ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2126 ดูแลอย่างดี
การที่จะกลายเป็นนักปรุงยาขั้นเทวะได้ภายในอายุร้อยปีนั้นเป็นเรื่องที่ยากเกินไป และทั่วแดนซวนเทียนก็มีนักปรุงยาขั้นเทวะเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นสัตว์ประหลาดเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่าหมื่นปีทั้งนั้นอีกด้วย
นี่ไม่ใช่สิ่งที่มีพรสวรรค์เพียงอย่างเดียวก็จะเพียงพอ แต่มันยังจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการสั่งสม ทั้งต้องผ่านการฝึกฝนครั้งแล้วครั้งเล่าถึงจะสำเร็จได้
และในตอนที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น มู่เฉียนซีก็ไต่ขึ้นไปได้อีกชั้นแล้ว
“อ๊ากกก! อาจารย์ของเจ้าคือผู้ใดกันแน่?” ทุกครั้งที่มู่เฉียนซีแสดงความสามารถอันยอดเยี่ยมออกมา หอโอสถว่านฉงก็มักจะโผล่พรวดออกมาพร้อมกับความไม่พอใจที่ถูกเมินเฉยใส่
เมื่อบุกทะลวงตรงขึ้นไปเรื่อย ๆ มู่เฉียนซีก็เริ่มที่จะเบื่อหน่ายแล้วเช่นกัน ดังนั้นทันทีที่หอโอสถว่านฉงเริ่มพูด มู่เฉียนซีก็หันมาสนใจมันแทน
นางกล่าวว่า “อาจารย์ของข้ามีชื่อว่านิรันดร์จริง ๆ ข้าไม่ได้โกหกเจ้า นอกจากนี้เขายังมีชื่อเสียงที่โด่งดังเป็นอย่างมาก เจ้าไม่กลัวว่าหากข้าบอกเจ้าไป แล้วหอคอยอย่างเจ้าจะถล่มลงมาอย่างนั้นหรือ? ฉะนั้นข้าเลยรู้สึกว่าไม่ทำให้เจ้ากลัวจะดีกว่า”
“อย่างไรเสียข้าก็มาถึงขั้นนี้แล้ว และข้าก็ไม่ต้องการให้เจ้าข้ามขั้นให้แล้วด้วย ดังนั้นข้าจะไม่พูดอะไรแล้ว!”
“เจ้า…”
“หากบอกไปแล้วเจ้าจะข้ามขั้นให้ข้าอย่างนั้นหรือ? ข้ามไปถึงชั้นพันกว่านู่นเลยนะ!”
“ไม่ได้!”
“เช่นนั้นข้าก็จะไม่พูดถึงตัวตนที่ยอดเยี่ยมอย่างที่สุดของนิรันดร์ของข้ากับเจ้าอีกแล้ว”
“เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”
“น่าโมโหมาก! น่าโมโหจริง ๆ เจ้านี่จะนิสัยไม่ดีเกินไปแล้วนะ! ทั้ง ๆ ที่เจ้าก็เป็นมนุษย์หน้าตาดีคนหนึ่งแท้ๆ!” หอโอสถว่านฉงบ่นพึมพำพร้อมกับภายในใจที่รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก!
มนุษย์ที่งดงามไม่ใช่ว่าต้องงดงามทั้งหน้าตาและจิตใจอย่างนั้นหรือ?
“หากเจ้าอยากรู้จริง ๆ ไว้เมื่อถึงเวลาข้าจะพาเขามาพบเจ้าเอง!”
“ข้าไม่อยากรอนานถึงขนาดนั้นนี่!”
อย่างไรเสียในระหว่างที่มู่เฉียนซีกำลังพิชิตหอคอย เวลาที่นางเบื่อหน่ายก็ยังสามารถแกล้งหอโอสถว่านฉงนี้ได้บ้าง
แม้ว่าจะมีอายุที่มากถึงเพียงนี้แล้ว แต่มันก็เป็นภูตสถิตที่น่ารังแกมากเหลือเกิน
“ฮือออออ! เจ้าจะรังแกกันมากเกินไปแล้ว”
และด้วยเหตุนี้ ยิ่งมู่เฉียนซีใช้เวลาอยู่ภายในนี้นานเท่าไร ก็ยิ่งกลั่นแกล้งหอโอสถว่านฉงหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดหอโอสถว่านฉงก็เริ่มร้องห่มร้องไห้ขึ้นมาแล้ว
“เหตุใดเจ้าถึงยังไม่ตกรอบไปเสียทีล่ะ! เจ้ารีบออกไปได้แล้ว!”
“แล้วทำไมเจ้ายังอยู่อีกล่ะ!”
เมื่อหอโอสถว่านฉงเริ่มบ่นขึ้นมา มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “หากเจ้าต้องการให้ข้าออกไปมากนัก ก็สามารถเพิ่มระดับความยากขึ้นมาอีกหน่อยก็ได้นะ! ด้วยระดับเช่นนี้ข้าว่าน่าจะอยู่กับเจ้าได้อีกสักพักเลยล่ะ”
“เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากปรับหรืออย่างไร? คนผู้นั้นสร้างข้าขึ้นมาทำให้ไม่สามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้ ฉะนั้นข้าจะไปมีทางทำอะไรได้อย่างไรกัน!”
อย่างไรก็ตามมู่เฉียนซีก็บุกทะลวงไปจนถึงชั้นที่เก้าร้อยได้อย่างมีความสุข ซึ่งคนที่อยู่ภายนอกต่างก็พากันสั่นสะท้าน
“เก้าร้อย! คิดไม่ถึงเลยว่าจะถึงชั้นที่เก้าร้อยแล้ว!”
“ชั้นที่เก้าร้อยอยู่ระหว่างชั้นที่หนึ่งพันเพียงแค่ร้อยชั้นเท่านั้น แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายอยู่ดี”
มันยากมากจริง ๆ และมู่เฉียนซีเองก็ยังรู้สึกกดดันมากอีกด้วย
เพียงแต่ยิ่งกดดันมากเท่าไร ก็ยิ่งสามารถดึงศักยภาพของนางออกมาได้มากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งต้องมีความท้ายทาย ถึงจะสามารถก้าวหน้าขึ้นไปได้หลายก้าว
มู่เฉียนซียังคงมุ่งหน้าไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ฮึกเหิมอย่างต่อเนื่อง และในตอนนี้หอโอสถว่านฉงก็กำลังแอบกร่นด่าในความวิปลาสของนางไปหลายหมื่นครั้งแล้ว
มันเคยแอบทดสอบอายุกระดูกของนางมาก่อน และค้นพบว่าแม่สาวน้อยผู้นี้ยังไม่ถึงสิบแปดปีเลยด้วยซ้ำ
หากเป็นคนที่มีอายุเจ็ดสิบแปดสิบปี มันจะไม่ตื่นเต้นขนาดนี้เลย แต่อายุสิบแปดนี่มันคืออะไรกัน!
นางเพิ่งจะเกิดมาบนโลกแค่เพียงสิบแปดปีเท่านั้น ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์มากเพียงใด แต่อายุแค่สิบแปดปีจะเรียนรู้ได้มากมายถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน แต่นางกลับทำได้ นอกจากนี้ยังทำได้สมบูรณ์แบบอีกด้วย
หอโอสถว่านฉงอดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “เจ้าบอกออกมาตามตรงดีกว่า เจ้าเป็นสัตว์ประหลาดโบราณใช่หรือไม่ เจ้ากำลังสิงอยู่ในร่างของแม่นางน้อยผู้นี้ และห่อหุ่มด้วยร่างกายที่อ่อนเยาว์ ทว่าภายในเป็นเพียงสัตว์ประหลาดเก่าแก่อายุหมื่นปีตัวหนึ่งเท่านั้น”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงฮึดฮัดว่า “โอ้! บอกว่าข้าคือสัตว์ประหลาดโบราณอายุหมื่นปี เช่นนั้นข้าจะจดบัญชีแค้นเจ้าเอาไว้! เมื่อถึงเวลานั้นอาจารย์ของสัตว์ประหลาดโบราณอายุหมื่นจะมาหาเจ้า และจะต้องดูแลเจ้าเป็นอย่างดีแน่นอน”
หอโอสถว่านฉงอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านขึ้นมา อีกทั้งมันยังมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอีกด้วย
เมื่อถูกมู่เฉียนซีกล่าวเช่นนี้ หัวข้อนี้ก็ได้สิ้นสุดลงทันที และหอโอสถว่านฉงก็ทำได้เพียงเฝ้ามองดูมู่เฉียนซีก้าวไปสู่ชัยชนะอย่างเงียบ ๆ ตลอดทางเท่านั้น
ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด นางก็สามารถฝ่าฟันมันไปได้!
และไม่ว่าจะเจอกับคู่ต่อสู้แบบไหน นางก็ใช้ฝีมือในการปรุงยาอันสมบูรณ์แบบของนางเอาชนะมาได้ทุกครั้ง!
หากการคาดเดาของมันไม่ผิด และนางเป็นคนที่มีพรสวรรค์ราวกับปีศาจเช่นนี้จริง ๆ เช่นนั้นนางจะต้องเติบโตมาเป็นนักปรุงยาที่น่าสะพรึงกลัวมากคนหนึ่งอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของนาง พลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ใกล้จะหนึ่งพันแล้ว!”
“ใกล้จะถึงขีดจำกัดของเจ้าแล้วสินะ!”
“นั่นมันก็ไม่แน่หรอก ผู้ใดบอกกันว่านี่คือขีดจำกัดของข้า” ไม่ว่าพลังจิตวิญญาณของนางจะแข็งแกร่งเพียงใดแต่ก็ไม่อาจผลาญพลังอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ได้ ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงได้กินยาน้ำเข้าไปขวดหนึ่ง และทะลวงด่านต่อไป
ยิ่งเข้าใกล้ชั้นที่หนึ่งพันมากเท่าไร คนที่อยู่ข้างนอกต่างก็กลั้นหายใจรอมากขึ้นเท่านั้น
ชั้นที่เก้าร้อยเก้าสิบเก้า!
มู่เฉียนซีที่อยู่บนชั้นที่เก้าร้อยเก้าสิบเก้าของหอโอสถว่านฉง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าจะบอกให้นะหอโอสถว่านฉง เจ้านี่ช่างสูงเสียจริง ๆ เลย!”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว! คิดว่าข้าคือผู้ใดกันล่ะ!” หอโอสถว่านฉงกล่าวอย่างหยิ่งผยองเป็นอย่างยิ่ง
“เช่นนั้นเจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้ามีทั้งหมดกี่ชั้น?”
“ไม่บอกหรอก!”
“ถึงข้าจะบอกว่าอาจารย์ของข้าคือผู้ใด เจ้าก็จะไม่บอกข้าอย่างนั้นหรือ?”
“อย่างไรข้าก็ไม่พูด!”
“ข้าว่าตัวเจ้าเองก็น่าจะไม่รู้เหมือนกันสินะ!” มู่เฉียนซีกล่าวพลางยิ้มหวาน
“จะ…เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน?”
“เป็นอย่างที่คาดจริง ๆ สินะ!”
“ข้าติดกับเสียแล้ว มนุษย์อย่างพวกเจ้าฉลาดเฉียบแหลมเช่นนี้กันหมดเลยหรือไม่?” หอโอสถว่านฉงกล่าวด้วยความโมโห
ตัวมันเองยังไม่รู้เลยว่าตนเองนั้นสูงมากเพียงใด เว้นแต่มีคนที่สามารถพิชิตไปถึงจุดสุดท้ายได้ มันถึงจะสามารถรู้ได้ แต่ทว่าจนถึงตอนนี้กลับยังไม่มีผู้ใดบุกทะลวงไปจนถึงบนสุดได้เลย
“หากข้าสามารถบุกทะลวงไปถึงจุดสูงสุดได้ เจ้าก็จะได้รู้ ฉะนั้นเจ้าต้องขอบคุณข้าให้มาก ๆ ล่ะ!”
“คนวัยหนุ่มสาว มีความฝันก็เป็นเรื่องที่ดี! แต่ทางที่ดีอีกห้าสิบปีหลังจากนี้เจ้าค่อยมาพูดเช่นนี้จะดีกว่า”
ดูเหมือนว่าหอโอสถว่านฉงจะประเมินนางไว้สูงเป็นพิเศษ หากเป็นคนอื่น มันน่าจะบอกว่าหลังจากนี้อีกห้าแสนปีก็ยังเป็นไปไม่ได้แน่นอน
“เช่นนั้นเจ้าก็รอดูเถอะ!”
“รอให้เจ้าขึ้นไปถึงชั้นที่หนึ่งพัน แล้วยืดหยัดอยู่บนชั้นที่หนึ่งพันให้ได้ก่อนค่อยพูดเถอะ!”
และชั้นที่เก้าร้อยเก้าสิบเก้า ก็เป็นการทดสอบที่หนักหนามาก ซึ่งจนกระทั่งถึงตอนนี้ ชั้นนี้นับเป็นชั้นที่มู่เฉียนซีเสียเวลาไปนานมากที่สุดเลยก็ว่าได้
“การนำเอาสูตรยาของยาขั้นศักดิ์สิทธิ์ที่ซับซ้อนมากที่สุดมาเป็นบดทดสอบในชั้นที่เก้าร้อยเก้าสิบเก้านี้ ช่างโหดร้ายมากเหลือเกิน!”
สูตรยาที่ซับซ้อนนี้ แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในสูตรยาที่ได้รับการสืบทอดมาจากนิรันดร์ แต่มันก็ยังถือว่าซับซ้อนมากที่สุดอยู่ดี
ตอนนี้มันไม่ได้เป็นเพียงแค่การหลอมยาเท่านั้น แต่เป็นการกลั่นยาที่เหมือนกับการทำงานศิลปะที่ได้รับการขัดเกลามานานนับพันปี ซึ่งอีกฝ่ายต่างก็ต้องการที่จะพัฒนาตนให้ดีขึ้นกว่าเดิม
และเมื่อคนที่อยู่ข้างนอกเห็นว่านางหยุดอยู่กับที่นานถึงเพียงนี้ ก็กล่าวขึ้นว่า “มู่เฉินซีจะต้องหยุดอยู่ที่ชั้นที่เก้าร้อยเก้าสิบเก้าแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“อย่างพูดจาไม่เป็นมงคล ตราบใดที่นางยังไม่ถูกส่งออกมา อะไรก็สามารถเป็นไปได้ทั้งนั้น!”
“รอก่อนเถอะ!”
หลังจากใช้เวลาไปถึงหนึ่งวันเต็ม ๆ มู่เฉียนซีก็ได้ทำมันจนสำเร็จเสียที
เมื่อมองไปที่ขวดยาน้ำอันยอดเยี่ยมที่อยู่บนชั้นวางตรงหน้านั้น มู่เฉียนซีก็คลี่ยิ้มพลางกล่าวอย่างพึงพอใจว่า “งดงามมาก!”
“งดงามมาก สมบูรณ์แบบที่สุด! เจ้าเป็นนักปรุงยาที่มีพรสวรรค์ที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาเลย หากว่าเจ้ามีนิสัยและจิตใจที่ดี รวมถึงอ่อนโยนมากกว่านี้อีกสักหน่อย เจ้าจะต้องเป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่สุดเป็นแน่” ภูตสถิตของหอโอสถว่านฉงกล่าวชื่นชมมู่เฉียนซีด้วยความจริงใจ
“นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าคิดด้วยตนเอง คนที่รักในอิสระ ก็จะต้องมีวิถีชีวิตที่ทำให้ตนเองมีความสุข! ความอบอุ่นอ่อนโยนกินได้อย่างนั้นหรือ? เจ้ายังเป็นเด็กน้อยที่ไร้ประสบการณ์อยู่สินะ! เจ้าตะกร้ายาน้อย” มู่เฉียนซีกล่าวพลางคลี่ยิ้มอย่างซุกซน
“ชิ! ข้าไม่เข้าใจมนุษย์อย่างพวกเจ้าหรอก!” เมื่อหอโอสถว่านฉงถูกสบประมาท มันก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก
และตอนนี้มู่เฉียนซีก็ได้ก้าวขึ้นไปยังชั้นที่หนึ่งพันแล้ว!
“เคลื่อนไหวแล้ว!”
“หนึ่งพันแล้ว!”
“พระเจ้า! นี่พวกเราไม่ได้ตาฝาด หรือว่าเห็นภาพลวงตาหรอกใช่หรือไม่?”
ทุกคนต่างพากันตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าผู้พิทักษ์ของหอโอสถว่านฉง ที่ต่างก็ดีอกดีใจกันจนเต้นแร้งเต้นกาขึ้นมาทันที
นี่คือปาฏิหาริย์ พวกเขาได้เป็นสักขีพยานแห่งปาฏิหาริย์แล้ว