ท่านประธานที่รัก - ตอนที่ 13 คนที่ชื่อ‘ซัง’
หลังจากที่เฉินเฉียวนั่งลงอีกครั้งเขาก็เริ่มนึกถึงสิ่งที่ชายคนนั้นพูด
แบบนี้เป็นโรคติดต่อหรอ ใครสอนเธอ
– ที่แท้ คุณยังบริสุทธิ์อยู่จริงๆด้วย
สิ่งที่เขาพูด หมายถึงเรื่องคืนนั้นแค่จูบกันเท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์อะไรเกินเลยกว่านั้น เธอปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อซะแล้ว กังวลไปซะเอง จริงด้วยที่คืนนั้นร่างกายของเธอไม่ได้รู้สึกระบมเลยซักนิด ไม่ว่ามันนุ่มนวลอ่อนโยนแค่ไหน แต่ไม่น่าจะถึงขนาดไม่รู้สึกอะไรเลย เธอน่าจะรู้ตั้งนานแล้ว
อย่างไรก็ตามเธอเป็นสาวบริสุทธิ์ที่ยังไม่มีประสบการณ์
เธอเบ้ปาก เมื่อนึกถึงคำหยอกล้อของชายคนนั้น
สาวบริสุทธิ์ บริสุทธิ์แล้วจะทำไมล่ะ มันน่าอายตรงไหน?
ในเวลาต่อมาเฉินเฉียวยุ่งมาก เธอลืมเรื่องวันนั้นไปแล้ว
ในที่สุดรัฐบาลก็ปล่อยที่ดินแปลงใหม่ออกมาแล้ว แต่คิดอยากจะครอบครองเยอะไปหน่อย ปู้ซื่อกรุ๊ปและบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลเฉินต้องการร่วมมือกันเพื่อแย่งชิงที่ดินผืนนี้ นี่จะเป็นก้าวสำคัญสำหรับแผนระยะยาวของทั้งสองบริษัทในอนาคต
แม้ว่าปู้อี้เฉินจะเสเพล แต่เขาก็รู้ว่าเวลานี้ควรทำอะไร ในทุกวันนี้เขาเข้ามาที่บริษัทขยันขันแข็งขึ้นมาก
อย่างไรก็ตามไม่ว่าโอกาสไหนๆเขาจะมองเธอตรงๆ มองด้วยหางตาราวกับว่าเธอเป็นตัวเชื้อโรค
เฉินเฉียวรู้สึกว่าโดนดูถูก แต่เธอก็รู้สึกโล่งใจ
ในวันนี้ เฉินเฉียวหลังจากทำงานเสร็จ ก็รับสายจากเฉินอันพ่อของเธอ"ตอนเย็นแกกับอี้เฉินกลับบ้านมากินข้าวด้วยนะ มีเรื่องที่ดินจะคุยด้วย"
เฉินเฉียวตอบตกลง เธอไปได้ แต่ปู้อี้เฉินจะไปด้วยหรือเปล่าไม่รู้ เธอยังคงไม่โทรหาปู้อี้เฉิน
เมื่อเธอเลิกงานเธอก็เดินออกจากบริษัทและเห็นรถของปู้อี้เฉินจอดอยู่หน้า บริษัท
เธอตั้งใจว่าจะทำเป็นมองไม่เห็น แล้วไปขับรถตัวเอง แต่หน้าต่างรถของปู้อี้เฉินลดลงและชะโงกหัวเรียกเธอ "ขึ้นรถ"
เฉินเฉียวไม่ต่อต้าน ขึ้นรถแต่โดยดี เธอคาดเข็มขัดนิรภัยพร้อมกับพูดติดตลกว่า "นานๆทีจะได้นั่งรถประธานปู้ รู้สึกเป็นเกียรติมาก"
เมื่อสิ้นคำพูดปลายนิ้วดูเหมือนจะสัมผัสอะไรบางอย่าง เธอขยับตัวและดึงผ้าไหมสีดำสุดเซ็กซี่ออกจากด้านหลังเอว – เป็นไหมสีดำที่ถูกฉีกจนขาด
เป็นไปได้ว่าก่อนหน้านี้เข้าพาผู้หญิงอื่นมา ระเริงรักกันบนรถ คงจะรุนแรงน่าดู
เฉินเฉียวรู้สึกจุกอยู่ในคอ
เธอปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้สึกอะไรกับผู้ชายคนนี้เลย
เป็นอะไรไป ตกใจอีกแล้วหรอ"ปู้อี้เฉินมองใบหน้าซีดเซียวของเธอด้วยความสะใจที่ได้ตอกกลับ
เฉินเฉียวยิ้ม ม้วนไหมสีดำเป็นลูกบอลแล้วโยนมันเข้าไปช่องเก็บของในรถ ค่อยหานามบัตรออกจากกระเป๋าและส่งให้ปู้อี้เฉิน"อันนี้เหมาะกับคุณนะ"
ปู้อี้เฉินขับรถโดยไม่ได้ยื่นมือมารับนามบัตร แต่มองเธออย่างเย็นชา
เฉินเฉียว ยัดนามบัตรของเขาลงในกระเป๋าด้านหน้าของสูทแล้วปรับเน็คไทระหว่างคอของเขาแล้วยิ้มให้เขา "ประธานปู้คะ นี่คือนามบัตรของศาสตราจารย์ลู่ที่โรงพยาบาลเหรินไอ้"
ปู้อี้เฉินมองไปที่เธอ
ผู้หญิงคนนี้ไม่ค่อยยิ้มให้เธอ แต่ในตอนี่เธอยิ้ม เขาก็ตะลึงไปชั่วขณะ อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาสิ่งที่เธอพูดทำให้เขาโกรธอีกครั้ง
“ ศาสตราจารย์ลู่เป็นที่รู้จักกันดีในด้านโรคผิวหนัง ให้ฉันนัดให้คุณไหม? "เธอถามอย่างหวังดี
"เฉินเฉียวอย่ามาหาเรื่อง!"เขากัดฟัน
เฉินเฉียวยิ้มสดใสขึ้น“ ไม่ต้องกลัว ศาสตราจารย์ลู่เป็นมืออาชีพมากถึงแม้ว่าตรวจเจอโรคอะไรก็ตาม เขาไม่ดูถูกคุณเพราะเรื่องแบบนี้แน่ๆ "
ใบหน้าของปู้อี้เฉินบึ้งตึงมาก เขาอยากจะเปิดหน้าต่างแล้วโยนผู้หญิงคนนี้ลงไปเดี๋ยวนี้เลย
————
เฉินเฉียวกับปู้อี้เฉินถึงบ้านตระกูลเฉิน
ต่อหน้าตระกูลเฉิน ปู้อี้เฉินค่อนข้างเรียบร้อย ไม่กร่างเหมือนตอนอยู่บ้านตัวเอง
ทั้งครอบครัวรับประทานอาหารร่วมกัน เฉินอินก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน แต่เธอยุ่งมากและคนรับใช้ก็ขึ้นไปเรียกถึงสองหนเธอถึงจะลงมา
“ พี่ พี่เขย!”เฉินอินทักทายพวกเขาและนั่งลงข้างๆเฉินเฉียว
เฉินเฉียวมองไปที่เธอและถามว่า: "ยุ่งอะไรนักหนา ถึงกับต้องไปอัญเชิญให้มากินข้าว"
เฉินอินตักข้าวและพูดว่า "ฉันกำลังทำแผน ฉันเป็นคนรายงานบริษัทย่อยครั้งนี้ บอสใหญ่ก็มาด้วย ฉันต้องทำให้ดีที่สุด "
"ตั้งใจอะไรขนาดนั้น เมื่อก่อนฉันดูไม่ออกเลย"
“ ตั้งใจอะไรกัน ยัยเด็กนี่โดนของละสิไม่ว่าลู่ลี่ลี่พูดกับเฉินเฉียว: "ฉันหมายถึงทำไมเธอไม่กลับไปที่หวาหย่วนไปเริ่มทำตำแหน่งต่ำๆที่บริษัทอื่น แล้วเดี๋ยวจะไปหลงคนที่เธอเรียกว่าบอสเอานะ แต่สิ่งที่น่าขำก็คือ เธอยังไม่เคยเห็นบอสเธอเลย"
คนข้างๆพูดถึงบอส เฉินอินตาวาว พี่คะ ถึงแม้ว่าฉันไม่เคยเจอ แต่ว่าตอนประชุมสายกันฉันก็อยู่ด้วยนะ บอสมีเสน่ห์มากๆ เสียงเค้าชวนหลงไหลจริงๆ "
เฉินเฉียวคิดว่ามันเป็นเรื่องตลก ชอบคนคนนึงเพราะเสียงเขามีคนแบบนี้จริงๆ เด็กคนนี้ช่างไร้เดียงสา
“ เธอชอบเขาขนาดนี้ แฟนบอสเธอรู้ไหม”
“ เจ้านายของฉันยังไม่ได้แต่งงาน”เฉินอินกล่าวว่า:“ แต่เหมือนว่าเขามีลูกแล้วนะประมาณสองสามขวบ เจ้านายของฉันต้องหล่อมากและลูกก็ต้องหน้าตาดีมากๆแน่ๆ ฉันอยากเจอจริงๆ! "
เฉินเฉียวมองเธอด้วยสายตาที่ขบขัน“ นี่เธอเป็นพวกรักทุกอย่างที่เป็นของเขาหรอ?”
"เฉินอิน พูดเพ้อเจ้อ!" เธออยากเป็นแม่เลี้ยง แต่ฉันยังไม่อยากเป็นยายนะ "ลู่ลี่ลี่ทำลายความฝันของเธอด้วยคำพูด
เฉินอินค้าน, "รอฉันจีบคุณซังติดก่อนเถอะ จะพามาทำความรู้จัก"
คุณซัง
เฉินเฉียวได้ยินคำนั้น นึกถึงคนบางคนที่คนอื่นก็เรียกว่า คุณซัง
วินาทีต่อมาฉันรู้สึกตลกอีกรอบ
บริษัทที่เฉินอินอยู่เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศในเครือหยวนเซิ่ง มีสาขาและอุตสาหกรรมต่างๆมากมายนับไม่ถ้วน หวาหย่วนของตระกูลเฉินและตระกูลปู้อี้เมื่อเทียบกับหยวนเซิ่งกรุ๊ปคนละชั้นเลยจริงๆ ถ้าจะพูดว่าหยวนเซิ่งเป็นขนมแผ่นใหญ่ ถ้างั้นหวาหย่วนและปู้อี้รวมกันก็เป็นได้แต่ขอบเล็กๆของแผ่นขนม
สำหรับบอสของหยวนเซิ่งเขาเป็นคนถ่อมตัวแต่ก็มีข่าวลือกันหนาหูว่าเขาเป็นคนที่ดุมากๆ แต่ที่ลือกันมากที่สุดคือเขาแต่งงานมาหลายครั้ง แล้วก็มีลูกอายุสองสามขวบ
ผู้ชายแบบนี้ อย่างน้อยน่าจะอายุ40 เทียบกับ นายซัง ที่คลับแล้วไม่น่าจะใช่คนเดียวกันแม้แต่นิด
เฉินเฉียวหยุดคิดถึงเรื่องนี้
หลังอาหารค่ำเธอและปู้อี้เฉิน ถูกพ่อเรียกมาที่ห้องหนังสือ หลังจากคุยเรื่องงานนานกว่าหนึ่งชั่วโมง เฉินอันก็ปล่อยพวกเขาไป
เฉินเฉียวคิดอะไรบางอย่างออก รอให้ปู้อี้เฉินออกไปก่อน แล้วกลับเข้ามาครั้ง
มีเรื่องอะไรหรือเปล่าเฉินอันถาม
"ช่วงนี้ฉันฝัน"เฉินเฉียวกล่าวอย่างกะทันหัน
ฝันงั้นหรอ ฝันว่าอะไร "เฉินอันวางแฟ้มในมือลง
“ฉันฝันถึงตอนเมื่อหกปีก่อนที่ฉันเป็นลมในครั้งนั้น”เฉินเฉียวดูเป็นทุกข์“ พ่อคะ ครั้งนั้นหลังจากที่หนูเป็นลม สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น? ทำไมหนูถึงได้เป็นลมนานขนาดนั้น ตอนฟื้นขึ้นมาทำไมรู้สึกเจ็บที่เอวขนาดนั้น "