ท่านประธานที่รัก - ตอนที่ 62 รักจนหัวปักหัวปำ
เมื่อแม่ของซังอวี้ได้ยินเช่นนี้เธอถึงกับชะงักขณะกำลังเล่นไพ่นกกระจอก“ อย่าไปยุ่งเลย พี่เป็นคนยังไงลูกก็รู้ดี เขารู้สึกรำคาญบรรดาลุง ๆ ใน บริษัทที่ต้องยอมอ่อนข้อให้เขา "
“ ไม่ต้องห่วง ผมรู้อะไรควรอะไรไม่ควร ผมจะช่วยป้าดูว่าเขาคิดจริงจังกับผู้หญิงคนนี้หรือไม่ บางทีมันอาจเป็นเพียงความสนุก โอเคแม่ผมยังมีอะไรต้องทำแค่นี้ก่อนนะครับ "ซังอวี้ไม่รอให้แม่ของเขาพูดอะไรก็วางสาย
แม่ของซังอวี้ที่อยู่ตรงนั้นทำตาดุ ลูกชายคนนี้นิ ถ้าไม่ไปสร้างเรื่องอะไรอีกก็คงจะดี
ในวันนั้นเฉินเฉียวไม่ได้กลับมาที่บริษัท
เธอรู้สึกว่าหลังจากความวุ่นวายในวันนี้เริ่นหมิงเซวียนคงอยากให้เธอหย่ากับปู้อี้เฉินโดยเร็ว
เธอไปที่สำนักงานกฎหมายเพื่อหาทนายความเพื่อขอคำปรึกษาจากนั้นก็กลับบ้านไปเปิดคอมพิวเตอร์และเขียนใบลาออกโดยไม่ได้คิดอะไรมากเธอส่งไปยังอีเมล์ของประธานโดยตรง
หลังจากทำสิ่งต่างๆนี้แล้วโทรหาหลี่ชิง
หลี่ชิงอยู่กับเธอมาหลายปีแล้วการที่เธอลาออกแบบนี้เท่ากับว่าหลายปีที่ผ่านมาหลี่ชิงเหนื่อยฟรี
ในอนาคตเมื่อผู้อำนวยการคนใหม่เข้ามาและจะเลื่อนตำแหน่งให้คนสนิทของเขาและจะเป็นเธอไปไม่ได้
โหยวจิ้งหลีคงจะเห็นหลี่ชิงเป็นหนามในตา
ก่อนที่เธอจะไปเธอต้องจัดการเรื่องหลี่ชิงเสียก่อน
หลี่ชิงได้ยินการลาออกของเธอทางโทรศัพท์รู้สึกเสียดาย แล้วก็พูดว่า: "จริงๆฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเดี๋ยววันนี้ก็จะมาถึง แต่ฉันคิดไม่ถึงว่ามันจะเร็วขนาดนี้ คุณเป็นผู้นำที่ดี ท่านผู้อำนวยการอย่าถ่อมตัวเลยค่ะ หลังจากนี้ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน ดิฉันขอตามไปพึ่งพิงคุณนะคะ "
เฉินเฉียวรู้สึกสะเทือนใจเมื่อเขาได้ยิน "ฉันก็ยินดีถ้าได้ดูแลเธอ ถ้าอยากที่จะมากับฉัน ฉันก็ยินดี แต่ว่าในอนาคตต้องเริ่มใหม่ทั้งหมดความเสี่ยงสูง เธออยากจะเสี่ยงไหมล่ะ "
"แค่ผู้อำนวยการยินดี ฉันก็ไม่มีปัญหาค่ะ"
เฉินเฉียวได้ยินหลี่ชิงพูดแบบนี้ก็ใจชื้น
นานๆทีจะมีเวลาว่างเฉินเฉียวไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อผักและทำอาหารในตอนเย็น
เจียงฉยงฉยงกลับมาและได้กลิ่นหอมฟุ้งเต็มห้องเธอวางกระเป๋าทันทีวิ่งไปห้องอาหารแล้วหยิบพายขึ้นมาเคี้ยวเข้าปาก“ เฉียวเฉียวเธอลงมือทำอาหารเองแบบนี้วันนี้ฝนตกแน่ๆ "
เฉินเฉียวจ้องไปที่เธอ "ล้างมือ! ทำไมทำเหมือนเด็กเลย "
เจียงฉยงฉยงหัวเราะ "ฮิฮิ" และวิ่งไปที่ห้องครัวเพื่อล้างมือ เมื่อมองไปที่ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานที่กำลังเดือดปุด ๆ อยู่ในหม้อเธอก็ถอนหายใจ: "ปู้อี้เฉินแต่งงานกับเธอแล้วไม่ทะนุถนอมให้ดีสักวันเขาจะเสียใจ
“ คืนนี้ดื่มไวน์ที่เธอเก็บมานานๆขวดนั้นดีไหม”
“ มีเรื่องอะไรให้ฉลอง”
"หย่ากับลาออก นับว่าเป็นเรื่องดีไหมล่ะ"
เจียงฉยงฉยงตะลึง "มี 300 ล้านหรอ?"
“ ไม่ แต่ไม่จำเป็น เดี๋ยวพวกเขาต้องวิ่งเต้นมาขอให้ฉันเซ็นใบหย่า ภายในสองวันนี้แน่ๆ"เฉินเฉียวมุ่งมั่น
เริ่นหมิงเซวียนจะต้องปรึกษากับทนายความในสองวันนี้อย่างแน่นอนซึ่งจะใช้เวลาพอสมควร
เจียงฉยงฉยงกอดเธอทั้งน้ำตา "นี่เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง เฉียวเฉียวที่รักของฉันในที่สุดก็ออกจากทะเลแห่งความทุกข์ทรมานดูเหมือนว่าที่ฉันไปขอพรที่วันชิงเทียนเป็นประจำไม่ได้ศูนย์เปล่า
“ งั้นต้องขอบคุณเธอนะ”เฉินเฉียวยิ้มและแปะมือเธอ"อย่ามัวแต่ยืนบื้ออยู่นี้ ไปเปิดไวน์เร็ว"
เจียงฉยงฉยงปล่อยเธอและหยิบไวน์แดงออกมาจากตู้ไวน์ เปิดขวดและล้างแก้วไวน์แดงอีกครั้ง
เฉินเฉียวเตรียมอาหารทั้งหมดนำไปห้องอาหารแล้วทั้งสองคนก็นั่งกินข้าว
เจียงฉยงฉยงเห็นบาดแผลที่มือและถามว่า "ไปโดนอะไรมา"
“แผลเล็กนิดเดียว เมื่อเช้าทะเลาะกับปู้ฮวานเหยียนและแม่เธอ "
เจียงฉยงฉยงรู้สึกโกรธ“ สองคนนี้จ้องแต่จะหาเรื่องพอว่างหน่อยก็เอาแล้ว ฉันว่าเธอต้องไปโรงพยาบาลไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าโดนหมาบ้ากัดต้องฉีดถึงจะปลอดภัย "
เฉินเฉียวตอบ"ปู้ฮวานเหยียนได้ยินเธอพูดแบบนี้ มีหวังได้โดนขย่ำปากแน่"
ขณะที่ทั้งสองคุยกันโทรศัพท์มือถือของเฉินเฉียวบนโต๊ะอาหารก็สั่น
เจียงฉยงฉยงยัดซี่โครงหมูชิ้นหนึ่งเข้าไปในปากของเธอหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอและส่งให้ "น้องสาวของเธอ"
เฉินเฉียววางแก้วไวน์ลงรับโทรศัพท์และได้ยินเฉินอินร้องไห้ควบคุมตัวเองไม่ได้
“你这怎么了? อยู่ดีๆทำไมถึงร้องไห้"
“ พี่ ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว!”เฉินอินกำลังสะอื้นและหลังจากที่อดกลั้นไว้เป็นเวลานานเธอก็พูดประโยคดังกล่าวออกมา
สีหน้าของเฉินเฉียนเปลี่ยนไป "เธออายุเท่าไหร่เอง พูดเรื่องบ้าอะไร"
เจียงฉยงฉยงเห็นสีหน้าเธอผิดปกติ อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง
เฉินอินร้องไห้อย่างหนัก“ ฉันเศร้ามากๆ เจ็บปวดหัวใจ พี่เคยชอบใครคนนึงมากๆแบบฉันไหม"
เฉินเฉียวตกใจ
ที่แท้ที่เฉินอินเป็นแบบนี้ เกี่ยวกับซังหลินจวินหรอ
"เกิดอะไรขึ้น"
“ พี่สาวรู้ไหมทุกวันที่ฉันไปทำงานฉันหวังว่าจะได้เจอเขา” แต่เขามาสาขาฉันน้อยมาก บางครั้งสองสามเดือนมาที ถ้าเขาไม่มาฉันจะไม่มีแรงไปทำงาน แต่พอเขามาฉันรู้สึกทรมานมากขึ้นหลังจากที่ได้เห็นเขา เพราะฉันได้แต่มองจากระยะไกลเท่านั้นและฉันไม่มีโอกาสได้คุยกับเขาด้วยซ้ำ! "
เฉินเฉียวฟังแล้วปวดหัวอย่างมาก
ตอนแรกคิดว่าเฉินอินคิดเล่นๆแปปๆแต่ตอนนี้ฟังแล้วเฉินเฉียวตกใจ
“ ตอนนี้ร้องไห้เพราะไม่เจอเขาเหรอ?”
ไม่ใช่อยู่แล้วเมื่อพี่สาวของเธอถามเฉินอินก็ร้องไห้อีกครั้ง "วันนี้ฉันได้ยินจากเพื่อนร่วมงานว่าคุณเถียนกลับมาแล้ว!"
คุณเถียนหรอ?เฉินเฉียวคิดว่านามสกุลนี้คุ้นๆ
“ คุณเถียนคือลูกของเถียนเฟิงเสียงผู้ถือหุ้นลำดับที่สองของหยวนเซิ่งกรุ๊ปและเธอชื่อเถียนเถียนเป็นแฟนกับประธานซังตั้งแต่เด็ก ประธานซังอายุน้อยขนาดนี้แต่ได้เป็นประธานเพราะว่าเถียนเฟิงเสียงหนุนหลังอยู่ ฉันได้ยินมาว่าแม่ของลูกชายของเขาคือคุณเถียนคนนี้ "
เฉินอินสำลักขณะที่เธอพูด
เฉินเฉียวยังจำได้ว่าคุณเถียนคนนี้เธอเคยได้ยินจากปากของป้ามั่ว
อย่างงั้นก็เป็นคู่หมั้นของซังหลินจวินสิ?
เฉินเฉียวถือโทรศัพท์และเดินออกไป
หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเฉินอินร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด: "พี่คะ ฉันจำทำยังไงดี ฉันคิดว่าเขาสนใจฉัน แต่เพราะว่าเขามีคู่หมั้นแล้วเลยไม่ได้มาสารภาพรักกับฉัน ฉันอยากจะสารภาพรักกับเขาแต่หาโอกาสไม่ได้"
“ เฉินอินใจเย็น ๆ ก่อนอย่าผลีผลาม”เฉินเฉียวรู้สึกว่าเฉินอินจะเข้าใจผิด
แม้ว่าเธอกับซังหลินจวินยังไม่ได้สนิทกันมากแต่คบกันมาระยะหนึ่งแล้ว เธอรู้สึกว่าซังหลินจวินเป็นคนที่ไม่ได้ชอบใคร และไม่กล้าสารภาพรักกับใคร
“ อีกฝ่ายไหนๆก็เป็นทั้งคู่หมั้นแล้ว แถมยังเป็นแม่ของลูกอีก เธอสารภาพรักไปก็ไม่มีประโยชน์ ทำไมถึงไปให้โอกาสเขาปฏิเสธแบบไม่มีเหตุผล "
เฉินอินสะอื้น "ถ้าไม่ได้สารภาพ ฉันก็ไม่สบายใจ พี่ไม่เคยรักใครอย่างฉันฉันรู้สึกว่าฉันรักเขามากจนฉันจะบ้าตายฉันทรมานกับเงาของเขาทุกวันมันเจ็บปวดจริงๆ "
เฉินเฉียวถือโทรศัพท์อยู่ แต่เธอไม่รู้ว่าจะปลอบเฉินอินอย่างไร จิตใจของหญิงสาวได้จมดิ่งลงไปในนั้นแล้วโดยที่เธอไม่รู้ตัว