ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2108 ผู้สูงศักดิ์
“คุณชายบอกว่าแม่นางมู่ควรออกเดินทางให้เร็วที่สุดจะดีกว่า เพราะคุณชายว่านซื่อไม่ชอบรอคนอื่นขอรับ” คนที่มาส่งสารกล่าวกับมู่เฉียนซี
มู่เฟิงหลิงกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “จะรีบร้อนอะไรเช่นนี้!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาเป็นแน่ ฉะนั้นการบรรลุข้อตกลงโดยเร็วจึงเป็นการดีที่สุดอยู่แล้ว”
“แต่อารองใกล้ที่จะต้องไปเก็บตัวแล้ว เลยอยากจะให้ซีเอ๋อร์อยู่เป็นเพื่อนอารองต่ออีกสักสองสามวันน่ะสิ” มู่เฟิงหลิงกล่าวด้วยความอาลัยอาวรณ์อยู่เล็กน้อย
ถึงในการต่อสู้กับคนของเผ่าคำสาปในครั้งนั้น จะทำให้เขาบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดได้แล้ว
และถึงความสามารถนี้เมื่ออยู่ในราชวงศ์ตงหวงจะถือได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง แต่ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูของพวกเขา ความสามารถเช่นนี้มันก็ยังคงไม่เพียงพออยู่ดี
ด้วยเหตุนี้หลังจากที่เขารักษาอาการบาดเจ็บเรียบร้อยแล้วจึงวางแผนที่จะเก็บตัวฝึกฝน และรีบบรรลุเข้าสู่ขอบเขตของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณให้เร็วที่สุด
“แค่แยกจากกันเพียงชั่วคราวเท่านั้น บางทีหลังจากที่อารองออกมาจากการเก็บตัวในคราวหน้า ข้าอาจจะนำข่าวของท่านพ่อมาบอกท่านแล้วก็เป็นได้” มู่เฉียนซีกล่าว
“ดูท่าแล้วคงต้องรีบออกมาจากการเก็บตัวให้ได้โดยเร็ว มิเช่นนั้นอาจจะพลาดข่าวดี ๆ เช่นนี้ได้” มู่เฟิงหลิงกล่าวอย่างตัดสินใจได้
มู่เฉียนซีได้ตามคนของชิงหลงจากไป และหลังจากที่ออกไปส่งมู่เฉียนซีแล้ว ท่านอารองมู่ก็ได้เก็บตัวอยู่ที่หอหมอปีศาจเพียงลำพัง
สายลมของดินแดนทางทิศเหนือนั้นเย็นกว่ามาก และเมืองปิงหวางนี้ก็คือเมืองใหญ่ที่อยู่เหนือสุดของราชวงศ์ตงหวงนั่นเอง
ในตอนที่ใกล้จะถึงเมืองปิงหวาง หิมะก็ตกลงมาอย่างหนัก
เมื่อทอดสายตามองไปเบื้องหน้า ก็ได้เห็นโลกที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแห่งหนึ่ง
เมืองอันใหญ่โตแห่งหนึ่งได้ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางหิมะที่โปรยปราย และความเงียบสงบนั้นก็เปรียบเสมือนสาวงามที่อยู่ท่ามกลางหิมะอย่างไรอย่างนั้น
“แม่นางมู่ ถึงแล้วขอรับ พวกเราสามารถร่อนลงไปได้แล้ว”
และในตอนที่พวกของมู่เฉียนซีเดินทางมาประตูใหญ่ของเมืองปิงหวาง ก็ได้มีคนมารอพวกเขาอยู่ที่นั่นแล้ว
“ท่านคือแม่นางมู่ใช่หรือไม่! นายน้อยของพวกเราได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับรอท่านที่หอเลิศรสแล้วขอรับ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนั้นท่านก็นำทางไปเถิด!”
หอเลิศรสเป็นร้านอาหารที่ใหญ่และมีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองปิงหวาง และมีเพียงผู้ที่ร่ำรวยและมีเกียรติเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าไปรับประทานอาหารด้านในได้ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นทรัพย์สินของสมาคมการค้าเฉินซีอีกด้วย
ผู้คนมากมายบนถนนต่างปกปิดตัวเองอย่างแน่นหนา เนื่องจากอุณหภูมิที่ต่ำเกินไปของที่นี่ ทำให้ประชาชนคนธรรมดาที่มีระดับการฝึกฝนไม่สูงนัก ไม่สามารถหมุนเวียนพลังวิญญาณเพื่อขจัดความหนาวตลอดเวลาได้
ส่วนมู่เฉียนซีนั้นสวมเพียงเสื้อผ้าที่บางเบา อีกทั้งยังไม่ได้ใช้พลังวิญญาณเพื่อขจัดความหนาวเย็นแต่อย่างใด เพราะการที่นางเป็นถึงจอมภูตพลังธาตุอัคคีทำให้การอยู่ในสถาพแวดล้อมเช่นนี้สะดวกสบายเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อมู่เฉียนซีมาถึงงานเลี้ยงต้อนรับของหอเลิศรส นางก็ค้นพบว่าใครบางคนที่อยู่ด้านบนนั้นกำลังส่งสายตาสำรวจมาที่นางอยู่
“แม่นางมู่ เชิญด้านบนขอรับ!”
ในตอนที่มู่เฉียนซีเดินขึ้นไปและคนผู้นั้นผลักประตูเปิดออกมา นางก็ได้เห็นชายหนุ่มที่สวมเครื่องแต่งกายที่ดูเกินความพอดีมากคนหนึ่ง
เหตุใดถึงเกินความพอดีน่ะหรือ?
อย่างแรกเลยก็คือเสื้อผ้าสีทองอร่ามแวววาวนั่น
อย่างที่สองก็คือเครื่องประดับอัญมณีบนร่างกาย แม้ว่านางจะไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับเหล่าอัญมณีมามากนัก แต่นางก็พอจะรู้จักของล้ำค่าราคาแพงอยู่สองสามอย่างเช่นกัน
และคาดว่าเจ้าหมอนี่คงนำเอาเครื่องประดับอัญมณีที่แพงที่สุดทั้งหมดมาใส่ไว้บนตัวแล้วเป็นแน่
หากคนธรรมดาแต่งกายเช่นนี้ คงจะเห็นได้ชัดว่ามันดูไม่เข้ากันอย่างเหลือทน แต่อย่างไรก็ตามมันกลับเอื้อให้คนผู้นี้ดูดีเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ดูลึกล้ำและมีมิติของเขา บวกกับลักษณะท่าทางที่ไม่ธรรมดา และการยืนหยัดที่จะแต่งกายด้วยความอลังการที่เลอค่าเช่นนี้ มันก็ยิ่งทำให้เขาดูสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง
ไม่เพียงแต่การแต่งกายเช่นนี้ของเขาเท่านั้น แต่ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ ผนังของห้องส่วนตัวนี้ล้วนถูกประดับประดาไปด้วยอัญมณีนานาชนิด นอกจากนี้ทั้งชามและตะเกียบต่างก็ทำมาจากหยกขาวที่ล้ำค่ายิ่งอีกด้วย
“มู่เฉินซี แม่นางมู่ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริง ๆ!” ในตอนที่มู่เฉียนซีเดินเข้ามา ว่านซือเยี่ยนก็กล่าวขึ้นมาอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คุณชายว่านซื่อ นี่เป็นการเจอกันครั้งแรก ท่านโปรดชี้แนะข้าด้วย”
คนที่ชิงหลงแนะนำให้นาง แน่นอนว่านางสามารถเดาได้ว่าตัวตนที่เปิดเผยของเขาก็คือนายน้อยของสมาคมการค้าเฉินซี ส่วนตัวตนลับก็จะเป็นอีกสถานะหนึ่ง
เพียงแต่ไม่รู้ว่านามแฝงของเขาคืออะไรกันแน่?
ตัวชิงหลงเองไม่อยากที่จะยอมรับและเชื่อใจนาง ทว่ากลับแนะนำคนคนหนึ่งให้นางแทน ซึ่งเขาไม่ได้ทำเพื่อที่จะช่วยเหลือนาง แต่เพื่อที่จะทำให้นางยอมแพ้มากกว่า!
คนผู้นี้ คาดว่าน่าจะยุ่งยากยิ่งกว่าชิงหลงเสียอีก อีกทั้งยังยากแท้หยั่งถึงยิ่งกว่าอีกด้วย
“แม่นางมู่เดินทางมาไกล ข้าต้องต้อนรับเจ้าอย่างดีถึงจะถูก เด็ก ๆ! ยกอาหารมาได้แล้ว”
ทันทีที่ว่านซือเยี่ยนพูดจบ คนกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาพร้อมอาหาร จากนั้นก็ค่อย ๆ จัดเรียงอย่างช้า ๆ และทั้งหมดนั้นล้วนเป็นวัตถุดิบอันล้ำค่าของดินแดนทางทิศเหนือ ซึ่งมีราคาแพงหูฉี่ทั้งนั้นเลยด้วย
มู่เฉียนซีได้แต่บ่นพึมพำว่า ว่านซือเยี่ยนผู้นี้ต้องการที่จะอวดความร่ำรวยกับนางอย่างนั้นหรือ?
สมาคมการค้าเฉินซีร่ำรวยมาก และต่างเป็นที่รู้จักของคนทั่วทั้งแดนซวนเทียน ฉะนั้นเขาไม่จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนี้เลย
แต่เป็นเพราะการเดินทางที่เนิ่นนาน ทำให้เมื่อได้เห็นอาหารอันโอชะเหล่านี้แล้ว มู่เฉียนซีจึงมีความอยากอาหารไม่น้อยเลยทีเดียว
และดูเหมือนว่าความกระหายของว่านซือเยี่ยนจะมากยิ่งกว่า เพราะส่วนหนึ่งของอาหารมากมายเช่นนี้ เขาเป็นคนจัดการเองทั้งหมด
หลังจากที่ทั้งสองรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว จานมากมายก็ถูกเก็บออกไป และชาแห่งจิตวิญญาณชั้นเลิศก็ถูกยกเข้ามาแทนที่ กลิ่นหอมกรุ่นของชาลอยคลุ้งไปทั่วทุกทิศทาง และยังคงอบอวลอยู่ทั่วทั้งห้องส่วนตัวแห่งนี้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คุณชายว่านซื่อ ข้าคิดว่าท่านคงรู้เป้าหมายที่ชัดเจนที่ข้ามาในวันนี้แล้ว! หอหมอปีศาจของข้าต้องการที่จะร่วมมือกับท่าน ฉะนั้นหวังว่าพวกเราจะสามารถทำการยื่นหมูยื่นแมวได้ และทำให้หอหมอปีศาจครอบครองราชวงศ์ตงหวงให้เร็วที่สุดได้”
ว่านซือเยี่ยนกล่าวตอบว่า “สำหรับฉากหน้าของหอหมอปีศาจ ข้าว่ามีแนวโน้มที่ดีมากเลยทีเดียว และไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ยาลูกกลอนของพวกเจ้านั้นมีคุณภาพที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ซึ่งในราชวงศ์ตงหวงก็ไม่อาจหาใครเทียบได้อีกแล้ว นอกจากนี้ยังมียาน้ำอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ไม่มีใครเหมือนอีกด้วย”
“แต่ทว่าข้าก็เป็นเพียงพ่อค้าคนหนึ่งเท่านั้น และแม่นางมู่ก็คงจะรู้ดีว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพ่อค้าคือผลกำไร! หากข้าช่วยเหลือเจ้า แล้วเจ้าจะให้ผลกำไรข้าได้มากแค่ไหนกัน”
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “คุณชายว่านซื่อต้องการจะเสนอเงื่อนไขอะไรหรือไม่?”
“ข้าต้องเก้าส่วนจากผลกำไรทั้งหมดของหอหมอปีศาจที่อยู่ในราชวงศ์ตงหวง!”
“นี่คุณชายว่านซื่อกำลังล้อข้าเล่นอยู่อย่างนั้นหรือ! ต้องการกำไรเก้าส่วน ท่านนี่จะโลภมากเกินไปแล้ว”
“เช่นนั้นเจ้าจะให้ข้าเท่าไรกันล่ะ?”
“มากที่สุดแค่สองส่วนเท่านั้น!” ต้องรู้ว่ากำไรของหอหมอปีศาจนั้นมากมายนัก และเพียงแค่สองส่วนก็ถือว่าเป็นรายได้ที่มีจำนวนเงินมหาศาลแล้ว ซี่งนี่ก็คือขีดกำจัดของมู่เฉียนซีเช่นกัน
หากไม่ใช่เพราะว่านางต้องการความรวดเร็ว ก็คงจะไม่ยอมแบ่งเนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้ให้ผู้ใดเป็นแน่
ว่านซือเยี่ยนกล่าวด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ว่า “เช่นนั้นเรื่องนี้ คงไม่มีอะไรที่จะต้องพูดคุยกันอีกแล้ว แม่นางมู่มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเสียเถอะ!”
เมื่อพูดจบ ว่านซือเยี่ยนก็เดินจากไปทันที อีกทั้งยังจากไปอย่างชื่นมื่นเป็นอย่างมากอีกด้วย
มู่เฉียนซีคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหมอนี่จะจากไปทั้งอย่างนี้ ซึ่งมันก็ทำให้นางขวางเอาไว้ไม่ทัน
และในตอนที่นางกำลังไล่ตามไป ผู้ดูแลร้านที่อยู่ในห้องก็กล่าวขึ้นว่า “แม่นาง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่พวกท่านใช้ไปรวมแล้วห้าล้านผนึกซวนขอรับ”
หมายความว่า ให้นางเป็นคนจ่ายอย่างนั้นหรือ?
“อาหารมื้อนี้คุณชายว่านซื่อไม่ได้เป็นคนจ่ายเช่นนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“แม่นางน้อยพูดล้อเล่นหรือขอรับ ทั้วทั้งสมาคมการค้าต่างรู้ว่า ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถเอาเงินออกมาจากกระเป๋าของนายน้อยได้! เมื่อไรที่นายน้อยเชิญคนมาระประทานอาหาร เขาก็ไม่เคยที่จะต้องจ่ายมันเลยสักครั้งขอรับ” ผู้ดูแลร้านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
นี่มันเป็นเรื่องที่มีเกียรติมากอย่างนั้นหรือ? เจ้าหมอนี่จะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดถึงสั่งแต่ของราคาแพงที่สุดมา นั่นก็เพราะว่าเขารู้ดีว่าเขาจะไม่ต้องจ่ายมันน่ะสิ!
ด้วยความร่ำรวยของนาง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นจำนวนเงินที่มากมาย แต่นางก็ไม่ขาดผนึกซวนแน่นอนอยู่แล้ว
แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะคุยธุรกิจไม่สำเร็จแล้ว ยังมาถูกเจ้าหมอนี่หลอกลวงอีกด้วย
เพียงแต่นางก็ไม่อาจที่จะกินฟรีได้ เช่นนั้นมู่เฉียนซีจึงยอมที่จะจ่ายเงิน แล้วกล่าวถามว่า “แล้วนายน้อยของพวกเจ้าล่ะ?”
“หากนายน้อยของพวกเราไม่ต้องการที่จะพบใครสักคน ต่อให้แม่นางมู่พลิกหาจนทั่วทั้งเมืองปิงหวางก็หาเขาไม่เจอหรอกขอรับ อากาศเย็นมากแล้ว อีกทั้งยังค่ำมืดแล้วด้วย ให้ข้าพาแม่นางไปที่ห้องเพื่อพักผ่อนดีหรือไม่ขอรับ”
“โรงเตี๊ยมของสมาคมการค้าเฉินซีของพวกเรานั้นให้ความสะดวกสบายและมีบริการที่เอาใจใส่มากที่สุด ฉะนั้นแม่นางมู่สามารถวางใจในเรื่องนี้ได้แน่นอนขอรับ”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นเล็กน้อย ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดสมาคมการค้าเฉินซีถึงร่ำรวย เพราะมีลูกน้องที่รู้จักฉวยโอกาสในการทำเงินอย่างนี้นี่เอง
.