ท่านประธานที่รัก - ตอนที่ 293 คุณพ่อเป็นนกยูงที่เด่นสะดุดตา
“คุณผู้หญิง คุณไม่ดูทางแล้วมาชนเรา อย่างน้อยก็ควรขอโทษไหมคะ?” เฉินเฉียวถือกระบวยเหล็กไว้ แล้วเอาแต่หมุนๆในมือ
แต่ปู้ฮวานเหยียนกลับใจสั่น เล่นกระกวยคล่องเหมือนเล่นมีด คงเคยเรียนศิลปะป้องกันตัวมา เธอจะยุ่งด้วยไม่ได้
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอขึ้นเทรนในเวยป๋อกับซังหลินจวิน เธอก็เลยจำเธอได้
พอมาคิดตอนนี้ ตอนนั้นไม่ควรปากมากจริงๆ
แต่ปู้ฮวานเหยียนก็ไม่อยากก้มหน้าให้คนของซังหลินจวินต่อหน้าเขา เธอเม้มปาก ตอนที่ซังหลินจวินกับเฉินเฉียวเผลอ เธอไม่เอาที่หกเต็มพื้น แล้วรีบเหยียบส้นสูงวิ่งหนีเลย
จากนั้นก็ได้ยินลอยมาว่า ไม่มีตาเหรอ
เหมือนว่าเธอไปชนคนอื่นอีก
ซังหลินจวินอุ้มเหมิงเหมิงไปหาเฉินเฉียว ใช้มือข้างเดียวอุ้มเหมิงเหมิง ส่วนอีกข้างก็ชูนิ้วโป้ง “เก่งมาก เก่งจริงๆเลย ปราบโดยที่ยังไม่ออกรบ เฉียวเฉินเธอเก่งมาก”
เฉินเฉียวเบะปากหมดคำพูด “อะไรเนี่ย เธอก็แค่คนที่ชอบรังแกคนอ่อนแอ ก็แค่กลัวกระบวยเหล็กในมือฉันนี่แหละ”
เธอตบกระบวยในมือ แล้วเฉินเฉียวก็คิดว่าเธอควรจะซื้อมาเผื่อไว้อีก จะได้ใช้มาไล่แมลงที่น่ารำคาญ
พอคนก่อเรื่องไปแล้ว เฉินเฉียวกับซังหลินจวินค่อยเริ่มซื้อของ
เฉินเฉียวกับเหมิงเหมิงไม่ทำให้ผิดหวังเลย เพราะผู้หญิงเป็นนักช้อปปิ้งอยู่แล้ว
คนนึงชี้ขนม อีกคนชี้ของเล่น เอาแต่ซื้อซื้อซื้อ
ซังหลินจวินเลยต้องหยิบลงมาเมื่อเห็น
สุดท้ายหลังจากที่จ่ายเงินเสร็จ ของทั้งหมดก็ใส่เข้ารถไม่หมด
ยังดีที่เขาเดาได้ก่อน เลยโทรหาลุงฟู่ตั้งนานแล้ว
หลังจากที่ขนของไปที่รถลุงฟู่แล้ว ซังหลินจวินก็กอดภรรยาตัวเองกับลูกสาวขึ้นรถตัวเอง
ใบหน้ามาดขรึมยิ้มเหมือนดอกไม้ที่เบ่งบาน ยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก
เฉินเฉียวอุ้มเหมิงเหมิงมองบนใส่เขา
แถมยังแอบซุบซิบกับเหมิงเหมิง “ตอนนี้พ่อเราเหมือนนกยุงที่เด่นสะดุดตา อีกหน่อยถ้าเหมิงเหมิงเจอผู้ชายแบบนี้ ต้องหลีกเลี่ยงนะลูก”
เหมิงเหมิงที่ไม่เข้าใจว่าคุณแม่กำลังพูดอะไรพยักหน้า จึงทำให้สีหน้าซังหลินจวินตึง
หลังจากกลับบ้านแล้ว เฉินเฉียวปล่อยเหมิงเหมิงลงมา แล้วย้ายของที่วางอยู่ที่ห้องโถงไปที่ห้องครัวพร้อมป้ามั่ว
ทีแรกป้ามั่วยังสงสัยว่าทั้งสองสามีภรรยาซื้ออะไรกลับมา
แต่พอเฉินเฉียวเปิด เลยไม่รู้จะพูดยังไง
ปากป้ามั่วกระตุกแล้วถามคุณหญิง “ที่บ้านมีเครื่องครัวไม่ใช่เหรอคะ? ทำไมยังซื้อของใหม่มาอีก”
เฉินเฉียวหยิบหม้อหุงข้าว มีดหั่นผัก กระทะ เครื่องไมโครเวฟออกมาทีละอย่าง แล้วหันไปยิ้มเอ่ยกับป้ามั่ว “หนูเห็นว่าช่วงนี้หลินจวินว่างไม่มีอะไรทำ ครั้งก่อนเขาอยากทำอาหารให้หนูกิน แต่ว่า……”
อาจจะเพราะนึกถึงเรื่องครั้งก่อน เฉินเฉียวเลยส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“ตอนนี้เลยเตรียมเครื่องครัวให้เขา ถ้าว่างเขาจะได้ลองทำ ไม่งั้นหนูคงรับมือกับเซอร์ไพรส์ของเขาไม่ไหว”
อาหารที่อร่อยสิถึงจะเป็นเซอร์ไพรส์ที่ดี แต่อาหารแบบนั้นกินครั้งเดียวก็พอแล้ว ถ้าจะกินทุกมื้อ คงต้องให้เขาเรียนทำแล้วล่ะ
เพื่อปลอบใจเขา เฉินเฉียวเลยลงมือทำอาหารเอง
ตอนค่ำที่ซังหลินจวินกินอิ่มแล้วจูงมือเฉินเฉียวไปเดินเล่นที่สวน ซังหลินจวินเลยถามเรื่องที่วันนี้อยู่ๆเฉียวเฉียวก็ทำอาหาร “ทำไมอยู่ๆถึงทำอาหารล่ะ เธอไม่ชอบเข้าครัวไม่ใช่เหรอ”
ผู้หญิงก็คงเป็นแบบนี้แหละ ทำอาหารเป็น แต่ยอมแพ้กับห้องครัวที่มีควันมีกลิ่นน้ำมัน
แล้วห้องครัวก็เป็นตัวทำลายใบหน้าสวยๆ แถมยังอันตรายกับจมูกด้วย
เฉินเฉียวลูบท้องแล้วพูดอย่างขี้เกียจ “ก็เพราะนายไง นี่คือรางวัลของนาย”
พอซังหลินจวินได้ยินเฉินเฉียวพูดว่าทำเพื่อตัวเอง เลยพูดด้วยสายตาเอ็นดู “อีกหน่อยอย่าทำแบบนี้อีก ฉันไม่ขาดมื้อสองมื้อนี้หรอก ถ้าให้เธอทำทั้งๆที่ไม่ชอบ ฉันทำเองดีกว่า”
แต่ว่าซังหลินจวินก็นึกถึงฝีมือที่ย่ำแย่ของตัวเอง เลยไม่พูดถึงประเด็นนี้อีก
แต่เฉินเฉียวรอคำนี้ของเขามานานแล้ว ตอนนี้เขาเป็นฝ่ายพูดเอง เลยจับมือเขาเอ่ยอย่างดีใจ “หลินจวินนายพูดจริงจังหรือเปล่า นายยอมทำอาหารให้ฉันตลอดชีวิตเลยเหรอ”
ซังหลินจวินก็ต้องยอมอยู่แล้ว เลยพยักหน้าให้
พอได้คำตอบยืนยันแล้ว เฉินเฉียวเลยจูงมือเขาไปทางห้องครัวทันที
ซังหลินจวินที่ไม่รู้เรื่องก็จำเป็นต้องเดินตามเธอ
แต่พอเห็นห้องครัวที่รีโนเวทใหม่แล้ว เขาเลยกุมขมับ “เธอขุดหลุมให้ฉันแต่แรกแล้วสินะ”
เฉินเฉียวไม่ปิดบัง แต่กลับภูมิใจ ทุกคืนที่โดนซังหลินจวินก่อกวน ตอนเช้าเขายังมาตอแยเธออีก เฉินเฉียวเลยรู้สึกว่าควรจะหาอะไรให้เขาทำเพื่อลดพลัง
ซังหลินจวินไม่ได้คิดไกลเหมือนเฉินเฉียว เขาคิดว่าเธออยากกินอาหารที่เขาทำซะอีก
สิ่งที่เธอต้องการ เขาจะไม่ให้ได้ยังไง
เพราะฉะนั้นซังหลินจวินจึงกอดอ้อนเธอ แล้วตอบตกลง
เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ ทุกวันที่ซังหลินจวินเลิกงานแล้วก็ต้องมาเรียนทำอาหาร
รอเยี่ยนเฟิงที่ได้ข่าวแล้วมาหาเขา รู้สึกว่าซังหลินจวินเลี่ยนผิดปกติ
“ไอ่ซัง แกไปทำนามาเหรอ ทำไมหน้าดำขนาดนั้น”
ซังหลินจวินที่กำลังเครียดที่ความหล่อลดลงเอาแต่จ้องเยี่ยนเฟิง
จ้องจนเยี่ยนเฟิงเสียวสันหลังยกมือยอมแพ้
ได้ ไม่เล่นแล้วก็ได้
เยี่ยนเฟิงมองซังหลินจวินอย่างไร้เดียงสา รู้สึกยิ่งมองยิ่งน่ากลัว
“มาหาฉันที่บริษัททำไม” ซังหลินจวินเขียนเอกสารไปด้วย แล้วเอ่ยถามคนที่ไม่ได้รับเชิญ
ไม่มีเรื่องสำคัญไม่มีทางมาหรอก
ซังหลินจวินคิดว่าคำพูดนี้ เหมาะกับใช้บนตัวเยี่ยนเฟิงมาก
เยี่ยนเฟิงค่อยเริ่มจริงจัง แล้วเอาซองเอกสารออกมา วางลงบนโต๊ะทำงานซังหลินจวิน แล้วใช้นิ้วเคาะเบาๆ “ในนี้มีข่าวที่ช่วงนี้แกกำลังสืบ ไอ่ซัง ฉันเป็นเพื่อนที่ดีใช่ไหมล่ะ”
จริงจังได้แค่วิเดียว ก็กลับไปเป็นคุณชายไม่เอาไหนเหมือนเดิม
ซังหลินจวินเปิดซองเอกสาร จึงเห็นว่าในนั้นเป็นรูปของปู้ฮวานเหยียนกับผู้หญิงที่เขาเจอที่สถานบำบัด ทั้งสองคนทะเลาะกันรุนแรง”
แต่ดูจากท่าทางยืดเยื้อของพวกเธอ ก็รู้เลยว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอ ไม่ใช่แค่รู้จักกันธรรมดาๆแน่