ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2112 เผ่าราชันย์แห่งเหมันต์
ตูมมม โครมมม!
การต่อสู้ที่อยู่เบื้องหน้านั้นดุเดือด จนทำให้หิมะเริงระบำอย่างบ้าคลั่ง
“สัตว์เทพระดับสอง!” พวกเขากล่าวอย่างตื่นตะลึง
สัตว์เทพระดับสองนั้นก็คือหมีหิมะที่ตัวใหญ่ยักษ์เป็นอย่างมากตัวหนึ่ง และอุ้งเท้าขนาดใหญ่ของหมีตัวนั้นก็ได้คว้าร่างเงาสีขาวนั้นเอาไว้
ทว่าร่างเงาในชุดสีขาวที่ผิวหนังขาวราวกับหิมะโปร่งแสงผู้นั้นกลับต่อสู้อย่างกล้าหาญจนผิดปกติ
“นั่นไม่ใช่มนุษย์” มู่เฉียนซีบ่นพึมพำ
“มันคือหุ่นวิญญาณเหมันต์! ที่ถูกควบคุมโดยเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์” ว่านซือเยี่ยนกล่าว
“อาต้า สู้มัน! ฆ่าเจ้าตัวนี้ให้ตายไปเลย เพราะเจ้านายของเจ้าอยากกินอุ้งตีนหมีแล้ว”
ท่ามกลางเศษหิมะที่ปลิวว่อนไปทั้ว พลันมีเสียงที่มีชีวิตชีวาเสียงหนึ่งดังขึ้น
หนุ่มน้อยผู้นั้นดูแล้วอายุน่าจะราว ๆ สิบห้าสิบหกปีเท่านั้น และด้วยผิวพรรณที่ขาวผุดผ่องนั้น ทำให้เขาเหมือนกับตุ๊กตาหิมะอย่างไรอย่างนั้นเลย
“มีข่าวลือว่าเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์อาศัยอยู่ที่ธารน้ำแข็งเหนืออย่างสันโดษ น้อยนักที่จะออกมาโลกภายนอก คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอคนของเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ที่นี่ได้” ว่านซือเยี่ยนกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ในเมื่อพวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่อย่างสันโดษ แปลว่าน่าจะมีความคุ้นเคยกับธารน้ำแข็งเหนือแห่งนี้เป็นอย่างดี หากพวกเขาให้การช่วยเหลือแล้วละก็ การหาบัวหิมะเก้าเซียนก็คงจะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว”
ทันทีที่มู่เฉียนซีพูดจบ ก็ถูกว่านซือเยี่ยนขัดคำพูดของนางในทันที
“นั่นมันเป็นไปไม่ได้หรอก เผ่าราชันย์แห่งเหมันต์นั้นไม่ชอบคนนอก และปฏิเสธที่จะใกล้ชิดกับคนภายนอก ฉะนั้นไม่มีทางที่จะให้ความช่วยเหลือแน่”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “หรือว่าความมั่งคั่งของคุณชายว่านซื่อก็ยังจัดการไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
“จัดการไม่ได้ และข้าก็ไม่อยากที่จะใช้เงินจัดการเรื่องนี้ด้วย”
หนุ่มน้อยที่อยากกินอุ้งตีนหมีผู้นั้นภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะหุ่นวิญญาณเหมันต์นั้นทรงพลังมากจริง ๆ แต่ทว่าทันใดนั้นหมีหิมะก็เกิดบ้าคลั่งขึ้นมา จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นอย่างผิดปกติ และพุ่งตรงเข้าหาหนุ่มน้อยผู้นั้นทันที
ในเวลานี้ ถึงหุ่นวิญญาณเหมันต์นั้นอยากจะช่วยชีวิตเขาก็ช้าเกินไปเสียแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นมาว่า “เสี่ยวหง เจ้าออกมาออกกำลังกายหน่อยเถอะ”
“ได้เลยขอรับ!”
ในตอนที่เสี่ยวหงพุ่งทะยานออกมานั้น กำแพงเพลิงก็ได้ปรากฏออกมาขวางเบื้องหน้าของหมีหิมะตัวนั้นไว้แล้ว
สำหรับสัตว์วิญญาณที่มีพลังธาตุน้ำแข็งนั้นหวาดกลัวเปลวเพลิงเป็นอย่างมาก อีกทั้งนี่ยังไม่ใช่เปลวเพลิงธรรมดาอีกด้วย ฉะนั้นมันจึงทำให้หมีหิมะตัวนั้นรีบร้อนล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าเมื่อหมีหิมะตัวนั้นเห็นว่าเป็นเพียงหมูน้อยสีแดงตัวหนึ่ง มันจึงไม่เห็นเสี่ยวหงอยู่ในสายตาอีกต่อไป และกระโจนเข้าใส่หมูน้อยสีแดงทันที
เสี่ยวหงกล่าวด้วย้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า “รนหาที่ตายนัก”
“เพลิงเผาสวรรค์!”
“เพลิงคลั่งชางเหลียน”
ทั้งสองต่างก็มีความสามารถของสัตว์เทพระดับสองเหมือนกัน แม้ว่าหมีหิมะตัวนี้จะกำลังบ้าคลั่ง แต่ก็ยังคงถูกเปลวเพลิงของเสี่ยวหงแผดเผาอย่างมิอาจต้านทานได้อยู่ดี
ตึงงง!
ทันทีที่หมีหิมะตัวนี้ถูกโจมตีจนล้มลง หนุ่มน้อยผู้นั้นก็จ้องมองไปที่เสี่ยวหงด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
“สีแดงล่ะ หมูน้อยแสนน่ารัก มันน่ารักมากเลย”
เสี่ยวหงที่ไม่ทันได้ระวังตัวก็ถูกคนผู้นี้กอดเอาไว้ในอ้อมแขนเสียแล้ว
“เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นหมูน้อยที่ตัวสีแดงก่ำเช่นนี้ น่ารักจังเลย”
หนุ่มน้อยผู้นี้ได้ลืมไปอย่างสิ้นเชิงแล้วว่าก่อนหน้านี้เสี่ยวหงได้ทำลายสัตว์เทพระดับสองไปอย่างรุนแรงมากเพียงใด อีกทั้งยังอุ้มมันไว้จนไม่ยอมปล่อยอีกด้วย ซึ่งนี่ก็ทำให้หุ่นวิญญาณเหมันต์เป็นกังวลมากเลยทีเดียว
“เจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะทำให้ลูกหมีอย่างเจ้าตายไปอีกตัวเป็นแน่” เสี่ยงหงกล่าวด้วยความโกรธเคือง
“ข้าไม่ใช่ลูกหมี ข้าคือลูกของเหมันต์ต่างหาก” หนุ่มน้อยผู้นั้นกล่าวตอบ
มู่เฉียนซีเดินออกมาแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้น เจ้าสามารถคืนเสี่ยวหงของข้ามาให้ข้าได้หรือไม่?”
หนุ่มน้อยผู้นั้นจ้องมองไปยังหญิงสาวแปลกหน้าที่ปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหันพลางกล่าวว่า “ที่แท้เจ้าหมูน้อยสีแดงตัวนี้ก็ชื่อว่าเสี่ยงหงนี่เอง! เป็นชื่อที่น่ารักมากจริง ๆ”
ตอนนี้เสี่ยวหงรู้สึกหดหู่ใจจะตายอยู่แล้ว ในฐานะที่มันเป็นสัตว์ตัวผู้ มันไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าชื่อเสี่ยวหงนี้จะดีตรงไหน
แม้ว่าหนุ่มน้อยผู้นี้จะชื่นชอบเสี่ยวหงมากเพียงใด แต่การอุ้มสัตว์วิญญาณของผู้อื่นไว้ตลอดเวลาก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรอยู่ดี ด้วยเหตุนี้เขาจึงมอบมันคืนให้กับมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกวักมือเรียกพวกของว่านซือเยี่ยนแล้วกล่าวว่า “นี่เป็นเหยื่อที่ไม่เลวเลย พวกท่านช่วยกันจัดการเจ้าหมีหิมะตัวนี้หน่อยสิ”
องครักษ์เหล่านั้นไม่ได้เคลื่อนไหว แต่กลับเป็นว่านซือเยี่ยนที่สาวเท้าเข้ามาในทันที
“แม้แต่สัตว์เทพระดับสองที่ตายแล้ว ก็ยังมีราคาที่สูงมากอยู่ดี! ผู้หญิงอย่างเจ้ารู้แต่เรื่องกินอย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ความหมายของคุณชายว่านซื่อก็คือต้องการซื้อสัตว์เทพระดับสองตัวนี้หรือ เช่นนั้นก็เสนอราคามาเถอะ!”
ว่านซือเยี่ยนจ้องมองไปทางมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “หนึ่งล้าน!”
“ไม่คุ้มราคาเลย กินมันกันเถอะ!”
“หนึ่งมื้อของเจ้าจะกินเยอะขนาดนี้เชียวหรือ?”
“สถานที่ที่คุณชายว่านซื่อเชิญข้าไปกินข้าวก่อนหน้านี้แพงยิ่งกว่านี้อีกไม่ใช่หรืออย่างไร?”
“สามล้าน นี่คือขีดจำกัดของข้าแล้ว!” หากไม่ซื้อไว้แล้วต้องเห็นมันโดนกินเข้าไป เขาจะต้องทนไม่ไหวอย่างแน่นอน
“เอาล่ะ! เช่นนั้นข้าให้เจ้าก็แล้วกัน”
ว่านซือเยี่ยนได้ให้คนเก็บหมีหิมะตัวนี้ไป ส่วนหนุ่มน้อยผู้นั้นก็มองไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าเป็นนักล่าที่มาล่าสัตว์ในธารน้ำแข็งเหนืออย่างนั้นหรือ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะเก่งมากเลย”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก อีกอย่างหนุ่มน้อยอย่างเจ้าควรจะกลับบ้านได้แล้วมิใช่หรือ! ถึงผู้พิทักษ์ของเจ้าจะเก่งกาจมาก แต่สัตว์เทพของธารน้ำแข็งเหนือแห่งนี้ก็จัดการไม่ได้ง่าย ๆ หรอกนะ”
“ไปได้แล้ว อย่าเสียเวลาอีกเลย” ว่านซือเยี่ยนกล่าว
“ในหนังสือบอกว่าต้องทดแทนบุญคุณผู้ช่วยชีวิต ในเมื่อเจ้าช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ฉะนั้นข้าก็จะต้องตอบแทนเจ้าสิ” หนุ่มน้อยใช้ขาสั้น ๆ นั้นวิ่งไล่ตามพวกเขาไป
ว่านซือเยี่ยนหันหน้ากลับมากล่าวว่า “อยากตอบแทน เช่นนั้นก็เอาเป็นเงินเถอะ!”
“ข้าไม่มีเงิน มีเพียงแค่ของเหล่านี้เท่านั้น” หนุ่มน้อยได้ขุดเอาสิ่งของต่าง ๆ ออกมาจากแหวนมิติกองหนึ่ง และมันก็ได้กองอยู่บนพื้นหิมะจนกลายเป็นเนินเขาเล็ก ๆ ลูกหนึ่งเลยทีเดียว
สิ่งของเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสมบัติของธารน้ำแข็งเหนือทั้งสิ้น หากสิ่งของเหล่านี้ถูกนำไปวางไว้ข้างนอกคงจะทำให้คนเข้ามาแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่งเป็นแน่ และเมื่อว่านซือเยี่ยนได้เห็นก็หยุดชะงักไปในทันที
ดวงตาที่นิ่งสงบได้แผ่ความร้อนระอุออกมาอย่างไม่ธรรมดาเลยทีเดียว แน่นอนว่าเขาต้องสนใจสิ่งของล้ำค่ามากอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าไปทางนั้นเลย คนช่วยคือข้า แน่นอนว่าค่าตอบแทนนี้ต้องเป็นของข้าด้วย”
มู่เฉียนซีได้หยิบเอาก้อนหินสีขาวหิมะก้อนหนึ่งขึ้นมา แล้วกล่าวว่า “แค่สิ่งนี้ก็เพียงพอแล้ว เจ้ารีบเก็บของเหล่านี้กลับไปเร็วเข้าเถอะ ไม่อย่างนั้นอาจจะเจอลุงประหลาด ๆ ที่โลภมากก็เป็นได้ เขาไม่เพียงแต่จะหลอกเอาเงินของเจ้าไปเท่านั้น แต่ยังอาจจะลักพาตัวเจ้าไปขายอีกด้วย”
สีหน้าของว่านซือเยี่ยนแข็งทื่อไปทันที คำพูดนี้ของผู้หญิงคนนี้เขาต้องฟังออกอยู่แล้วว่าไม่ได้ชี้ไปที่เป้าหมายอื่นเลย
แต่คงเป็นเขา
ว่านซือเยี่ยนที่เป็นนายน้อยของสมาคมการค้าเฉินซีผู้นี้แน่นอน และด้วยปากของผู้หญิงคนนี้ก็ได้ทำให้ชายหนุ่มผู้มีเงินมากที่สุดในราชวงศ์ตงหวง กลายเป็นเพียงลุงจอมลวงโลกชอบลักพาตัวไปแล้ว
อายุของเขามากขนาดนั้นเลยหรืออย่างไรกัน?
หนุ่มน้อยผู้นั้นไม่ได้เก็บของเหล่านี้กลับไป พลางกล่าวว่า “ได้ยินมาว่าหากมีเงินก็จะสามารถจ้างคนที่เก่งกาจมาทำงานให้ได้ เช่นนั้นพวกเจ้าช่วยข้าได้หรือไม่ หากทำได้ สิ่งของเหล่านี้ก็จะเป็นของพวกเจ้า”
“ทำเรื่องอะไร?” ว่านซือเยี่ยนกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
นั่นก็เพราะสมบัติที่หนุ่มน้อยผู้นี้ครอบครองอยู่นั้น มันทำให้เขาใจเต้นแรงมากจริง ๆ
“ข้าอยากให้เจ้าตามหาท่านพี่ของข้า ท่านพี่ของข้าออกไปจากเผ่าแล้ว และข้าก็ไม่รู้ว่าเขาไปที่ใดด้วย?”
การค้นหาคน สำหรับคุณชายว่านซื่อนั้นไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นเลย
หนุ่มน้อยที่ไม่มีกลอุบายอะไรผู้นี้ ถูกว่านซือเยี่ยนถามทั้งหมดออกมาในคราวเดียว
เขามีชื่อว่าเซี่ยหนิง เป็นนายน้อยของเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ และพี่ชายของเขาก็เป็นถึงหัวหน้าเผ่าของเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ มีชื่อว่าเซี่ยซวี
ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาได้ออกไปจากเผ่าอย่างเงียบ ๆ และคนที่อยู่ภายในเผ่าต่างก็เป็นห่วงเขาเป็นอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่าคนที่เป็นห่วงเขามากที่สุดก็คือคนที่เติบโตมาด้วยกันกับเขาอย่างเซี่ยหนิงนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้เขาจึงออกมาพร้อมกับหุ่นวิญญาณเหมันต์ของเขา แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่ออกมาแล้วก็ดันเกิดอันตรายขึ้นก่อนที่เขาจะออกไปจากธารน้ำแข็งเหนือแห่งนี้เสียอีก
ว่านซือเยี่ยนกล่าวว่า “ตกลงตามนี้!”
“เพียงแต่ก่อนที่จะส่งคนออกไปตามหาพี่ของเจ้า ข้าควรที่จะส่งเจ้ากลับไปยังเผ่าเสียก่อน! ไม่อย่างนั้นเจ้าอาจจะต้องตายอยู่ในธารน้ำแข็งเหนือแห่งนี้ และไม่มีผู้ใดมาเก็บศพเจ้าเป็นแน่”
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปที่ว่านซือเยี่ยน เจ้าหมอนี่ต้องกำลังวางแผนอะไรบางอย่างกับเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์เป็นแน่
และหากเผ่าราชันย์แห่งเหมันต์ยอมให้การช่วยเหลือ บางทีอาจจะค้นหาบัวหิมะเก้าเซียนได้สะดวกมากขึ้นอีกก็เป็นได้
.