ท่านประธานที่รัก - ตอนที่ 374 ปลอบใจ
มีบ้านหรูหราหลังหนึ่งที่ห่างจากจิ้งหย่วนไม่มาก บ้านชั่วคราวของเซิ่งยวี่นั่นเอง เวลานี้มีคนเอาแต่เข้าๆออกๆที่บ้านหลังนั้น
เซิ่งยวี่นั่งพักผ่อนหย่อนใจอยู่ที่สวน เหมือนกำลังจะหลับ
เขาจามเพราะลมหนาวพัดผ่านมา กำลังจะเข้าไปในบ้าน แต่ทันใดนั้นกลับมีข้อความส่งเข้ามาในโทรศัพท์
เซิ่งยวี่เปิดอ่าน พิมพ์ตอบอย่างนิ่งเฉยแล้ววางโทรศัพท์
เซิ่งยวี่มีธุรกิจหลายธุรกิจ ธุรกิจในเป่ยเฉิงก็คือร้านอาหารชื่อดัง
ถึงเขาจะดูอ่อนโยน แต่ความจริงเป็นคนชอบท้าทาย
เพราะตอนที่อยู่ต่างประเทศชอบไปเล่นอะไรที่ผจญภัย ครั้งหนึ่งตอนที่เขากระโดดบันจี้จัมพ์ อยู่ๆกลับมีความคิดที่อยากเปิดร้านอาหารลอยฟ้า แน่นอนเขาไม่ทำร้านอาหารที่ลอยอยู่บนฟ้าจริงๆหรอก ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีทุน แต่คนที่กล้าไปร้านอาหารแบบนั้นคงมีน้อย
ที่อยากเปิดร้านอาหารไม่ใช่เพราะแค่อยากลอง แต่ก็เพื่อหากำไรด้วย
พอมีโอกาสมาทำงานที่เป่ยเฉิง เขาเลยชอบวิวกลางคืนที่สวยหรู เพราะแบบนี้ไอเดียที่เขากำลังจะเลิกทำกลับผุดขึ้นมาอีกครั้ง
ร้านอาหารเกร็ดหิมะ ร้านอาหารนี้เสียแรงเขามาก อาหารทุกจาน เขาตั้งราคาไว้สูงมาก แต่กับคนฐานะแบบนั้น ยังไงก็ต้องจ่ายได้อยู่แล้ว
เพราะแบบนี้ เขาเลยตั้งกฎว่า ถ้าใช้จ่ายครบหนึ่งล้านบาทในร้านอาหารเกร็ดหิมะ ก็จะมอบบัตรสมาชิกของร้านให้
จนถึงวันนี้ บัตรสมาชิกมีไม่เกินสามใบ สองใบในนั้น เขาให้น้องเล็กสองคนที่เขาเอ็นดู ถึงจะแปลกใจแค่ไหนว่าใครใจปั้มขนาดนี้ แต่ตอนนี้เขาอยากกลับไปนอนมากกว่า
เฉินเฉียวกลับบ้านแล้วเปิดถุงดู ค่อยเห็นว่าหลินจวินห่ออาหารที่เธอมองจนน้ำลายไหลกลับมา
เฉินเฉียวทำตัวไม่ถูก เพราะเธอรู้ ถ้ามีแค่หลินจวินคนเดียว เขาไม่มีทางทำแบบนี้แน่นอน
เพื่อแสดงความรู้สึกขอโทษ เฉินเฉียวเลยคล้องคอเขาไว้แล้วจูบเขาหลายฟอด
“ชอบของที่นั่นมากเลยเหรอ?” ซังหลินจวินตลกท่าทางที่เฉียวเฉียวเอาแต่กอดเขา ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจ
เพราะเฉียวเฉียวเป็นฝ่ายจูบเขาเพราะเรื่องแบบนี้ค่อนข้างทำให้เขาเสียหน้า
เฉินเฉียวคล้องคอเขาไว้ แล้วยิ้มตายี ฟังออกว่าน้ำเสียงหลินจวินหึง เธอเลยส่ายหน้า “เปล่าสักหน่อยที่รัก เพราะที่รักต่างหาก”
เธอรู้ว่าที่หลินจวินพาเธอไปร้านอาหารเกร็ดหิมะวันนี้ เพราะทั้งสองไม่ได้ออกไปกินข้าวด้วยกันนานแล้ว เขาก็แค่อยากมีเวลาเดทกัน ถ้าไม่ใส่ใจดีๆความคิดนี้อาจจะโดนมองข้าม
ยังดีที่เฉินเฉียวใส่ใจไม่มองข้าม
หูของซังหลินจวินแดงเล็กน้อย คำพูดที่ออกจากปากเฉินเฉียวทำให้เขาอุ่นใจ
บางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องพูด คนที่เข้าใจจะเข้าใจเอง
หลังปีใหม่ ซังหลินจวินก็เริ่มยุ่งกับงานบริษัท
อวี้เฟยที่ยืมให้ไปช่วยเฉินเฉียวก็เรียกตัวกลับมา
เฉินเฉียวที่เคลียร์งานบริษัทคนเดียวทำอะไรไม่ค่อยถูก ยังดีก่อนที่อวี้เฟยกลับไปสอนอะไรเฉินเฉียวไว้เยอะ
วันนี้ อากาศแจ่มใส มีแสงแดดที่ไม่ได้สัมผัสมานาน
เฉินเฉียวใส่เดรสสีฟ้าอ่อนนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน แววตาที่ตั้งใจกำลังอ่านเอกสารในมือ
ทันใดนั้น มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เฉินเฉียววางเอกสารแล้วตอบ “เข้ามา”
สีหน้าหลีชิงมีความเหินห่างเล็กน้อย
“บอสเฉินคะ ตัวแทนบริษัทเซิ่งกรุ๊ปจะพบคุณค่ะ”
“บริษัทเซิ่งกรุ๊ป?” แววตาเฉินเฉียวแปลกใจ เธอจำบริษัทที่ร่วมงานกับC&Jได้หมด แต่ไม่เคยได้ยินชื่อเซิ่งกรุ๊ปเลย
แต่เธอเป็นผู้นำ กับผลประโยชน์ที่จะนำพามาให้บริษัทเธอจะพลาดไม่ได้
“ให้เขาเข้ามา”
“ค่ะ” หลีชิงได้ยินที่เฉินเฉียวสั่งแล้วกำลังจะออกไป
ทีแรกเฉินเฉียวอยากเรียกเธอไว้ แต่คิดไปมาเลยปล่อยให้เธอออกไปก่อน
รอหลีชิงออกไปแล้ว เฉินเฉียวก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาค้นหาบริษัทเซิ่งกรุ๊ปทันที
ที่ผลที่ได้ กลับทำให้เธอประหลาดใจมาก
บริษัทเซิ่งกรุ๊ป ตอนที่เฉินเฉียวยังไม่ได้ค้นหา เธอคิดว่าเป็นบริษัทเล็กๆสักอีก
แต่พอลองค้นหาดูแล้ว กลับทำให้เฉินเฉียวสงสัยมากกว่าเดิม
บริษัทเซิ่งกรุ๊ปไม่ค่อยมีชื่อเสียงในเมืองเป่ยเฉิง แต่กลับเป็นบริษัทที่ก่อตั้งห้างหรูมากว่าร้อยปี
ของแบรนด์เนมหรูหรามีทั้งเครื่องเพชร กระเป๋า ลิปสติกกับเสื้อผ้า
พูดง่ายๆก็คือ ธุรกิจหลักของพวกเขาจะอยู่ด้านแฟชั่นมากกว่า
นี่ไม่ค่อยเกี่ยวอะไรกับ C&J เลย
พอดูชื่อผู้บริหารผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเซิ่งกรุ๊ปแล้ว เลยจำชื่อจำหน้าไว้ ในใจคิดว่าไม่ว่าเดี๋ยวใครเข้ามา ต้องรู้ให้ได้ว่าใครแนะนำพวกเขามา
ถ้าไม่มีใครแนะนำ อยู่ดีๆใครจะมาหาบริษัทพวกเธอ
ข้างล่างตึก มีผู้หญิงที่ใส่เดรสสีชมพูสุภาพนั่งอยู่ข้างคนขับในรถแลมโบกินี่ ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วถามคนข้างๆ “พี่ พี่จะเข้าไปจริงๆเหรอคะ ครั้งนี้ที่เรามาไม่ได้ขออนุญาตพี่ชาย ถ้าพี่ชายรู้ต้องว่าเราแน่ๆ” เสียงของผู้หญิงเอ่ยอย่างไม่ค่อยเห็นด้วย ตอนนี้เธอกำลังพูดเกลี่ยกล่อมพี่สาวอยู่
มีผู้หญิงที่หน้าตาคล้ายคลึงกันนั่งอยู่ที่นั่งคนขับ ซึ่งแตกต่างกับผู้หญิงที่ดูเป็นเด็กดี ถึงหน้าตาพวกเธอจะเหมือนกัน แต่สายตาอีกคนหนึ่งกลับมีความมั่นใจมากกว่า
เธอพูดปลอบใจน้องสาว “ชิงชิง ถ้าเธอไม่พูด พี่ไม่พูด ใครจะรู้ว่าพี่มาที่นี่ เธอรอที่นี่แหละ ถ้าทนรอไม่ไหว ก็ให้ไอ้ตำรวจคนนั้นมารับเธอไปก็ได้”
พอได้ยินพี่สาวเรียกคนที่ชอบแบบนั้น สีหน้าเด็กผู้หญิงเปลี่ยนไป แววตาไร้เดียงสามีความไม่พอใจแล้วพูดเตือนพี่สาว “พี่ เขาไม่ใช่ไอ้ตำรวจ เขาคือน้องเขยของพี่ หนูไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ต้องไม่ชอบเขาด้วย เขาไม่ได้ทำอะไรให้พี่ไม่พอใจสักหน่อย”
ผู้หญิงที่ที่นั่งคนขับยิ้มอย่างเย็นชาแล้วเอ่ย “ก็ที่มันหลอกเธอไปไง เรื่องนี้ให้อภัยไม่ได้”
ตอนที่ทั้งสองกำลังกระทบกระทั่งกัน มีพนักงาน C&J ลงมาเชิญขึ้นไป
ผู้หญิงที่นั่งที่คนขับรีบปรับอารมณ์แล้วพูดกับน้องสาวว่า “วันนี้พี่มาสืบข่าวเพราะคุณแม่ ชิงชิง พี่ไม่อยากทะเลาะกับเธอ เรื่องของเธอกับตำรวจคนนั้น ในใจพวกเธอรู้ดีก็พอแล้ว เพราะคนที่บ้านก็ห้ามเธอไม่ได้”