ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2094 จับเต่าในไห
ด้วยเจตนาฆ่าที่ชัดเจน และความสามารถของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าทำให้ชิงหลงขมวดคิ้วเล็กน้อย
ที่มาที่ไปของมู่เฉินซีนั้นลึกลับ และรอบกายของนางก็มักจะมีมือสังหารที่มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจนปรากฏตัวอยู่เสมอ ซึ่งชิงหลงก็คุ้มเคยกับมันมานานแล้ว
ชิงหลงกล่าวว่า “เขาคือ?”
“เขาคืออารองของข้า มู่อวู่เฟิง” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ชายสวมชุดสีดำที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้สวมหน้ากากปกปิดใบหน้าของเขาเอาไว้ และเมื่อชิงหลงจ้องมองไปยังดวงตาคู่นั้น เขาก็รู้สึกราวกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน?
แต่เขาก็นึกมันไม่ออกมาได้สักพักหนึ่งแล้ว
ปังง!
หลังจากนั้นทางด้านของหอรัตติกาลก็ปล่อยพลุสัญญาณออกมา เพราะสำนักหลินเยว่กำลังบุกเข้าไปอย่างดุเดือด พวกเขาจึงลงไปสนับสนุนอย่างรวดเร็ว
“ไป!”
หอรัตติกาลที่เดิมทีเงียบสงบ แต่เพราะการบุกรุกของสำนักหลินเยว่เหล่านี้ ได้ทำให้มีเสียงอึกทึกคึกโครมขึ้นมาทันที
“พวกเจ้าฟังข้าให้ดี เลิกต่อต้านได้แล้ว และจงเชื่อฟังคำสั่งของพวกข้าไปฆ่ามู่เฉินซีเสีย มิฉะนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หอรัตติกาลก็จะไม่มีอยู่อีกต่อไป”
“จะเสียงดังเกินไปแล้วนะ!”
คำพูดของคนจากสำนักหลินเยว่เหล่านี้ ได้ยั่วโมโหคนของหอรัตติกาลเป็นอย่างมาก
“ดูท่าแล้วพวกเจ้าจะไม่ยอมให้ความร่วมมือสินะ ฆ่ามัน!”
ตูมมม โครมม!
ในเวลานี้ ได้มีร่างจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งไปทางหอรัตติกาล และหอรัตติกาลก็ได้ถูกปิดล้อมเอาไว้ทั้งหมดแล้ว
แต่การต่อต้านของคนจากหอรัตติกาลก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีนักฆ่าบางส่วนที่ผูกพันธสัญญากับสัตว์เทพแล้ว และเข้าโจมตีพวกเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวอีกด้วย
การจะจัดการนักฆ่าเหล่านี้ไม่ง่ายเลย! รองเจ้าสำนักของสำนักหลินเยว่จึงเหลือบมองไปทางพวกเขาอย่างมืดมน
“มู่เฉินซีอยู่ที่ใดกันแน่? พูดออกมา?”
“ข้าก็อยู่ที่นี่อย่างไรล่ะ!”
ก่อนที่นักฆ่าของหอรัตติกาลจะได้ทันตอบคำถามของรองเจ้าสำนักผู้นั้น ก็มีเสียงที่สดใสของหญิงสาวดังขึ้นมาเสียก่อน
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าอยากจะเจอข้ามากเลยสินะ เจ้าสำนักของพวกเจ้ายังปลอดภัยดีอยู่หรือไม่?” มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“มู่เฉินซี เจ้าตายไปซะเถอะ!”
รองเจ้าสำนักผู้นี้เป็นถึงยอดฝีมือผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าขั้นสูงสุด เมื่อเห็นมู่เฉียนซีปรากฏตัว นางก็ได้รวบรวมพลังวิญญาณ และตรงเข้าไประเบิดกระบวนท่าสังหารทันที
นางคิดว่าจะฆ่าแม่สาวน้อยที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำผู้ให้ตายภายในพริบตาเดียว
ลมกระโชกแรงก่อตัวขึ้นเป็นวังวน พลันแหวกมิติออกจากกันในทันที และฝ่ามือหนึ่งก็ได้เหวี่ยงไปทางมู่เฉียนซีอย่างแรง
มู่เฉียนซีจ้องมองไปที่นางพลางกล่าวอย่างเหยียดหยามว่า “แค่เจ้าเพียงคนเดียว ฆ่าข้าไม่ได้หรอก”
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าคนหนึ่ง ได้เผชิญหน้ากับการโจมตีของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดคนหนึ่ง แต่ยังคงนิ่งสงบอยู่ได้ และนี่ก็จะต้องเป็นเรื่องที่คนอื่นยากจะจินตนาการได้อย่างแน่นอน
อย่างไรเสียระดับนั้นก็ต่างกันมากกว่าหนึ่งขั้น ซึ่งนับว่าเป็นความแตกต่างที่มากเกินไป เพราะเพียงแค่ผู้อาวุโสท่านนั้นโบกมือแผ่วเบา เด็กรุ่นหลังก็ขวัญหนีดีฝ่อได้แล้ว
ในตอนที่พลังนั้นกำลังจะบดขยี้มู่เฉียนซี ก็ได้มีแสงสีแดงเข้มสว่างวาบเข้ามา และดาบเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมากลางอากาศ
มันคือดาบหนักเล่มหนึ่ง เป็นดาบที่มีขนาดใหญ่กว่าดาบทั่วไปเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังหนาและหนักมากด้วย!
และก็คือดาบเล่มนี้ ที่สามารถผ่าพลังฝ่ามือนั้นจนหายไปอย่างหมดจดได้
จากนั้นดาบหนักก็เอียงไปด้านหน้าเล็กน้อย และพลังแห่งดาบก็ได้พุ่งเข้าโจมตีรองเจ้าสำนักของสำนักหลินเยว่อย่างรุนแรง
ตูมมม โครมมม!
ความหวาดผวาปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของรองเจ้าสำนักหลินเยว่ พลังวิญญาณของนางก็พลันระเบิดออกมา และเปลี่ยนจากการโจมตีเป็นเกาะป้องกันแทน จากนั้นก็หลบหลีกอย่างรวดเร็ว ถึงจะสามารถทำให้ตนเองไม่ได้รับบาดเจ็บได้
นางมั่นใจว่า คนผู้นี้จะต้องเป็นคนที่สังหารผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดทั้งสองคนจากสำนักหมอทมิฬและสำนักหลินเยว่ผู้นั้นเป็นแน่
ชิงหลงก็ผงะไปเล็กน้อยเช่นกัน ความสามารถของอารองของมู่เฉินซีผู้นี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังแข็งแกร่งกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าที่เขาเคยเจอมาทุกคนเสียอีก
ชิงหลงโบกมือพลางกล่าวว่า “ฆ่ามัน! อย่าให้คนของสำนักหลินเยว่รอดไปได้แม้แต่คนเดียว”
“คุณชายชิงหลง!”
ชิงหลงปรากฏตัวออกมาพร้อมกับนำคนมาด้วย ซึ่งมันก็ทำให้คนจากสำนักหลินเยว่ก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“คุณชายชิงหลง ทำไมเจ้าต้องเข้ามายุ่งด้วย ต้องรู้เอาไว้นะว่าสำนักหลินเยว่ของพวกเราไม่ใช่สำนักที่จะจัดการได้ง่าย ๆ เจ้าอย่าได้หาเรื่องเดือดร้อนให้ตนเองเลย” รองเจ้าสำนักหลินเยว่กล่าวอย่างเคร่งขรึม
สำหรับคำพูดของคนผู้นี้ ชิงหลงไม่ได้คิดที่จะตอบกลับอยู่แล้ว นอกจากนี้เขายังเป็นแนวหน้าในการสังหารคนของสำนักหลินเยว่อีกด้วย
เขาได้ใช้การปฏิบัติจริงในการตอบนาง และการคุกคามจากสำนักหลินเยว่ของพวกนางล้วนไม่ได้อยู่ในสายตาของคุณชายชิงหลงอย่างเขาเลยแม้แต่น้อย
และในขณะนั้นเอง ก็ได้มีลำแสงจากดาบพุ่งเข้ามาจู่โจมอีกครั้ง
“บัดซบเอ้ย!” นางบ่นพึมพำออกมา และรีบร้อนหลบอย่างรวดเร็ว
คราวนี้ นางช้าไปก้าวหนึ่ง!
ฉัวะ!
แสงของดาบครูดผ่านร่างของนางไป แม้ว่าจุดตายจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ทว่าบนร่างของนางกลับถูกย้อมไปด้วยเลือดจำนวนไม่น้อยเลย
“ดีจริง ๆ! คิดไม่ถึงว่าจะกล้าทำร้ายข้า เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าก่อน แล้วค่อยไปฆ่ามู่เฉินซีก็แล้วกัน”
“ฝันไปเถอะ!” กลิ่นอายของมู่เฟิงหลิงน่าสะพรึงกลัวมากขึ้นไปอีก แน่นอนว่าหญิงผู้นี้ได้ไปสัมผัสโดนต่อมโมโหของเขาเข้าเสียแล้ว
คนที่คิดจะฆ่าซีเอ๋อร์ จะต้องถูกกำจัด!
ปัง ปัง ปัง!
ต่อมา ยอดฝีมือทั้งสองคนก็เริ่มต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ยอดฝีมือคนอื่นต่างถูกคนของชิงหลงและคนของหอรัตติกาลพัวพันอยู่ จึงหมดหนทางที่จะเข้าไปช่วยเหลือรองเจ้าสำนักได้
รับมือยากเหลือเกิน!
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!
ด้วยบาดแผลบนร่างกายที่ยิ่งสาหัสมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้กลิ่นอายของรองเจ้าสำนักของสำนักหลินเยว่ก็เปลี่ยนเป็นอ่อนแอลงเช่นกัน
“เจ้าพวกไร้ประโยชน์! มู่เฉินซีล่ะ! จนถึงตอนนี้แล้ว พวกเจ้ายังจัดการมู่เฉินซีไม่ได้อีกหรือ?” นางกล่าวอย่างโกรธเคือง
แผนการตอนนี้ คือการตรึงชายผู้นี้เอาไว้ จากนั้นก็ให้คนอื่นหาโอกาสในการสังหารมู่เฉินซี
เพราะทันทีที่ฆ่ามู่เฉินซี อารองที่ใส่ใจนางมากผู้นี้จะต้องเจ็บปวดใจมากอย่างแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้นเขาก็จะต้องโดนการโจมตีที่รุนแรงของนาง
ถึงความปรารถนาของรองเจ้าสำนักของสำนักหลินเยว่จะเป็นเช่นนี้ แต่ทว่าลูกน้องเหล่านั้นของนาง กลับไม่มีหนทางที่จะสามารถทำได้เลย
“คนล่ะ!”
“มู่เฉินซีอยู่ไหน?”
ในเวลานี้พวกเขารู้สึกเสียใจภายหลังที่เลือกเข้ามาจู่โจมตอนกลางดึกเช่นนี้แล้ว ด้วยแสงที่มืดสลัว และคนที่กำลังต่อสู้กันอย่างวุ่นวาย ทำให้ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเขาจะค้นพบร่างเงาของมู่เฉียนซี แต่ผลสุดท้ายนางกลับหายวับไปราวกับภูติผีอย่างไรอย่างนั้น
และมู่เฉียนซีก็ได้ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตา เพื่อมาอยู่เบื้องหลังของเป้าหมายที่นางเลือกเอาไว้ในทันที
พัดวิหคเฟิงหลิงถูกกางออก และพลังวิญญาณธาตุวายุก็ระเบิดออกมาอย่างสมบูรณ์
นัยน์ตาของคนผู้นั้นหดตัวลงทันที จากนั้นก็กล่าวอย่างตื่นตกใจว่า “ไม่…”
ฉัวะ!
ดาบวายุคร่าชีวิตไม่มีทางหยุดการโจมตีที่รุนแรงถึงชีวิตเพียงเพราะนางไม่เห็นด้วยหรอกนะ
ปังง!
“มู่เฉินซี เจ้าตายซะเถอะ!” ในตอนที่มีคนค้นพบว่าลูกศิษย์สำนักหลินเยว่ของพวกนางถูกมู่เฉินซีสังหาร คนผู้นั้นก็เคียดแค้นจนอยากจะเข้ามาฆ่ามู่เฉินซีทันที
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่!”
คนผู้นี้คือผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับกลางคนหนึ่ง หากต้องต่อสู้กับนางก็ถือว่าค่อนข้างอันตรายเลยทีเดียว แต่ทว่ามู่เฉียนซีได้ให้สัตว์พันธสัญญาทั้งสามตัวของนางออกมาภายในคราวเดียว
เช่นนั้นในตอนนี้ ยากที่จะบอกได้ว่าผู้ใดกันแน่ที่ตกอยู่ในอันตราย
พรึ่บ!
คนผู้นั้นถูกกองเพลิงห่อหุ้มเอาไว้ และเสี่ยวหงก็พุ่งออกไปพลางกล่าวว่า “ข้าจะจัดการคนผู้นี้เอง! พวกเจ้าไปหาคนโชคร้ายคนอื่นเถอะ!”
เรื่องที่สำนักหลินเยว่จะลอบโจมตีหอรัตติกาลในคราวนี้ ได้ถูกจูเชว่รู้เรื่องมานานแล้ว ฉะนั้นพวกเขาจึงใช้แผนจับเต่าในไหมาซ้อนแผนเข้าไปอีกที
วันนี้คนของสำนักหลินเยว่จะต้องไม่มีใครหนีรอดไปได้สักคนเดียว และจะไม่มีใครสามารถขโมยไก่ได้ โดยไม่ต้องเสียข้าวสารแม้แต่กำมือเดียว
พรวดด!
รองเจ้าสำนักของสำนักหลินเยว่ถูกมู่เฟิงหลิงโจมตีจนพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า เสื้อผ้าของนางถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดงเลือด นอกจากนี้คนอื่นยังได้รับความเสียหายอย่างหนัก และเสียกำลังคนไปอย่างน้อยสองในสามแล้ว
ดวงตาของรองเจ้าสำนักหลินเยว่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “พวกเจ้า…พวกเจ้าบังอาจนัก!”
“พวกเราถูกหลอกแล้ว”
มู่เฉียนซีโผล่ออกมาจากข้างหลังของมู่เฟิงหลิงพลางกล่าวว่า “พวกเจ้าพึ่งมารู้เอาตอนนี้หรือ เหมือนว่าการตอบสนองจะช้าไปสักหน่อยนะ! ยังจะสู้อยู่อีกหรือไม่? แต่ถึงอย่างไรก็สู้ไม่ได้อยู่ดี ฉะนั้นข้าขอแนะนำว่าให้เจ้าประหยัดพลังเอาไว้หน่อยดีกว่า เพราะเมื่อตอนที่ถึงเวลากลับชาติมาเกิด เจ้าจะได้ยังมีแรงพอที่จะแทรกแถวคนอื่นแล้วกลับมาเกิดใหม่ได้เร็วขึ้นอีกหน่อย”
รองเจ้าสำนักโกรธจนหน้าดำหน้าแดง “ช่างน่าขันจริง ๆ คิดว่าสำนักหลินเยว่ของข้าจะสู้กับพวกหัวมังกุท้ายมังกรอย่างพวกเจ้าเหล่านี้ไม่ได้อย่างนั้นหรือ! มู่เฉินซี เจ้าคือคนที่จะต้องตายอย่างแน่นอน ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะดีใจ”
.