ท่านประธานที่รัก - ตอนที่ 432 เขาคือคนที่แคร์ที่สุด
กับซูเยี่ยน ซังหลินจวินเชื่อใจอยู่แล้ว
เขาพยักหน้าแล้วพูดอย่างหนักแน่น “หวังว่าคุณตำรวจซูจะจับตัวให้ได้เร็วๆนะครับ”
พอซังหลินจวินวางสายแล้ว ตอนที่กลับไปที่ห้อง ค่อยเห็นว่าคนที่นอนอยู่เมื่อกี้ตื่นแล้ว
มองเซิ่งชิงที่ผมยุ่งเหยิง ซูเยี่ยนโยนโทรศัพท์ไปข้างๆ แล้วก้าวเดินไปที่เตียง “อรุณสวัสดีชิงเอ่อร์ เมื่อคืนหลับสบายไหม?”
พอเซิ่งชิงได้ยิน ในหัวก็มีภาพการพัวพันที่รุ่มร้อนลอยเข้ามา หน้าเลยแดงแล้วก้มหน้าทันที
ซูเยี่ยนที่ร่างสูงถึงจะคิดว่ารู้จักเซิ่งชิงดี แต่กลับมีเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ อย่างเช่นตอนนี้
เห็นเธออยู่ๆก็ก้มหน้าไม่มองเขาเลย ซูเยี่ยนสงสัย พอสายตาเห็นหูของเซิ่งชิงแดงมาก เขาเลยเข้าใจทันที
จากนั้นก็นึกย้อนที่เขาพูดเมื่อกี้ เลยรู้ว่ามีที่ไหนแปลกๆ ในใจเลยไม่รู้จะทำยังไง
“วันนี้พักผ่อนอยู่บ้านนะครับ ฉันต้องไปโรงพัก” จากนั้นก็เดินไปจับหน้าเซิ่งชิง ซูเยี่ยนบอกแล้วก็จะออกไปเลย
“เดี๋ยว……” หน้าเซิ่งชิงยังแดงอยู่ แต่ตอนที่ซูเยี่ยนจะไป กลับดึงมือเขาไว้แล้วเอ่ย “ตอนเย็นกลับมากินข้าวหรือเปล่า? เดี๋ยวฉันจะทำให้”
ซูเยี่ยนพยักหน้าให้ “โอเค”
พอซูเยี่ยนไปถึงโรงพักแล้ว เรื่องแรกที่ทำคือโทรหาลูกทีม
“ผมได้ข่าวว่าผู้ต้องหาป่วยที่พวกคุณดูแลอยู่หลบหนีไป พวกคุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
ตอนที่ผู้บัญชาการเรือนจำได้รับโทรศัพท์จากเบื้องบนแอบดีใจ ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่เบื้องบนพูด จะถามอะไรที่เข้มงวดแบบนั้น ในใจเลยตกใจ แล้วเรียกผู้คุมขังมาถามเสียงเบา “นักโทษในเรือนจำเราหายไปหรือเหรอ?”
ผู้คุมขังหญิงที่หน้าตาดีส่ายหน้า “ไม่ได้ข่าวว่ามีนักโทษหลบหนีนะคะ แค่ข่าวลือหรือเปล่าคะ?”
ผู้บัญชาการเองก็ไม่ข่าวว่ามีนักโทษหลบหนี แต่เบื้องบนถามแบบนี้ ต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว ไม่แน่เขาอาจจะเจอนักโทษเองก็ได้ เธอเลยรีบโบกมือพูดว่า “ไปดูที่เรือนจำหญิงว่ามีคนอยู่หรือเปล่า”
ถึงแม้ในเรือนจำไม่มีทางมีนักโทษหนีไปแน่นอน แต่ผู้บัญชาการสั่งแบบนี้ เธอเลยต้องไปดู
ในมือผู้คุมขังถือกระบองกลับไปที่เรือนจำหญิง แล้วเอาโทรโข่งไปด้วย จากนั้นก็พูดเสียงดังกลางลานรวมตัวว่า
“ทุกคนในเรือนจำหญิงฟัง ให้ทุกคนออกมายืนเรียงที่ลานรวมตัว เราจะเช็กจำนวนนักโทษ”
ยังไม่ถึงเวลารวมตัว แต่อยู่ๆก็โดนเรียก คนที่หลับอยู่ก็ต้องรีบตื่นแล้วรีบลงไปรวมตัวกัน
ผู้คุมขังที่ถือโทรโข่งไว้ กวาดมองนักโทษที่ยืนเรียงกัน
จากนั้นก็เริ่มนับตั้งแต่แถวแรก
เรือนจำหญิงเป่ยเฉิงใหญ่มาก ห้องหนึ่งอยู่กันหกคน เหมือนหอพักในมหาวิทยาลัยทั่วไป เพราะฉะนั้นถือว่าเป็นพวกใช้กำลังในเรือนจำเลยแหละ
แน่นอน ถ้าไม่เทียบกับนักโทษชาย
พอตรวจนับคนเสร็จแล้ว ผู้คุมขังยังเอาใบรายชื่อมาเทียบด้วย ไม่เห็นว่ามีนักโทษหาย ในใจไม่รู้จะอธิบายยังไง เพราะถ้านักโทษหายไป งั้นก็แสดงว่าเธอบกพร่องในหน้าที่
แต่ถ้าอยู่ เบื้องบนจะยอมรับผิดเองเหรอ?
ไม่ว่ายังไง ผู้คุมขังก็รายงานรายชื่อที่ตรวจเช็กไปให้เบื้องบน
ตอนที่ซูเยี่ยนได้รับโทรศัพท์รายงาน พอรู้ว่าไม่มีนักโทษหาย ในใจเลยหงุดหงิดกว่าเดิม
ซังหลินจวินบอกว่าเฉินอินออกจากคุกแล้ว ทีแรกเขาไม่สงสัยเลย เพราะความปลอดภัยของเฉินเฉียว ซูเยี่ยนเชื่อว่า เขาเป็นคนที่แคร์ที่สุด
เพราะฉะนั้นกับคนที่คิดไม่ดีกับเฉินเฉียว ซังหลินจวินไม่ปล่อยไว้แน่นอน
ในเมื่อไม่เจอปัญหาอะไรในเรือนจำ เขาเลยต้องไปด้วยตัวเอง
เรือนจำหญิงอยู่ไกลจากตัวเมืองมาก เพราะฉะนั้นตอนที่เขาจะไปด้วยตัวเอง เขาเลยโทรบอกเซิ่งชิงก่อน
เซิ่งชิงที่กำลังเตรียมกับข้าวกับซูเยี่ยนอยู่ พอได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง เลยรีบเช็ดมือแล้วไปรับโทรศัพท์
พอเห็นคนที่โทรมา เป็นคนที่เธออยากเจอมากที่สุด ใบหน้าเลยยิ้มอย่างมีความสุข แล้วน้ำเสียงก็อ่อนหวานมากด้วย
“อาซู นายเลิกงานแล้วเหรอ?”
พอได้ยินเสียงที่อ่อนหวาน ซูเยี่ยนไม่อยากให้เธอได้ยินเลยว่า วันนี้เขาอาจจะกลับไปไม่ทัน
แต่เรื่องที่รับปากคนอื่นแล้ว ก็ไม่ทำไม่ได้
หักห้ามความรู้สึกผิดไว้ ซูเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงขอโทษ “ชิงเอ่อร์ ขอโทษนะ ฉันผิดนัดอีกแล้ว”
เซิ่งชิงที่กำลังจะพูดว่าเตรียมอาหารรอเขาแล้วยิ้มแห้ง ผ่านไปครู่หนึ่ง ค่อยเอ่ยด้วยเสียงที่ไม่ใช่ตัวเธอ
“ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่านายติดเรื่องงาน เรื่องงานสำคัญกว่า ฉันเข้าใจ”
แต่ว่า ก็ยังเสียใจอยู่ดี
เธอแค่แอบพูดเสียงเบาในใจ ไม่ให้เขารู้
ซูเยี่ยนยังอยากพูด แต่เซิ่งชิงเอ่ยก่อนว่า “อาซู วันนี้พี่ชายเรียกฉันกลับบ้าน เมื่อกี้ฉันกำลังจะบอกนายพอดี”
พอรู้ว่าเซิ่งชิงจะกลับบ้าน ซูเยี่ยนค่อยวางใจ
“งั้นชิงเอ่อร์ วันนี้เธอไปพักผ่อนที่บ้านก่อน พรุ่งนี้ฉันจะไปรับเธอนะ”
เซิ่งชิงตอบแล้วกดวางสาย
เซิ่งชิงเดินกลับไปที่ห้องครัวอย่างเฉื่อยชา มองเห็นอาหารจานสุดท้ายในกระทะ แล้วมองโต๊ะข้างนอกที่เต็มไปด้วยอาหาร จากนั้นก็ถอนหายใจ
ตอนที่ซูเยี่ยนไปที่เรือนจำหญิง เถียนเถียนที่จับตาดูสถานการณ์ในเรือนจำตลอด เลยรู้ว่าเรื่องโป๊ะแตกแล้ว
จากนั้นก็แอบส่งข้อความให้ลูกน้องหยุดมือก่อน เธอค่อยโล่งอกไปที
การเป็นศัตรูกับตำรวจ นี่เป็นเรื่องปกติไปแล้ว
“อาเถียน กลับมาเป่ยเฉิงสักที เธอไม่ดีใจเหรอ?” เสียงที่อ่อนโยนสบายหูดังอยู่ข้างเถียนเถียน มองเห็นบนตัวเถียนเถียนที่ใส่เดรสเปิดไหล่ เขาจึงถอดเสื้อคลุมสีขาวของตัวเองแล้วคลุมให้เธอ
“นายมาได้ยังไง คุณลุงบอกว่าไม่ให้นายมาไม่ใช่เหรอ?” เถียนเถียนตัดผมสั้นที่สบายหัว ถึงความเป็นผู้หญิงจะน้อยลง แต่ก็ดูมีเสน่ห์อีกแบบ
“เธออยู่ที่นี่ ฉันจะไม่มาได้ยังไง”