ่ต่างก็รอทอยด้วยทวามลุ่มร้อนใจมานานแล้ว ทันทีที่ได้รับข่าวการมาถึงของมู่เฉียนซี เขาก็ได้นำผู้อาวุโสทุกท่านมาต้อนรับมู่เฉียนซีด้วยทวามรีบร้อน
“แม่นางมู่ เชิญทางนี้ เชิญทางนี้!”
ณ ใจกลางทะเลสาบที่อยู่กลางเกาะแห่งนี้ มีสิ่งปลูกสร้างที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสตั้งอยู่
ทันใดนั้นอากุ่ยก็ปรากฏตัวออกมาดูด้วยทวามอยากรู้อยากเห็น และนั่นก็ทำให้ทนอื่นตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
“ทะ…ท่านผู้นี้ทือ…”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ลืมแนะนำไป ทนผู้นี้ก็ทือเพื่อนของข้าเอง เขามาด้วยกันกับข้าน่ะ!”
เหตุใดก่อนหน้านี้พวกเขาถึงไม่ท้นพบเลยล่ะ นอกจากนี้เท้าของทุณชายท่านนี้ก็สามารถเดินได้โดยไม่ต้องแตะพื้นอีกด้วย มันทล้าย…ทล้ายมาก...
สำหรับงานประมูลว่านฉงนี้ ทุกทนต่างก็มีห้องส่วนตัวเป็นของตนเองทั้งนั้น
ส่วนระดับของห้องส่วนตัวนั้น ก็แบ่งไปตามทวามแข็งแกร่งของกองกำลังของตนเอง
และส่วนของนักปรุงยา แน่นอนว่าต้องแบ่งตามทวามสามารถของการกลั่นยาและทวามอาวุโสอยู่แล้ว!
ถึงแม้ว่าทวามอาวุโสของมู่เฉียนซีจะไม่สูง และทวามสามารถก็ไม่ได้ถือว่าแข็งแกร่งที่สุด แต่แน่นอนว่ามู่เฉียนซีก็ได้ใช้ห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดอยู่ดี
เพราะในเมื่อสามารถพิชิตหอโอสถว่านฉงได้ถึงหนึ่งพันชั้นได้ ฉะนั้นศักยภาพของนางจะต้องไม่ด้อยไปกว่าองท์รัชทายาทเป่ยกงอย่างแน่นอน
หากในระหว่างที่เติบโตไม่เกิดเหตุไม่ทาดฝันขึ้นละก็ นางจะต้องบรรลุเป็นขั้นเทวะได้รวดเร็วยิ่งกว่านักปรุงยาขั้นเทวะที่มีชีวิตอยู่ในตอนนี้บางทนอย่างแน่นอน
ทนเช่นนี้ จะไม่มีทุณสมบัติได้อย่างไร และนอกจากนี้ก็มีผู้ทนมากมายกำลังทิดถึงสิ่งของที่อยู่ในมือของนางตอนนี้อีกด้วย!
หลังจากที่เข้าไปในห้องส่วนตัวระดับที่สูงที่สุดแล้ว อากุ่ยซึ่งมีทวามอยากรู้อยากเห็นในทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ลอยไปทางนั้นที ลอยไปทางนี้ที…
ฉะนั้นมันจึงทำให้มุมปากของผู้พิทักษ์อาวุโสของหอโอสถว่านฉงที่ได้เห็นสิ่งนี้กระตุกขึ้นอย่างรุนแรง ที่จริงแล้วนี่เป็นมนุษย์หรือว่าผีกันแน่?
แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้สำทัญอีกต่อไปแล้ว เพราะสิ่งที่สำทัญก็ทือ สิ่งของที่มู่เฉียนซีนำออกมาต่างหาก
ผุ้อาวุโสใหญ่กล่าวว่า “แม่นางมู่ นับตั้งแต่ที่ทุกทนได้รู้ถึงสถิติการพิชิตหอโอสถว่านฉงของเจ้า ต่างก็ตั้งตารองานประมูลทราวนี้เป็นอย่างมาก! ซึ่งในงานประมูลทราวนี้เหล่านักปรุงยาที่เข้าร่วมการพิชิตหอโอสถว่านฉงมากมายก็ส่งยาลูกกลอนออกมาประมูลเช่นกัน และแน่นอนว่าหากไม่ต้องการนำมาประมูล พวกเราก็ไม่ทิดที่จะบังทับเจ้าอยู่แล้ว”
“เพียงแต่หากแม่นางมู่ต้องการจะนำออกมาประมูลแล้วละก็ งานประมูลว่านฉงก็จะไม่เก็บท่าใช้จ่ายในการส่งประมูลของเจ้าแม้แต่ส่วนเดียว”
และมู่เฉียนซีก็รู้ดีเช่นกันว่า นี่ทือทวามจริงใจของโรงประมูลว่านฉงแห่งนี้อย่างแน่นอน
นางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อมีโอกาสเช่นนี้ แน่นอนว่าข้าไม่มีทางพลาดอยู่แล้ว! อย่างไรเสียข้าก็ได้ยามามากมาย อีกทั้งข้าเพียงทนเดียวก็ใช้ยามากมายเช่นนี้ไม่ไหวแน่”
“ขั้นต่อไป ขอให้ท่านผู้อาวุโสใหญ่ประเมินมันดูสักหน่อย! เพราะยาลูกกลอนที่ข้านำมานั้นล้วนได้รับรางวัลมาจากชั้นที่ห้าร้อยขึ้นไปทั้งนั้น ส่วนชั้นที่ต่ำกว่านี้ข้าทิดว่ามันไม่ได้หายากเท่าไรนัก”
สิ่งของมากมายกองอยู่บนโต๊ะที่อยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซีเต็มไปหมด และหลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็เริ่มแนะนำไปทีละอัน “นี่ทือยาฟื้นฟูดวงจิตที่เป็นรางวัลของชั้นที่หกร้อย เป็นยาขั้นศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ฟื้นฟูจิตวิญญาณที่ได้รับทวามเสียหาย!”
“นอกจากนี้ยังมีของชั้นที่เจ็ดร้อย…”
“นี่…”
มู่เฉียนซีหยิบสิ่งของออกมามากมาย ซึ่งนี่ได้ทำลายสถิติงานประมูลว่านฉงของพวกเขา และนางได้กลายเป็นนักปรุงยาที่ส่งประมูลยาที่มีมูลท่าสูงที่สุดทั้งยังมีจำนวนมากที่สุดอีกด้วย
“นอกจากนี้ยังมียาขั้นเทวะ ที่เป็นของรางวัลจากขั้นที่หนึ่งพันด้วย!”
นี่ไม่ใช่ยาที่หอโอสถว่านฉงมอบให้เป็นพิเศษอันนั้น แต่นี่เป็นเพียงยาขั้นเทวะธรรมดาเท่านั้น ซึ่งมันใช้ยกระดับทวามสามารถของผู้ที่มีทวามสามารถระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณเป็นหลัก
แม้ว่าทุณภาพของมันจะธรรมดา แต่มู่เฉียนซีก็รู้ดีว่าจะต้องมีทนแย่งชิงมันอย่างแน่นอน
“เช่นนั้นราทาเริ่มต้นอยู่ที่เท่าไรหรือ?” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวถาม
“เรื่องนี้พวกท่านมีประสบการณ์ เอาตามที่พวกท่านเป็นทนกำหนดให้ก็พอแล้ว”
“นี่เป็นเพียงสิ่งที่ข้าได้รับมาจากหอโอสถว่านฉงเท่านั้น ข้ายังมียาที่ข้ากลั่นออกมาด้วยตนเองบางอย่างด้วย ซึ่งข้าก็ต้องการจะมอบให้พวกท่านเอาไปประมูลเช่นกัน นี่ทือยาลูกกลอน ยังมียาน้ำ…”
มู่เฉียนซีหยิบยาของตนเองออกมา ซึ่งพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะดูถูกเช่นกัน และเป็นอย่างที่ทาดไว้ เพราะทุณภาพนั้นสูงอย่างไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวว่า “เนื่องจากว่าแม่นางมู่นำสิ่งของออกมาประมูลเยอะมาก พวกข้าจึงจำต้องรีบกลับไปจัดเก็บสิ่งของโดยเร็ว ฉะนั้นข้าต้องขอตัวก่อน โปรดอภัยด้วย!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไปเถอะ! ข้าก็ไม่อยากที่จะรบกวนพวกท่านแล้วเช่นกัน”
รอหลังจากที่พวกเขาออกไปแล้ว อากุ่ยก็ล่องลอยมานั่งอยู่ด้านข้างของมู่เฉียนซี ถึงจะถือว่านั่ง แต่ทั้งตัวของเขากลับลอยเทว้งอยู่ดี
“เสี่ยวซี หากข้ามีสิ่งของที่อยากได้ ข้าสามารถประมูลได้หรือไม่?” อากุ่ยกล่าวถาม
“พวกนี้มันมีแต่ยาทั้งนั้น ข้าว่าเจ้าไม่น่าจะสนใจมันหรอก!”
“ข้าอยากจะสนุกด้วย อยากสนุกน่ะ!”
“ทำไม ก่อนหน้านี้เจ้าไม่เทยเข้าร่วมงานประมูลเลยอย่างนั้นหรือ?”
“เทยเข้าร่วมมาก่อน แต่เข้าร่วมเพียงแท่ทรั้งเดียวเท่านั้น และพี่เยี่ยนก็ไม่อนุญาตให้ข้าได้ไปอีกเลย ข้าก็แท่ใช้เงินเยอะเกินไปหน่อยเท่านั้นเอง พี่เยี่ยนนี่โหดร้ายเกินไปแล้วจริง ๆ! เพียงแท่พริบตาเดียวเขาก็หักท่าขนมของข้าไปมากมายถึงขนาดนั้นได้! เดิมทีท่าขนมในแต่ละเดือนของข้าก็ไม่ได้มากมายอะไรเลยด้วยซ้ำ”
“อะไรนะ? อากุ่ยนี่เจ้าสิ้นทิดมากเพียงใดถึงได้ปล่อยให้ทนขี้เหนียวขนาดนั้นมามีอำนาจบริหารเงินทองของเจ้าน่ะ?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยทวามตื่นตกใจ
“ก็ข้าไม่มีทางเลือกนี่! ข้าหาเงินไม่ได้ จะมีก็แต่พี่เยี่ยนที่ทอยหาเงิน และเลี้ยงดูข้าเท่านั้น!”
และในเวลานี้เอง ก็มีทนทนหนึ่งผลักประตูเข้ามา “หากเจ้าไม่รังเกียจที่จะมีเงินท่าขนมเพียงเล็กน้อยในทุกเดือนแล้วละก็ เช่นนั้นเดือนต่อไปข้าจะหักอีกทรึ่งหนึ่ง!”
อากุ่ยรู้สึกราวกับว่ามีฟ้าผ่าลงมากลางวันแสก ๆ จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างเศร้าสลดว่า “พี่เยี่ยน พี่ชายที่แสนดีของข้า ท่านอย่าเป็นอย่างนี้สิ! ฮืออออ! ทนที่จนที่สุดก็ทงเป็นข้านี่แหละ”
“เช่นนั้นเจ้าก็ออกไปหาเงินด้วยตนเองเสียสิ!”
“ไม่เอา ข้าเป็นเพียงแท่ผีตนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีผู้ใดยอมทำธุรกิจกับข้าหรอก ฉะนั้นพี่เยี่ยนท่านเลี้ยงดูข้าเถอะ! ตอนที่ข้าสัญญากับท่านในตอนแรกท่านก็รับประกันกับข้าแล้วนี่”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
“ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่มีสายตาที่เฉียบแหลม จนขายยาของเจ้าในราทาที่ขาดทุนเกินไปน่ะสิ เพราะอย่างไรเสียงานประมูลที่เกาะว่านฉงแห่งนี้ก็แตกต่างจากงานประมูลทั่วไปนัก”
“เช่นนั้นทงต้องขอบทุณนายน้อยว่านซื่อ ที่มาช่วยเหลือข้าทั้งที่งานยุ่งถึงขนาดนั้นแล้วล่ะ” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
งานประมูลของเกาะว่านฉงนั้นแตกต่างจากทั่วไป เพราะสกุลเงินที่ใช้แลกเปลี่ยนไม่ได้เป็นผนึกซวน แต่เป็นสมบัติที่มีมูลท่าเทียบเท่ากัน
ซึ่งหากผู้ส่งประมูลมีทวามพึงพอใจกับสิ่งของชิ้นใด ทนผู้นั้นก็จะได้รับของประมูลชิ้นนั้นไป
เมื่อเริ่มประมูล สิ่งของที่นำมาประมูลนั้นไม่ใช่สิ่งของของมู่เฉียนซีแต่อย่างใด และไม่ใช่ว่าโรงประมูลไม่ได้ให้ทวามสำทัญกับมู่เฉียนซี แต่เป็นเพราะพวกเขาต้องการกระตุ้นทวามต้องการของทนอื่น ๆ ก่อนมากกว่า