ท่องภพสยบหล้า - ตอนที่ 114 ใจวีรบุรุษ
บทที่ 114 ใจวีรบุรุษ
“ฟางเผิงจวี่เคยบอกว่านับจากที่พ่อแม่เขาตายไป ทั้งสกุลฟางก็มีเพียงปู่ของเขาเท่านั้นที่ปฏิบัติกับเขาอย่างจริงใจ”
บนทางกลับ หลิงเหออธิบาย
ปู่ของฟางเฮ่อหลิงไม่นับว่าจากไปอย่างกะทันหัน อีกทั้งยังฝังไปตั้งนานแล้ว พวกเขาก็ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ศพจากป้ายวิญญาณได้ แม้การสละอำนาจของฟางเจ๋อโฮ่วจะค่อนข้างน่าสงสัย แต่การมาเยือนครั้งนี้ก็ไม่ใช่โอกาสที่ดี ดังนั้นหลังจากที่หลิงเหอเคารพศพเสร็จ ทั้งสามคนก็เลือกที่จะจากไป
“ช่างเถอะ ใครบ้างไม่รู้ว่าพี่ใหญ่น่ะ” เจ้าหรู่เฉิงเบ้ปาก “พ่อพระเสียเหลือเกิน”
หลิงเหอปฏิบัติกับทุกอย่างอย่างจริงใจ ส่วนเจ้าหรู่เฉิงด้านหนึ่งก็รู้สึกว่าไม่เป็นธรรมกับเจียงวั่ง แต่อีกด้านหนึ่งก็พยายามถนอมน้ำใจทุกฝ่าย
เจียงวั่งแค่หัวเราะก็ข้ามประเด็นนี้ไป เขาไม่ติดใจเรื่องนี้
“สำนักเต๋าคิดอะไรอยู่ กรมอาญาทางนั้นยังสืบอะไรออกมาไม่ได้ ก็จัดให้พวกเรามาตรวจสอบเรื่องนี้ นี่ไม่ได้กลั่นแกล้งหรอกหรือ ข้าไม่ถูกกับตระกูลฟางขนาดนั้น”
“หรือบางทีนี่ก็คือเหตุผลที่สำนักเต๋าจัดให้พวกเรามาตรวจสอบเรื่องนี้” เจ้าหรู่เฉิงพูด
“สำนักเต๋าสงสัยฟางเผิงจวี่หรือ” เจียงวั่งขมวดคิ้ว
“ไม่ควรค่าที่จะให้สงสัยหรือ” เจ้าหรู่เฉิงย้อนถามกลับ “พูดถึงกำลังรบ เขาไม่มีกำลังรบอะไร พูดถึงสติปัญญา เขายิ่งไม่มีเข้าไปใหญ่ อาศัยอะไรว่าสี่คนในกลุ่มตายหมด เหลือเขารอดมาเพียงคนดียว”
“ข้ารู้สึกว่าตอนนี้เขาเติบโตขึ้นมีความคิดเป็นผู้ใหญ่” หลิงเหอพูดอย่างยุติธรรม “อีกทั้ง…เขาบอกว่าไม่ได้ขึ้นเขา”
“เขาบอกว่าเขาไม่ได้ขึ้นเขา ใครจะไปรู้เล่า” เจ้าหรู่เฉิงแบมือยักไหล่
……
ไปจากตระกูลฟาง สถานีที่สองที่หลิงเหอนำกลุ่มไปคือกรมอาญา
พูดให้ถูกต้องคือเป็นองค์กรที่กรมอาญาจัดการคดีในเมืองเฟิงหลิน
ภารกิจบนกระดานแต้มเต๋ามีหลากหลายที่มา กรมทหาร กรมอาญา ตัวสำนักเต๋าเอง หรือกระทั่งราชสำนักจวง ล้วนประกาศภารกิจบนกระดานแต้มเต๋าได้ทั้งนั้น
ภารกิจที่ฟางเฮ่อหลิงเข้าร่วมเป็นภารกิจที่กรมอาญาประกาศ การกำหนดระดับก็เป็นกรมอาญาจัดการเช่นกัน
รางวัลของภารกิจระดับแปดอยู่ที่หนึ่งร้อยถึงห้าร้อยแต้มเต๋า และแต้มเต๋าที่กรมอาญาให้สำหรับภารกิจนี้มีเพียงแค่หนึ่งร้อยห้าสิบแต้มเท่านั้น ในภารกิจระดับแปดระดับความยากค่อนข้างต่ำ——เห็นได้ชัดว่าไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
ผู้บำเพ็ญระดับแปดสองคน ระดับเก้าสองคนต่างรบตาย ความยากของภารกิจระดับนี้อย่างน้อยก็เป็นระดับแปดสุดยอด ซึ่งก็คือระดับความยากที่ได้รางวัลห้าร้อยแต้มเต๋า
ความจริงภารกิจตรวจสอบที่พวกหลิงเหอรับครั้งนี้ก็ได้รางวัลสามร้อยแต้มเต๋า อีกทั้งพวกเขายังแค่รับผิดชอบตรวจสอบเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องจัดการเรื่องหลังจากนี้ แม้จะมีปัจจัยกำหนดให้รางวัลยกระดับขึ้นอีกสามส่วน แต่ก็นับว่าเป็นการพิจารณาระดับที่สมเหตุผล
……
กรมอาญาในฐานที่เป็นองค์กรของทางการที่จัดการคดีเหนือมนุษย์ก็คงจะหยิ่งผยองจนเคยตัวแล้ว
ผู้บำเพ็ญสำนักเต๋าสามคนเดินทางมาตรวจสอบข้อมูลตามภารกิจของกระดานแต้มเต๋า แต่ทั้งกรมอาญากลับไม่มีใครมาสนใจเลย
ขนาดเจ้าหรู่เฉิงที่งดงามหล่อเหลา ก็จนปัญญาที่ผู้บำเพ็ญหญิงในกรมอาญาล้วนหยิ่งยโส ไม่ปรายตามองพวกเขาเลย
หลิงเหอบากหน้าไปถาม ได้รับการดูแคลนไม่รู้ต่อกี่ครั้งถึงได้หาตัวละครหลักเจอ
คนของกรมอาญาที่กำหนดระดับภารกิจนั้นเป็นผู้บำเพ็ญขอบเขตเคลื่อนชีพจรตาชั้นเดียวเรียวชี้ขึ้น
ตอนนี้เขานั่งอยู่ข้างหลังโต๊ะทำงานมีเสากั้น ก้มหน้าถือพู่กันกำลังจดบันทึกอะไร สีหน้ารำคาญเป็นอย่างยิ่ง “พวกเจ้ามีธุระอะไร”
เจออุปสรรคในกรมอาญาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ส่งผลต่อท่าทีของหลิงเหอ
เขายังคงยิ้ม มีมารยาท พูดขึ้นว่า “พวกเราเป็นศิษย์สำนักเต๋า มาด้วยเรื่องภารกิจหมายเลขสี่ห้า พวกเรามีศิษย์พี่ศิษย์น้องสี่คนรบตายไปในภารกิจครั้งนั้น”
“ภารกิจเวรตะไลนั่นอีกแล้ว” ชายตาชั้นเดียวชี้ขึ้นโยนพู่กันในมือ “ไม่จบไม่สิ้นสักทีรึไง”
คงเป็นเพราะอัดอั้นมาแล้วช่วงระยะหนึ่ง ทั้งยังรู้สึกว่าหน้าตาของคนหนุ่มสามคนนี้รังแกได้ง่าย เขาพลันระเบิดอารมณ์ออกมา “ไอ้บ้าคนนี้สอบปากคำข้า ไอ้บ้าคนนั้นสอบปากคำข้า ข้าถูกลงโทษไม่จ่ายเบี้ยหวัดเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว พวกเจ้ายังคิดจะเอาอย่างไรอีก”
น้ำลายกระเด็นเป็นฝอย ไม่ใช่แค่ตบโต๊ะตวาดเท่านั้นแล้ว
หลิงเหอหลบเล็กน้อย ยังรออีกครู่หนึ่งค่อยพูดใหม่
มือข้างหนึ่งกระแทกเสาบนโต๊ะทำงานหัก กระชากคอเสื้อของชายตาชั้นเดียวชี้ขึ้นคนนั้น จากนั้นก็กระชากตัวเขาทั้งตัวมาข้างนอก ใช้ใบหน้าของเขากระแทกเสาพวกนั้นออกทั้งหมด
ลากตัวเขาทั้งคนออกมาข้างนอกโต๊ะทำงาน
“คิดจะเอาอย่างไรอีกอย่างนั้นรึ” เจียงวั่งไม่พอใจมาตั้งนานแล้ว มาที่นี่ยังกล้ำกลืนความโมโหเอาไว้อีก ตอนนี้ไม่สนเรื่องความอดทนไม่อดทนอะไรแล้ว กระชากชายตาชั้นเดียวชี้ขึ้นพูดว่า “เพราะความเลินเล่อของเจ้า ศิษย์สำนักเต๋าตายไปสี่คน! ตายแล้ว! อะไรก็ไม่เหลือทั้งนั้น! ไอ้คนเวรตะไลไม่ได้เบี้ยหวัดหนึ่งปี น่าอนาถมากอย่างนั้นหรือ”
ชายตาชั้นเดียวชี้ขึ้นอึ้งตะลึง
เขายังไม่ทันระบายอารมณ์ออกมาหมด ไอ้หนูที่มาจากสำนักเต๋าคนนั้นก็ลงมือแล้ว รากฐานเต๋าที่เขารวบรวมขึ้นมาอย่างทันทีทันใดกลับถูกโจมตีสลายแล้ว
ไม่ใช่เขาไม่คิดจะต่อต้าน แต่ไม่มีโอกาสให้ต่อต้านเลยแม้แต่นิดเดียว
พลังห่างขั้นกันมากเกินไป!
“เฮ้ๆๆ! พวกเจ้าจะทำอะไร”
ผู้ฝึกตนคนในกรมอาญาคนอื่นๆ ได้ยินเสียงก็มุ่งหน้ามา
“กรมอาญาเป็นพื้นที่สำคัญ พวกเจ้ามากำเริบเสิบสานที่นี่ได้รึ”
ก่อนหน้านี้ตอนที่ติดต่อสอบถาม ทั่วทั้งกรมอาญาอย่างกับบ้านผีสิง ทุกที่เงียบกริบ แต่ละคนใบหน้าไร้อารมณ์
ตอนนี้เพิ่งจะเกิดเรื่องเล็กน้อยก็มีคนออกมาทันที
หลิงเหอร่างเพียงกะพริบก็มาขวางอยู่ข้างหน้าคนพวกนี้
“พวกเราได้รับภารกิจจากกระดานแต้มเต๋า รับคำสั่งให้มาตรวจสอบเรื่องราวที่มาที่ไปของภารกิจหมายเลขสี่ห้า ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในช่วงนี้ต้องให้ความร่วมมือ!”
เขาอารมณ์เย็นเป็นเพราะมีความอดทนมาก ไม่ได้หมายความว่าขี้ขลาด
ตอนนั้นเคียงข้างเจียงวั่งไปเมืองวั่งเจียงก็เตรียมตัวสู้สุดชีวิตเอาไว้แล้ว
ตอนนี้ยืนอยู่ต่อหน้าทุกคนสีหน้าท่าทางน่าหวาดหวั่นยำเกรง รากพลังเต๋าควบคุมเอาไว้ไม่ปล่อยออกมา
คนของกรมอาญาทั้งหลายอึ้งตะลึง แต่กระดานแต้มเต๋าเป็นของสำคัญของชาติ ในยามที่ผู้ฝึกตนปฏิบัติภารกิจของกระดานแต้มเต๋า ทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือ นี่คือกฎ
ดังนั้นหากเรื่องในวันนี้เกิดขึ้นจากชายตาชั้นเดียวชี้ขึ้นคนนั้นไม่ให้ความร่วมมือ อารมณ์โมโหของผู้บำเพ็ญสำนักเต๋าเหล่านี้ก็สมเหตุสมผล
“แต่อย่างนั้นก็จะลงมือซี้ซั้วไม่ได้สิ!”
“ใช่ ทำของหลวงพังพวกเจ้าจะชดใช้อย่างไร”
ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาจะต้องรักษาหน้าตาของกรมอาญาเอาไว้
“ชดใช้อย่างไรรึ” เจ้าหรู่เฉิงหัวเราะ เดินไปข้างหน้า “เสาไม้ผุๆ ไม่กี่ต้นแบบนี้ พวกเจ้าจะให้ชดใช้เท่าไร”
“นี่คือของในกรมอาญา! เจ้ามองเป็นอะไร” คนคนนั้นแค่นเสียงขึ้นจมูก “จะอย่างไรก็ต้องชดใช้ด้วยทองร้อยชั่งกระมัง”
ความตั้งใจเดิมของเขาคือให้คนพวกนี้รู้จักถอย รู้ควรไม่ควร
ต้องรู้ว่าแม้จะเป็นผู้บำเพ็ญ หินรากพลังเต๋าถึงจะเป็นเงินแข็ง แต่ปัจจัยสี่ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ไม่ห่างจากเงินทอง ทองร้อยชั่งไม่ได้เอาออกมาได้ง่ายๆ แบบนั้น
กลับไม่คิดว่าเจ้าหรู่เฉิงจะหัวเราะออกมายาวๆ อยู่ครู่หนึ่ง
“ดี!” เขาหันไปพูดกับเจียงวั่ง “พี่สาม ลงมืออย่างไม่ต้องกังวล พวกเราทำลายให้ได้หนึ่งหมื่นชั่ง ถือเสียว่าตบแต่งใหม่ให้กับกรมอาญา!”
คนทั้งหลายของกรมอาญามองหน้ากัน ชายกลางคนหน้าตาเคร่งเครียดคนหนึ่งเดินปรากฏตัวขึ้น
“ที่แท้เป็นคุณชายใหญ่เจ้านี่เอง” เขาแสยะยิ้มเอ่ย “นี่คือมาอวดร่ำอวดรวยที่กรมอาญาของข้าหรือ”
คนคนนี้ก็คือซ่านฉาผู้รับผิดชอบกรมอาญาเมืองเฟิงหลิน ระดับหกขอบเขตมังกรทะยาน
“ใต้เท้า ไม่กล้าพูดเช่นนั้น” หลีกเลี่ยงไม่ให้เจ้าหรู่เฉิงระเบิดอารมณ์ออกมาเพิ่มความบาดหมางขึ้นอีก หลิงเหอชิงพูดขึ้นมาก่อน “พวกเราเป็นลูกศิษย์สำนักเต๋า ได้รับภารกิจกระดานแต้มเต๋า มาตรวจสอบคดีที่กรมอาญาตามขั้นตอนปกติเท่านั้น แต่ผู้เกี่ยวพันกับคดีผู้นี้ปฏิเสธไม่ให้ความร่วมมือ ถึงขนาดว่าจู่ๆ บันดาลโทสะ เพื่อเลี่ยงไม่ให้ความเคลื่อนไหวอึกทึกเกินไป ศิษย์น้องของข้าจึงจำต้องควบคุมเขาก่อน”
เขาหันมาพูด “น้องสามปล่อยได้แล้ว ต่อหน้าใต้เท้าซ่านเข้าท่าเสียที่ไหน”
เจียงวั่งหัวเราะ แล้วก็คลายมือจริงๆ วางชายตาชั้นเดียวชี้ขึ้นอย่างมั่นคงบนพื้น ทั้งยังตบไหลของเขาแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรใช่ไหม”
ชายคนนั้นอกสั่นขวัญแขวญ เพียงแค่ตอบไปว่า “ไม่เป็นไรๆ”
อารมณ์ที่ระบายออกไปเมื่อครู่ ใครก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินไม่ได้ ด้วยเหตุนี้หลิงเหอพูดแบบนั้น คนของกรมอาญาทั้งหลายก็หาข้อตำหนิไม่ได้จริงๆ
“เอาล่ะ ในเมื่อเป็นขั้นตอนปกติ ทุกคนก็แยกย้ายกันไป” ซ่านฉาไล่คนทั้งหลายไป แล้วจึงมองชายคนนั้น “ท่านเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผู้ยอดเยี่ยมของสำนักเต๋า เดินทางมาเพราะรับภารกิจกระดานแต้มเต๋า มีคำถามอะไรถามเจ้าก็ต้องตอบไปดีๆ เข้าใจไหม”
“เข้าใจขอรับๆ” ชายตาชั้นเดียวชี้ขึ้นพูด
ซ่านฉาถึงได้พยักหน้า เอามือไพล่หลัง นับตั้งแต่ต้นจนจบไม่พูดเรื่องให้เจ้าหรู่เฉิงชดใช้เลย
“แย่ละ คราวนี้ถูกเกลียดเสียแล้ว” เจ้าหรู่เฉิงพูดคิกคัก
ปากบอกแย่แล้ว แต่บนใบหน้าไม่มีรอยเกรงกลัวสักนิด
เจียงวั่งก็ไม่มีสีหน้าเกรงกลัวเช่นกัน พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้เยี่ยมยอดในบรรดาลูกศิษย์สำนักเต๋า วันหน้าหน้ามีอนาคตกว้างไกล
หากในอนาคตเข้ากรมอาญา ขอเพียงพลังบำเพ็ญไล่ตามทัน ตำแหน่งมีแต่จะสูงกว่าซ่านฉา หากไม่เข้ากรมอาญานั่นยิ่งไม่มีอะไรต้องกังวล
สำหรับตอนนี้ซ่านฉาคิดจะเล่นลูกไม้อะไร คิดว่าต่งเออจะไม่ปกป้องหรือ
“พวกเราไม่กลัวหรอก กลัวแต่จะดูแลเรื่องที่บ้านไม่ได้” พูดต่อหน้าชายตาชั้นเดียวชี้ขึ้น พูดออกมาตรงเกินไปลำบาก หลิงเหอเพียงแค่เตือนเจ้าหรู่เฉิงไปประโยคหนึ่งอย่างเรียบเฉย จากนั้นถึงพูดขึ้นว่า “น้องสาม เจ้ารีบถามเถอะ”
จากต้นจนจบ หลิงเหอไม่เอ่ยโทษความบุ่มบ่ามของเจียงวั่ง ความกำเริบเหิมเกริมของเจ้าหรู่เฉิงเลย ต่อให้ไม่ทันระวังล่วงเกินบุคคลกุมอำนาจแท้จริงอย่างซ่านฉาแบบนั้นก็ตาม
เพราะพวกเขาสามคนพี่น้องอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร แสดงท่าทีอย่างไร พวกเขาล้วนแบกรับด้วยกัน
………………………………………………………