ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2107 รู้สึกดีมาก
ไม่ได้มีเพียงชิงหลงเท่านั้น แต่พวกของจูเชว่ต่างก็ตะลึงงันเช่นกัน อะไรนะ?
มู่เฉียนซีเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน เพราะนางก็เคยเห็นเฟิงอวิ๋นซิวใช้วิชาของตระกูลเฟิงมาก่อน
แต่ทว่าหลายครั้งที่ปะทะกับชิงหลงนางกลับไม่เคยสัมผัสได้ถึงความคล้ายคลึงใด ๆ เลย นึกไม่ถึงเลยว่าอารองจะมีสายตาที่ร้ายกาจเช่นนี้ เพิ่งจะประมือกันไปเพียงแค่ไม่กี่กระบวนท่าก็สามารถดูออกได้ถึงขนาดนี้แล้ว
เนื่องจากมู่เฉียนซีไม่ได้เกิดในแดนซวนเทียน ฉะนั้นจึงไม่รู้ว่าหากพูดถึงความสามารถในทางยุทธศาสตร์เชิงกลยุทธ์ที่กว้างขวาง มู่เฟิงหลิงอาจจะสู้องค์รัชทายาทเฟิงอวิ๋นไม่ได้ แต่พรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ของเขากลับไม่ได้ด้อยไปกว่าท่านพ่อของนางเลยแม้แต่น้อย
มู่เฟิงหลิงกล่าวต่อไปว่า “น่าเสียดายที่เจ้าไม่ได้มีสายเลือดของตระกูลเฟิง อันที่จริงแล้วมีบางทักษะที่อาจจะขวางการเติบโตของเจ้าอยู่”
“หากเจ้าต้องการจะก้าวข้ามตนเอง เช่นนั้นก็ต้องทำลายสิ่งกีดขวางเหล่านี้ไปซะ และมันจะทำให้ส่วนที่ได้รับผลกระทบจากตระกูลเฟิงเหล่านั้นหายไป!”
“เจ้าจะต้องจำเอาไว้ว่า เจ้าก็คือเจ้า”
ชิงหลงถูกทำให้ตื่นตกใจ จึงเป็นผลให้เขาถูกมู่เฟิงหลิงซัดจนลอยกระเด็นออกไปอีกครั้ง
การโจมตีของจูเชว่ลอยเข้ามาอีกครั้ง ซึ่งเปลวเพลิงก็เริงระบำอย่างบ้าคลั่ง
มู่เฟิงหลิงกล่าวว่า “นี่ถือว่าเป็นการโจมตีของพลังธาตุอัคคีด้วยหรือ? ผู้ที่เกิดมาเพื่อเป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคีควบคุมไฟเช่นนี้ได้อย่างนั้นหรือ?”
“ดูข้าให้ดี!”
ตูมมม โครมมม!
เปลวเพลิงนี้เปรียบเสมือนสัตว์ร้ายอย่างไรอย่างนั้น และไม่อาจที่จะสกัดกั้นพลังนี้ได้เลยแม้แต่น้อย
“แม้ว่าเจ้าจะหน้าตาคล้ายสตรี แต่การโจมตีด้วยเปลวเพลิงของเจ้ากลับทรงพลังเป็นอย่างมาก”
เดิมทีคิดอยากที่จะแสดงความสามารถเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอารองมู่ไม่เพียงแต่เป็นผู้ฝึกฝนขั้นสูงเท่านั้น กลับมีสายตาที่ร้ายกาจเช่นนี้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถมองข้อบกพร่องทั้งหมดของเขาออก และคาดว่าเขาในสายตาของอารองมู่จะต้องแย่มากเลยทีเดียว
และจูเชว่ก็ได้แต่ผิดหวังอย่างขมขื่นอยู่ภายในใจ!
หลังจากนั้นไป๋เจ๋อและฉงหมิงก็เข้ามา ทั้งสองคนนี้มีคนหนึ่งเป็นนักปรุงยา ส่วนอีกคนเป็นนักหลอมอาวุธ ซึ่งมีพรสวรรค์ในการต่อสู้ที่อ่อนแอกว่าเล็กน้อย แต่ก็ถือได้ว่ามีพรสวรรค์ที่ไม่เลวทีเดียว มู่เฟิงหลิงช่วยชี้ข้อบกพร่องให้พวกเขาที่ละคนและยังแก้ไขให้พวกเขาอีกด้วย
และการต่อสู้ในครั้งนี้ นับว่าพวกเขาได้เก็บเกี่ยวกันไปไม่น้อยเลย
แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ถูกมู่เฟิงหลิงทุบตีอย่างไม่ออมมือจนได้รับบาดเจ็บไปทั่วทั้งตัว แม้แต่คนที่มีความอดทนมากที่สุดอย่างชิงหลงก็แทบที่จะยืนไม่อยู่เช่นกัน
ชิงหลงกล่าวว่า “ขอบคุณท่านมู่มาก แต่ท่านสามารถมองออกได้อย่างไร? ท่านมีความคุ้นเคยกับตระกูลเฟิงมากอย่างนั้นหรือ?”
“นิสัยช่างสงสัย มันไม่ได้เป็นเรื่องดีเลยนะเจ้าหนู!” มู่เฟิงหลิงกล่าวอย่างไม่พอใจ
“ไป๋เจ๋อขอบคุณที่ท่านชี้แนะ!” ไป๋เจ๋อรีบกล่าวเพื่อขัดจังหวะทันที
จูเชว่กล่าวว่า “อารองมู่โปรดวางใจ ข้าจะฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง และคราวหน้าข้าจะทำให้ท่านหาข้อบกพร่องไม่เจออย่างแน่นอน”
ฉงหมิงถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง หรือว่าเขาจะเหมาะสมกับการหลอมอาวุธจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
“มู่เฉินซีโชคดีมากจริง ๆ ที่มีอารองเก่งกาจถึงเพียงนี้”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “แค่นี้ก็อิจฉาแล้วหรือ ท่านพ่อและอาเล็กของข้าก็เก่งกาจเช่นกัน หลังจากที่เจ้าได้รู้แล้วจะต้องตกใจเป็นแน่”
“ข้าอิจฉานิดหน่อยเท่านั้น เพราะพ่อบุญธรรมของข้าก็เก่งกาจมาก และอาจารย์ของข้าก็เก่งกาจเช่นกัน พูดออกมาเจ้าก็ต้องตกใจมากแน่” ฉงหมิงกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้
“เช่นนั้นเจ้าก็พูดสิ!”
“เฮอะ! ผู้หญิงอย่างเจ้ากำลังล่อหลอกข้า ข้าไม่หลงกลเจ้าหรอกนะ!” ฉงหมิงกล่าวอย่างฮึดฮัด
มู่เฟิงหลิงกล่าวว่า “ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้ามีแผนการอะไร หรือคนที่อยู่เบื้องหลังของเจ้าคือใคร! แต่คนที่สำคัญที่สุดของข้าก็คือซีเอ๋อร์ ใครกล้ามารังแกหรือทำร้ายซีเอ๋อร์ ข้าไม่มีทางปล่อยไปแน่”
“เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อน ข้าจะกลับไปเตรียมการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย” กล่าวจบชิงหลงก็จากไปอย่างรวดเร็ว
“ข้าก็จะกลับไปทบทวนให้มากขึ้น และจะต้องเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมากขึ้นแน่” ฉงหมิงก็หนีไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ไป๋เจ๋อกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ข้าอยากจะพูดคุยกับเฉียนซีเกี่ยวกับเรื่องของดินแดนทางตอนใต้ของราชวงศ์ตงหวงสักหน่อย”
“ได้ เสี่ยวเหลิ่งรับผิดชอบดินแดนทางทิศตะวันออก เจ้าก็มาด้วย” มู่เฉียนซีกล่าว
“ข้าก็จะไปด้วย! ซีซี!” จูเชว่กล่าวอย่างตื่นเต้น
มู่เฟิงหลิงกล่าวว่า “นี่มันเกี่ยวกับเจ้าด้วยอย่างนั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าเกี่ยวอยู่แล้ว ข้ารับผิดชอบเรื่องข่าวกรอง และมีข่าวมากมายที่จะต้องบอกซีซีด้วย”
หลังจากที่คุยธุระเรียบร้อยแล้ว ไป๋เจ๋อก็จากไปอย่างรวดเร็ว มีเพียงแค่จูเชว่ที่ยังอิดออดอยู่ที่นี่และไม่ยอมจากไปเสียที
เมื่อบอกกล่าวข้อมูลต่าง ๆ และเรื่องน่าสนใจให้มู่เฉียนซีได้ฟังแล้ว ถึงแม้จะถูกมู่เฟิงหลิงใช้สายตาที่ราวกับจะฆ่าคนได้ก็มิปานจ้องมองอยู่ แต่เขาก็ยังคงสามารถยืนหยัดต่อไปได้
สุดท้ายแล้วมู่เฟิงหลิก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป “ข้าให้จะให้สามทางเลือกแก่เจ้า หนึ่งคือถูกข้าโยนออกไป สองคือถูกข้าต่อยหน้าแล้วโยนออกไป สามคือไสหัวออกไปด้วยตนเอง”
กำปั้นของมู่เฟิงหลิงลั่นเป็นเสียงเอี๊ยดอ๊าดออกมา และจูเชว่ที่ไม่อยากให้ใบหน้าอันงดงามจนล่มเมืองได้ของเขานี้ต้องถูกทุบตีจนซีซีจำไม่ได้ เขาจึงรีบเผ่นแน่บออกไปอย่างรวดเร็ว
“ซีซี อย่าลืมคิดถึงข้าด้วยนะ!” หลังจากที่หนีออกไปไกลมากแล้ว เสียงของจูเชว่ก็ลอยขึ้นมา
“วอนซะแล้ว!” เมื่อมู่เฟิงหลิงได้ยิน ก็โมโหมากจนอยากจะไล่ตามไปทุบจูเชว่อีกสักทีจริง ๆ
แต่มู่เฉียนซีกลับดึงมู่เฟิงหลิงเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว “อารองอย่าโมโหไปเลยเจ้าค่ะ นี่เป็นแค่นิสัยของจูเชว่เท่านั้นเอง”
มู่เฟิงหลิงมองไปไกล จากนั้นแววตาก็มืดลง พลางกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ ที่นี่มีสุราบ้างหรือไม่? อาการบาดเจ็บของข้าฟื้นฟูจนดีขึ้นมากแล้ว น่าจะดื่มพวกสุราได้แล้วล่ะ”
“แน่นอนว่ามีอยู่แล้ว ที่นี่มีสุราอยู่ทุกประเภท ข้าจะพาท่านไปโรงเก็บสุรา ท่านเลือกได้เองเลยเจ้าค่ะ” มู่เฉียนซีกล่าว
“ตกลง!”
“แต่ว่าอารอง ท่านเป็นอะไรหรือเจ้าคะ? ดูท่านไม่มีความสุข หรือท่านอยากจะไปอีกแล้วหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ข้ารับปากซีเอ๋อร์แล้ว ว่าจะไม่ไปไหนแน่นอน เพียงแต่พอเห็นเจ้าพวกเด็กบ้านั่นแล้วก็คิดถึงเพื่อนเก่าขึ้นมาน่ะ”
ในตอนที่ยังเยาว์วัย สวมเครื่องแต่งกายอันงดงาม ขี่อาชาแสนองอาจ พวกเขาได้ฝึกฝนหาประสบการณ์จากกองทัพไปด้วยกัน แต่กลับเป็นเพราะความทะเยอทะยานของเจ้าสารเลวเหล่านั้น ทำให้พวกเขาต้องตายจนสิ้น
มีพวกเขาบางส่วนที่ถูกศัตรูสังหารไปในระหว่างการสู้รบ และเพื่อที่จะปกป้องพี่ใหญ่กับพวกเขาถึงต้องบาดเจ็บสาหัสจนตายไป นอกจากนี้ยังเพื่อที่จะคุ้มครองพวกเขาด้วย…
ด้วยกลิ่นหอมหวนของสุราอันหอมกรุ่น ทำให้มู่เฟิงหลิงหลุดออกมาจากห้วงแห่งความคิด
ดวงตาคู่นั้นของมู่เฉียนซีชื้นขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าอารองเศร้าโศกถึงเพียงนี้นางก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก และคิดว่าท่านพ่อก็คงไม่มีทางลืมรอยแผลนี้ได้เช่นกัน
“อารอง ท่านดื่มเถอะเจ้าค่ะ! และเอาเก็บกลับไปด้วย”
มู่เฟิงหลิงกล่าวว่า “ข้าดื่มคนเดียวได้ ซีเอ๋อร์ไปทำงานเถอะ! ไม่ต้องเป็นห่วงข้า”
มู่เฉียนซีรู้ดีว่าอารองต้องการพื้นที่สำหรับระบายอารมณ์เพียงลำพัง จึงได้พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เจ้าค่ะ!”
หลังจากที่มู่เฉียนซีออกมาจากโรงเก็บสุราแล้ว จึงกล่าวว่า “ไปทำยาแก้เมาค้างชนิดพิเศษเอาไว้หน่อยดีกว่า”
การมียาน้ำอยู่ในมือ ถึงมันจะทำให้ช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว แต่นางรู้ว่าอารองอยากที่จะเมามาย และอาละวาดอย่างจริงจังดูสักครั้ง
ดังนั้นนางจึงจำเป็นที่จะต้องค่อย ๆ คอยช่วยเหลืออารอง
ปล่อยให้เขาเมาได้ แต่ว่านางก็ไม่สามารถปล่อยให้อารองดื่มมากเกินไปจนทรมานได้
มู่เฟิงหลิงเริ่มเมามากแล้ว และในตอนที่เขาเมาจนสะลึมสะลืออยู่นั้น มู่เฉียนซีก็ได้ยินเขาเรียกแต่ชื่อคนที่ไม่รู้จัก บางทีคนเหล่านี้อาจจะไม่ได้ทิ้งลายลักษณ์อักษรอะไรไว้ในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ตงหวง แต่ทว่าคนเหล่านี้กลับเป็นเพื่อนตายที่ดีที่สุดในหัวใจของอารอง
นอกจากนี้ยังมีครอบครัวของเขา มีนาง ท่านพ่อ อาเล็ก ท่านแม่ ท่านย่า หรือแม้กระทั่งคนที่เขาเกลียดชังที่สุดอย่างท่านปู่
มู่เฉียนซีจ้องมองไปยังอารองที่ยังคงบ่นพึมพำอย่างเมามายอยู่บนเตียง แล้วจึงกล่าวว่า “อารอง ท่านนอนสักตื่นเถิดเจ้าค่ะ! สิ่งใดที่ต้องได้รับการชดใช้ พวกเราจะต้องเอาคืนเป็นสองเท่าได้อย่างแน่นอน”
วันรุ่งขึ้น มู่เฟิงหลิงตื่นขึ้นมาอย่างมีชีวิตชีวา และนอกจากนี้ยังไม่มีความรู้สึกปวดศรีษะราวกับจะแตกที่มักจะเกิดหลังอาการเมาค้างอีกด้วย
ภายในใจของเขาตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย เพราะตอนที่อยู่ในดินแดนทั้งสี่ทิศเขาถูกควบคุมอยู่ตลอด อีกทั้งยังสูญเสียความทรงจำ และตกอยู่ในสถานที่ที่อันตรายอีกด้วย
หลังจากที่มายังแดนซวนเทียนก็ถูกเผ่าคำสาปไล่ล่าอยู่เสมอ ซึ่งทำให้อยู่ในสภาวะตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา และไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนี้มานานมากแล้ว
“อารอง ดีขึ้นบ้างหรือยังเจ้าคะ?” มู่เฉียนซีเดินเข้ามา
“อื้ม! ดีขึ้นบ้างแล้ว ต้องขอบคุณยาน้ำที่ซีเอ๋อร์ให้ข้ามาจริง ๆ”
มู่เฟิงหลิงมองไปทางมู่เฉียนซีที่ยืนย้อนแสงอยู่ที่ประตูทางเข้า ภายในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่นราวกับดวงอาทิตย์ก็มิปาน จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มีซีเอ๋อร์อยู่เคียงข้าง อารองรู้สึกดีมากจริง ๆ มันยอดเยี่ยมมาก!”
“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันเจ้าค่ะ” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในวันที่สองชิงหลงก็ได้ส่งข่าวมา ว่าเขาได้ส่งคนมาเป็นผู้นำทางให้มู่เฉียนซี และคนผู้นั้นก็ได้มาถึงหอหมอปีศาจเรียบร้อยแล้ว
และตอนนี้ว่านซือเยี่ยนก็กำลังอยู่ที่เมืองปิงหวางในดินแดนทางตอนเหนือของราชวงศ์ตงหวง!
.