ท่านประธานที่รัก - ตอนที่ 36 คุณไม่คู่ควรความอ่อนโยนและความเคารพของฉัน
โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่น
มองไปคำว่า 'ปู้อี้เฉิน' สามคำก็กระพริบบนหน้าจอ
เธอไม่อยากฟังกดวางสาย โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานดังขึ้นอีกครั้ง
เธอรู้ว่าถ้าไม่รับสายอีก เขาต้องตรงเข้ามาที่ห้องทำงานของเธอแน่ๆ
เธอเอื้อมมือรับเอาโทรศัพท์แนบหู
"ท่านประธานปู้คะ โทรจิกฉันแบบนี้จะโทรมาหัวเราะเยาะฉันใช่ไหมคะหรือคิดคำใหม่ที่จะเอามาแขวะฉันได้คะ"
ปู้อี้เฉินยังไม่ทันพูด เฉินเฉียวก็ชิงพูดก่อนไปแล้ว
เธอหยิ่งผยองและไม่ใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวล“ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ต้องโทรมา โครงการนี้คุณโหยวรับช่วงต่อไปแล้ว ต้องทำให้ดีถ้าทำไม่ได้ล่ะก็คุณกับปู้ฮวานเหยียนจะกลายเป็นตัวตลก แล้วก็ถ้าคุณเต็มใจจะเซ็นใบหย่า ฉันจะยกโครงการทั้งหมดที่อยู่ในมือให้คุณโหยวทั้งหมด แม้กระทั่งตำแหน่งของฉัน"
ด้วยคำพูดของเธอ ทำให้ปู้อี้เฉินกลืนคำพูดทั้งหมดที่ห่วงใยเธอและตอบด้วยเสียงเย็นฉา“ เฉินเฉียวรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเกลียดเธอมาก”
เฉินเฉียวหัวเราะเยาะ“ ฉันไม่สนใจ”
“ เธอก็เป็นแบบนี้ชอบประชดประชัน หยิ่งจองหองคิดว่าตัวเองดีกว่าใครเค้า ถ้ารู้จักอ่อนโยนพูดง่ายให้ได้สักครึ่งเหมือนจิ้งหลี ไม่ทำเหมือนเป็นศัตรูตลอดเวลาแบบนี้ พวกเราคงไม่เป็นแบบทุกวันนี้ "
เฉินเฉียวกำโทรศัพท์ในมือและหัวเราะเบา ๆ “ ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น ผู้ชายที่ทำลายชีวิตแต่งงานของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าและผู้ชายที่เอาแต่เหยียบย่ำฉันทำให้ฉันอับอายจะได้รับความเคารพและความอ่อนโยนของฉันได้อย่างไร ปู้อี้เฉินคุณไม่คู่ควร! "
ก่อนที่ปู้อี้เฉินจะได้พูดอะไรเฉินเฉียวก็วางสาย
ในการแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีความคาดหวังและความปรารถนา นี้คือผู้ชายคนที่พร่ำบอกว่าจะทำให้เธอได้รับรู้ถึงความอ่อนโยนเหยยีบหย่ำทำลายความหวังทั้งหมดของเธอ
ผู้หญิงถูกสร้างมาจากน้ำและไม่มีผู้หญิงคนไหนที่อยากเป็นช้างเท้าหน้า
เธอก็เหมือนกันปรารถนาที่จะมีแขนสักคู่ไว้สำหรับตอนที่เธอรับไม่ไหว ให้เธอพึ่งพิง
อย่างไรก็ตามปู้อี้เฉินไม่เคยเป็นคนที่ให้เธอพึ่งพิงได้เลย แต่กลับเป็นคนผลักเธอ
หัวใจของฉันตายไปแล้ว
แถมยังวางหนามไว้ทั่วตัวอีก
อย่างน้อยถ้าเข้าทำร้ายเธอ เธอก็ทำร้ายเขาได้
——
ให้ลูกน้องเลือกสถานที่ ปรากฎว่าเขาเลือกที่ที่วุ่นวาย
เฉินเฉียวตอบตกลงไปแล้ว คืนคำไม่ได้เธอเลยต้องไป
ในโอกาสนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะดื่มดังนั้นเธอจึงไม่ได้ขับรถ
คนในแผนกซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวเต้นกันอย่างมีความสุขบนฟลอร์เต้นรำ
เฉินเฉียวปฏิเสธคำเชิญให้เต้นรำเธอแค่นั่งดื่ม
เมื่อมองไปที่ท่าทางที่สนุกสุดเหวี่ยงของพวกเขาฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
เธอกับพวกเขาก็อายุพอๆกัน แต่ความกระตือรือร้นในตัวมันหายไปนานแล้ว
ตั้งแต่แม่ทิ้งเธอและพ่อไปเมื่อหลายปีก่อนเธอก็โตวันโตคืน ความรู้สึกของมนุษย์นั้นเย็นชามองออกตั้งนานแล้ว
โทรศัพท์สั่นชั่วครู่เธอก็กลับมามีสติและหยิบออกมาดูว่าเป็นข้อความ
——พี่เฉียวอยู่ที่ไหน?
หมายเลขที่ไม่คุ้นเคย อย่างไรก็ตาม "พี่เฉียว" คำนี้ เฉินเฉียวก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร มีเด็กเจ้าเด็กน้อยเท่านั้นที่เรียกเธอแบบนี้
เธอส่งโลเคชั่นไป
“ คิดไม่ถึงว่าโครงการหลุดไปแล้ว ผู้อำนวยการยังจะมีอารมณ์พาลูกน้องมาดื่ม”ตอนนี้จิ้งหลีอยู่ข้างๆเธอนั่งลงพร้อมกับแก้วไวน์ในมือราวกับว่าเธอเป็นผู้ชนะ
โลกนี่มันแคบจริงๆ
คิดไม่ถึงว่าพวกเขาก็อยู่ที่ผับ
โหยวจิ้งหลีรินไวน์ให้เฉินเฉียวเองกับมือ“ ผู้อำนวยการเฉินครั้งนี้ฉันต้องขอบคุณพวกคุณนะ ถ้าไม่เป็นเพราะว่าพวกคุณช่วยโครงการนี้ฉันคงเอามาไม่ได้ แก้วนี้ฉันดื่มให้คุณ ในอนาคตฉันยังคงต้องพึ่งพาคุณอีก "
เฉินเฉียวไม่ได้ดื่มและเก็บโทรศัพท์ไป
โหยวจิ้งหลีไม่สนใจเงยหน้าขึ้นและดื่ม
เธอลุกขึ้นยืนและยิ้ม“ ผู้อำนวยการเฉินระวังให้ดีนะ ของที่คุณมีในตอนนี้ ต่อไปฉันจะค่อยๆเอากลับคืนมาทีละนิดๆ "
เฉินเฉียวยิ้มและพูดตอบ "คุณโหยวคะอย่าลำบากเลย ถ้าทำให้ปู้อี้เฉินเซ็นใบหย่าได้ ฉันจะยกให้ทุกอย่างเลยฟรีๆ "
ใบหน้าของโหยวจิ้งหลีถอดสี
ข้อที่หนึ่งสิ่งที่เธออยากได้เฉินเฉียวไม่สนใจเลยสักนิด ข้อสองให้ปู้อี้เฉินเซ็นใบหย่าคืออะไร ที่พวกเขาไม่ได้หย่ากัน ไม่ใช่เพราะเฉินเฉียวไม่ยอมเซ็นหรอ
เฉินเฉียวไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เธอฟังเธอลุกขึ้นเรียกพนักงานมาเก็บเงินจากนั้นก็ออกไป
เฉินเฉียวดื่มไปเยอะและเดินไปตามถนนอย่างไร้จุดหมาย
เป็นคืนที่หนาวเหน็บอย่างยิ่ง
เธอสวมแค่เสื้อเชิ้ตและกระโปรงสั้นเธอรู้สึกหนาวมาก
ด้วยความมึนเธอกอดตัวเองแน่นและมองดูคู่รักที่เดินจับมือกันบนถนนรู้สึกขมขื่นในใจอย่างไม่มีเหตุผล
เธอรู้สึกว่าตัวเองน่าสงสาร
อายุ 26 ปีและแต่งงานแล้ว แต่ฉันยังไม่ได้ลิ้มรสความรักจนถึงตอนนี้ฉันกลับพบกับความทรมานของชีวิตแต่งงานทุกวัน
“ พี่เฉียว พี่เฉียว ผมเจอพี่เฉียวแล้ว "ในตอนกลางคืนรถหรูแล่นไปอย่างช้าๆที่ถนนตรงข้าม
ที่เบาะหลังซังโย่วอีตบเบาะ "คุณลุง จอดรถเร็วครับ"
คนขับจอดรถ
ซังโย่วอีเปิดประตูและลงจากรถทันที คนขับรถประหลาดใจ: "คุณหนูระวังครับ ช้าหน่อยครับ"
ซังโย่วอีไม่ได้ยินเขาวิ่งไปทางเฉินเฉียว
เฉินเฉียวรู้สึกสับสนขาของเธอถูกโอบกอดด้วยสองมือเล็ก ๆ เธอสะดุ้งตกใจและเมื่อเธอก้มลงเธอก็เห็นหน้าเล็กๆ
“ พี่เฉียว ไม่เจอกันนานเลย”
ในวินาทีถัดมาเด็กหน้าขาวๆเหมือนซาลาเปาพูด "คุณน้าไม่เชื่อฟังหรอ ดื่มเหล้าอีกแล้วใช่ไหม"
เฉินเฉียวใบหน้าเด็กน้อยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะฟังคำถามของเขาเหมือนกับผู้ใหญ่ที่ตัวเล็กถาม เธอสร่างเมาเล็กน้อยและอารมณ์หดหู่ของเธอก็ดีขึ้น
เธอลูบหัวเด็กน้อย"หนูมาที่นี่ทำไม"
“ คุณน้าบอกที่อยู่ ผมเลยให้คนขับรถพามา พี่เฉียว คืนนี้ผมจะกลับบ้านด้วย "
เฉินเฉียวรู้สึกงุนงงเล็กน้อย "อยากกลับบ้านกับฉันหรอ"
คนขับรถจอดรถเสร็จแล้วเข้ามาทักทาย: "คุณเฉิน"
เฉินเฉียวพยักหน้าและตอบว่า "ครั้งที่แล้วที่ไปส่งฉัน ยังไม่ได้ขอบคุณเลยค่ะ
ด้วยความยินดีครับ ถ้าจะขอบคุณคุณเฉินต้องขอบคุณนายท่านครับ "คนขับกล่าว
“?”เฉินเฉียวดูเหมือนจะไม่เข้าใจ คนขับมาส่งเธอกับชายคนนั้นเกี่ยวอะไรกัน
คนขับนึกได้ว่าพลั้งปากพูดไป รีบแก้ตัว: "ผมเป็นพนักงานของนายท่าน วันนั้นผมไปส่งคุณเฉิน นายท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะฉะนั้นต้องขอบคุณนายท่านครับ "
เมื่อคนขับรถพูดจบโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น "คุณเฉินครับ ผมขอรับโทรศัพท์สักครู่"