ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2110 ราชาแห่งเหมันต์
“สมาคมการค้าเฉินซีร่ำรวยเหนือเมฆถึงเพียงนี้ ยังมีเรื่องอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือจากข้าอีกอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วถาม
“เจ้าลองดูสิ่งนี้…”
ว่านซือเยี่ยนได้หยิบสิ่งของชิ้นหนึ่งออกมา หรือจะพูดให้ถูกเลย มันก็คือกระดาษที่มีสีออกเหลืองแผ่นหนึ่ง นอกจากนี้ยังเป็นกระดาษขาดที่ไม่สมบูรณ์อีกด้วย
“ส่วนที่ขาดหายไปส่วนหนึ่งนี้ คือสมุนไพรวิญญาณอะไร เจ้ารู้หรือไม่? ข้าเคยถามนักปรุงยามามากมายแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะยืนยันอยู่ดี”
“แม้ว่าคำแนะนำสมุนไพรวิญญาณนี้จะไม่สมบูรณ์ แต่ฤทธิ์ของยาที่แนะนำเอาไว้กลับไม่ได้ขาดตกบกพร่องเลย นี่คือยาขั้นเทวะระดับสูงสุดที่อันตรายถึงชีวิต แม้ว่ามันจะมีเพียงคำเดียว แต่ข้าก็รู้จักดีว่าสมุนไพรวิญญาณนั้นคืออะไร และมันก็คือบัวหิมะเก้าเซียน” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉย
ดวงตาของว่านซือเยี่ยนเปล่งประกายแวววาวขึ้นมาทันที พลางกล่าวว่า “ในที่สุดก็หามันเจอแล้ว ส่วนเรื่องการพัฒนาหอหมอปีศาจที่ดินแดนทางทิศเหนือของราชวงศ์ตงหวงที่ต้องจัดการ ข้าจะเป็นคนช่วยเจ้าแก้ไขปัญหาทั้งหมดเอง”
“แค่ดินแดนทางทิศเหนือหรือ?”
“ข้ารู้ว่าเจ้ามีความทะเยอทะยานมากกว่านี้ แต่ทว่าเงื่อนไขนี้เพียงอย่างเดียวมันยังไม่พอหรอก! ฉะนั้นพวกเราค่อย ๆ คุยกันไปทีละเรื่องเถอะ”
“เอาล่ะ! ถึงอย่างไรก็คงขุนให้อ้วนภายในรวดเดียวไม่ได้อยู่ดี เช่นนั้นก็จัดการเรื่องนี้ก่อนก็แล้วกัน” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
มู่เฉียนซีได้หยิบเอาปากกาและกระดาษออกมา จากนั้นก็ร่างลักษณะของบัวหิมะเก้าเซียนออกมาอย่างรวดเร็ว มันมีความเหมือนจริง อีกทั้งยังราวกับมีชีวิตอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวกับว่านซือเยี่ยนว่า “บัวหิมะเก้าเซียนมักจะชอบเติบโตอยู่ในสถานที่ที่เย็นจัด ให้คนลองไปหาดูเถอะ!”
“หากมีข่าวคราวแล้ว ข้าก็หวังว่าเจ้าจะไปด้วยกันกับข้า! เนื่องจากการทำเช่นนี้มันจะสามารถหายาขั้นเทวะนี้ได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น และเพราะข้าไม่อยากให้คนอื่นยื่นมือเข้ามายุ่ง ฉะนั้นข้าจึงจะมุ่งหน้าไปที่นั่นด้วยตนเองเช่นกัน”
“ไม่มีปัญหา!”
เมื่อได้รับคำตอบจากมู่เฉียนซี ว่านซือเยี่ยนก็จากไปทันที!
ใช่แล้ว! เขาได้นั่งรถม้าแสนล้ำค่าของเขานั้นไปอย่างรวดเร็ว และได้ทิ้งมู่เฉียนซีเอาไว้ที่เดิม
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย และก็ได้แต่สบถอยู่ในใจ เหตุใดต้องรีบไปถึงขนาดนี้ด้วย? หรือกลัวว่านางจะนั่งรถม้าเขากลับไปฟรี ๆ อย่างนั้นหรือ?
นางหันไปมองเจ้าของร้านแล้วกล่าวว่า “เจ้าของร้าน ข้าไม่ต้องจ่ายค่าอาหารใช่หรือไม่!”
“แม่นาง แน่นอนว่าไม่ต้องขอรับ! ทุกครั้งที่คุณชายว่านซื่อมามักจะลงบัญชีเอาไว้เสมอ และพอถึงตอนสิ้นปีเขาก็จะส่งคนมาจ่ายทีเดียวขอรับ” เจ้าของร้านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ท่านตาก็ลำบากเช่นกันสินะ!”
เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าเขาเป็นถึงนายน้อยของสมาคมการค้าเฉินซี แต่แค่อาหารพื้นบ้านธรรมดายังต้องลงบัญชีไว้เลยหรือ?
คาดว่าเงินที่ส่งมาจัดการบัญชีทุกสิ้นปีก็คงไม่ใช่เงินของเขาเองเช่นกัน แต่เป็นการจับผู้โชคร้ายสักคนมาจัดการบัญชีแทนเสียมากกว่า!
หลังจากที่มู่เฉียนซีพูดชื่อยาขั้นเทวะออกมาได้อย่างแม่นยำ และแม้ว่าจะยังตามหาบัวหิมะเก้าเซียนไม่เจอ แต่ว่านซือเยี่ยนก็ได้ดำเนินการให้อย่างรวดเร็วฉับไวแล้ว
ด้วยอำนาจของเงินจึงสามารถทำอะไรก็ได้ บวกกับการดำเนินการภายใต้ฝีมือของว่านซือเยี่ยน จึงทำให้สามารถหาข่าวคราวของยาขั้นเทวะระดับสูงสุดตัวนี้มาได้แล้วจริง ๆ
มีคนพบเห็นมันอยู่ที่ธารน้ำแข็งเหนือ และธารน้ำแข็งเหนือแห่งนั้นก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่อีกด้วย
จากนั้นว่านซือเยี่ยนก็ได้มาหามู่เฉียนซีอย่างรีบร้อน “รีบขึ้นรถมาเร็ว!”
“อย่าเลยดีกว่า! ข้าจะเดินออกไปจากเมืองเอง เจ้ารอข้าอยู่นอกเมืองก็พอแล้ว! ข้าไม่อยากถูกเจ้าหลอกเอาค่ารถอีกแล้วล่ะ”
เมื่อเห็นว่าว่านซือเยี่ยนร้อนรนมากเช่นนี้ มู่เฉียนซีจึงคิดว่าเขาจะให้นางได้นั่งรถไปฟรี ๆ
แต่ที่ไหนได้ เจ้าหมอนี่ดันเดินลงมาจากรถม้า และให้คนเอารถม้าของเขากลับไปทันที
“เช่นนั้นก็เดินไปด้วยกันเถอะ!”
ร่างเงาแวววาวสีทองอร่ามวาดผ่านออกไปกลางอากาศเป็นแนวโค้ง จากนั้นก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว มู่เฉียนซีจึงไล่ตามออกไปเช่นกัน
สัตว์พาหนะของคุณชายว่านซื่อคือนกอินทรีสีทองตัวหนึ่ง ซึ่งบนคอของมันล้วนถูกประดับประดาไปด้วยเพรชพลอย และบนร่างกายของมันก็มีสิ่งของต่าง ๆ ห้อยอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
“ไปกันเถอะ!” ว่านซือเยี่ยนกล่าว
“รถม้ายังแพงขนาดนั้น สัตว์พาหนะบินได้อย่างนกอินทรีสีทองที่เป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดเช่นนี้ เกรงว่าน่าจะแพงกว่ามาก เช่นนั้นข้าขอผ่านแล้วกัน!”
จากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้เรียกเสี่ยวโม่โม่ออกมา และเมื่อเสี่ยวโม่โม่ได้เห็นการประดับประดาที่งดงามของนกอินทรีสีทอง มันก็ลอบมองด้วยแววตาที่สงสาร
นกอินทรีสีทองตัวนั้นก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน นี่มันถูกเจ้าเด็กน้อยนี่สงสารอย่างนั้นหรือ?
นกอินทรีสีทองเองก็ไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไรเหมือนกัน เพราะเจ้านายของมันผู้นี้ทั้งชอบอวดความร่ำรวยและยังขี้งกสุด ๆ อีกด้วย
“ออกเดินทางได้!”
การไปยังธารน้ำแข็งเหนือในครั้งนี้ ว่านซือเยี่ยนได้รีบเร่งมาพร้อมกับกลุ่มหัวกะทิชั้นยอดกลุ่มหนึ่ง และยิ่งเข้าใกล้ธารน้ำแข็งเหนือมากเท่าไร อุณหภูมิก็ยิ่งลดต่ำลงมากเท่านั้น
หลังจากที่มาถึงพื้นที่ต้องห้ามวายุหิมะแล้ว พวกเขาก็ไม่อาจบินอยู่กลางอากาศได้อีกต่อไป พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่ร่อนลงเท่านั้น
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พลังวิญญาณที่ธารน้ำแข็งเหนือแห่งนี้ถือว่าไม่เลวเลย ในเมื่อยาขั้นเทวะสามารถเติบโตได้ก็แสดงว่าสมุนไพรวิญญาณอื่นก็น่าจะมีเช่นกัน ฉะนั้นบัวหิมะเก้าเซียนเป็นของเจ้า ส่วนสมุนไพรวิญญาณอื่น ๆ เป็นของข้า”
“ใครเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าก็เป็นของคนนั้น” เห็นได้ชัดว่าว่านซือเยี่ยนไม่เห็นด้วยกับคำแนะนำของมู่เฉียนซีเลย
“ข้านำทางพวกเจ้ามาเก็บสมุนไพรวิญญาณท่ามกลางพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหิมะเช่นนี้แล้ว เจ้ายังคิดที่จะมาแย่งชิงสมุนไพรวิญญาณกับข้าอีกอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างโกรธเคือง
“แล้วมันจะทำไมล่ะ? หากเจ้าแย่งไม่ทันก็เพราะว่าเจ้าช้าเกินไปเท่านั้นเอง” สำหรับสิ่งของก่อนหน้านี้ ว่านซือเยี่ยนไม่คิดที่จะปล่อยให้คนอื่นเอาไปได้แม้แต่ใบเดียวแน่นอน
ที่ธารน้ำแข็งเหนือนั้นง่ายต่อการหลงทางเป็นอย่างมาก และถึงแม้จะมีคนให้ข้อมูลที่ถูกต้องมาแล้ว แต่หากพวกเขาต้องการจะหาตำแหน่งที่ถูกต้องนั้นให้เจอก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ตอนนี้พายุหิมะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงจะเดินกันจนฟ้ามืด แต่พวกเขาก็ยังหาไม่เจออยู่ดี
เมื่อค่ำคืนอันมืดมิดได้ปกคลุมอยู่เหนือธารน้ำแข็งเหนือ นั่นก็หมายความว่ากำลังจะมีอันตรายใกล้เข้ามาด้วย
ซึ่งเหล่ากลุ่มองครักษ์ของคุณชายว่านซื่อต่างก็เริ่มให้ความระมัดระวังมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้าหมายของราชาแห่งธารน้ำแข็งเหนือได้ และก็กลายเป็นเหยื่อในสายตาของพวกมันอยู่ดี
“บรู๊วว!” ทันใดนั้นก็มีเสียงหมาป่าหอนดังขึ้นมา
“เตรียมป้องกัน!”
ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิดเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถมองเห็นด้วยด้วยตาเปล่าได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้พวกเขาได้ถูกศัตรูที่แข็งแกร่งล้อมเอาไว้หมดแล้ว
นอกจากนี้ยังเป็นเพราะสีของศัตรูของพวกเขานั้นได้กลมกลืนไปกับหิมะสีขาวเหล่านี้อีกด้วย
ว่านซือเยี่ยนกล่าวว่า “มันคือหมาป่าหิมะ!”
การจะพบเจอหมาป่าหิมะในธารน้ำแข็งเหนือได้นั้นไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดแต่อย่างใด หลังจากนั้นว่านซือเยี่ยนก็กล่าวว่า “หลบให้ดี ๆ อย่ามาเกะกะ! และก็อย่าได้รับบาดเจ็บ เพราะมันจะเปลืองยา!”
ผลสุดท้ายทันทีที่ว่านซือเยี่ยนกล่าวจบ ร่างสีม่วงก็สว่างวาบขึ้น และคิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉียนซีจะพุ่งทะยานออกไปอย่างคล่องแคล่วเช่นนี้
“ว่านซือเยี่ยน การจัดการหมาป่าเราจำเป็นที่จะต้องดุร้ายกว่าพวกมัน ถึงจะสามารถทำให้พวกมันเลิกเข้ามาพัวพันได้! แต่หากข้าหลบซ่อนอยู่หลังพวกเจ้าจริง ๆ คงจะต้องกลายเป็นขนมหวานในสายตาของพวกมันเป็นแน่”
ทันใดนั้นพัดวิหคเฟิงหลิงก็กางออก จากนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับหมาป่าหิมะมู่เฉียนซีจึงได้ระเบิดพลังวิญญาณธาตุวายุที่ทรงพลังออกมา
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
ว่านซือเยี่ยนกล่าวว่า “มัวตะลึงอะไรกันอยู่? ลงมือสิ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ว่านซือเยี่ยน พวกเรายังไม่ได้เข้าไปยังส่วนลึกของธารน้ำแข็งเหนือเลย ความสามารถของหมาป่าหิมะเหล่านี้ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไร อีกทั้งราชาหมาป่ายังเป็นเพียงสัตว์เทพระดับหนึ่งเท่านั้น ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องให้คนของเจ้าลงมือหรอก พวกเจ้าไปใจเย็นอยู่ทางนั้นก่อนเถอะ!”
นางเตรียมที่จะจัดการเพียงลำพัง เพราะการโจมตีของหมาป่าหิมะนั้นทั้งดุร้ายและรวดเร็ว ซึ่งการเผชิญหน้ากับพวกมันนั้นถือเป็นโอกาสที่ดีในการฝึกต่อสู้จริง
“นายน้อย!” องครักษ์เหล่านั้นไม่อาจตัดสินใจได้ ฉะนั้นจึงกล่าวพลางมองไปทางว่านซือเยี่ยน
“ในเมื่อนางบอกว่าไม่ต้องให้พวกเจ้าลงมือก็ไม่ต้องลงมือ จะได้ไม่ต้องเปลืองพลังงานของพวกเจ้าด้วย เพียงแต่จับตาดูนางเอาไว้ อย่าปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นถูกหมาป่าฉีกเป็นชิ้น ๆ ก็พอ! ข้ายังคงต้องพึ่งนางในการหายาขั้นเทวะให้เจออยู่” ว่านซือเยี่ยนกล่าวอย่างเย็นชา
“ขอรับ!”
ท่ามกลางความมืดมิด ร่างเงาของมู่เฉียนซีนั้นรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ แต่หมาป่าบางส่วนที่ยังคงทำตามคำสั่งของราชาหมาป่า ก็ได้ร่วมมือกันอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อมาโจมตีมู่เฉียนซีครั้งแล้วครั้งเล่า
“พลังวายุทำลาย จันทราหนาวเหน็บ!”
กรงเล็กที่แหลมคมอย่างที่สุดของหมาป่า ก็ได้เกือบทิ้งบาดแผลไว้บนร่างกายของมู่เฉียนซีหลายครั้งแล้วเช่นกัน
ปัง ปัง ปัง!
หลังจากที่รับมือกันอยู่หลายรอบ ก็มีหมาป่าหลายตัวถูกการโจมตีของมู่เฉียนซีทำให้ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้มันยังทิ้งหลุมขนาดใหญ่ไว้บนพื้นหิมะอีกด้วย
“พรสวรรค์ของแม่นางมู่สมกับที่อยู่ในอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศตะวันออกและดินแดนทางทิศใต้ของราชวงศ์ตงหวงจริง ๆ และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าอย่างนางจะมาถึงจุดนี้ได้!”
เมื่อองครักษ์ของว่านซือเยี่ยนได้เห็นถึงทักษะอันงดงามเช่นนนี้ของมู่เฉียนซีแล้ว ก็อดที่จะชื่นชมอย่างจริงใจออกมาไม่ได้จริง ๆ
“แต่ทว่าฝูงหมาป่านี้มันเยอะเกินไป ในบรรดาสัตว์วิญญาณความสามารของหมาป่าหิมะนั้นมีชื่อเสียงอยู่ในอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ สิ่งนี้จะทำให้แม่นางมู่เสียเปรียบเป็นอย่างมาก” มีใครบางคนกล่าวขึ้นมาอย่างกังวล