ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 931 ไม่มีร่องรอยมนุษย์
บทที่ 931 ไม่มีร่องรอยมนุษย์
ไม่นานนัก นักล่าชุดม่วงสองคนก็เจาะรูที่คอของท่านไป๋
เลือดในร่างกายของท่านไป๋ไหลออกมา
คนตายไปแล้วจริงๆ แต่ยังถูกกระทำต่อ ไม่ให้ท่านไป๋ได้ไปอย่างสงบเลยแม้แต่น้อย
นี่มันช้างน่าเศร้าอย่างยิ่ง ไร้มนุษยธรรมเสียยิ่งกว่าอะไร
และนี่คือสาเหตุที่ท่านไป๋ไม่เต็มใจที่จะช่วยเหลือพวกจ้าวหลิ่ง
เพราะท่านไป๋รู้ว่าจ้าวหลิ่งเป็นคนแบบไหน ดังนั้นเขาจึงยอมตายเสียดีกว่า
แต่ทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นอย่างที่จ้าวหลิ่งคิดไว้
จ้าวหลิ่งให้คนเอาเลือดของท่านไป๋ไปรินลงบนตรงกลางเสาหิน
เลือดไหลอาบแต่กลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ขึ้นมา
“บัดซบ!”
เมื่อจ้าวหลิ่งเห็นดังนั้น เขาก็สบถออกมา
เขาโกรธจนไม่สามารถทนเอาไว้ได้ จากนั้นจึงหยิบขึ้นมาและไปที่ร่างของท่านไป๋
หลังจากควงมีดหลายครั้ง ร่างของท่านไป๋ก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วนในพริบตา
เป็นภาพที่โหดร้ายน่ากลัวอย่างยิ่ง
เมื่อเห็นเช่นนี้นักล่าคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ แต่ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมา เนื่องจากกลัวว่าจ้าวหลิ่งจะระบายความโกรธกับตนเอง
“สร้างค่ายอยู่ที่นี่ พวกเราจะรอจนพวกมันออกมา!”
หลังจากสงบลงแล้ว จ้าวหลิ่งก็สั่งกับผู้ใต้บังคับบัญชาของตน
ในเมื่อเข้าไปข้างในไม่ได้ จ้าวหลิ่งจึงได้แต่รออยู่ด้านนอกจนกว่าพวกเฉินเกอจะกลับมา
ตามคำสั่งของจ้าวหลิ่ง พวกนักล่าเริ่มเคลื่อนไหวและสร้างค่ายล้อมรอบค่ายกลหินทั้งหมดเอาไว้
ขอแค่ตราบใดที่พวกเฉินเกอออกมาจากข้างใน พวกเขาก็จะถูกควบคุมทันที
ช่างเป็นกลอุบายที่โหดเหี้ยม
ในเวลานี้ พวกเฉินเกอได้มาถึงอาณาเขตของเผ่าเส่ส้าแล้ว
ทั้งสองคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก และยิ่งไม่รู้ว่าเพื่อช่วยชีวิตพวกเขาเหล่าไป๋ถึงกับถูกตัดร่างออกเป็นส่วนๆ
หากเฉินเกอรู้เข้า เฉินเกอย่อมต้องโกรธอย่างยิ่ง และไม่มีทางปล่อยจ้าวหลิ่งและคนอื่นๆ ไปอย่างแน่นอน เขาจะทวงความยุติธรรมคืนให้กับท่านไป๋ให้จ้าวหลิ่งและคนอื่นๆ ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างแสนสาหัส
แต่ก็ยังต้องรอให้เฉินเกอได้รับป้ายเส่ส้ามาเสียก่อน
เฉินเกอพาเล๋ยเล่ค่อยๆ เดินเข้าไปในอาณาเขตของเผ่าเส่ส้า
ทั้งสองคนระมัดระวังอย่างมากในทุกย่างก้าว พวกเขาไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวใดๆ เพราะกลัวว่ากลไกแบบใดแบบหนึ่งจะถูกกระตุ้นขึ้นมา
เมื่อพวกเขามาถึงกลางดินแดน คบเพลิงรอบตัวพวกเขาก็สว่างขึ้นโดยอัตโนมัติ
ฉากนี้ทำให้พวกดูเฉินเกอสองคนตื่นตัวขึ้นมาทันที
“ผู้มาเป็นใคร! ”
จากนั้น น้ำเสียงหนาทุ้มก็ดังมาจากรอบๆ
เสียงนั้น ทำเอาคนรู้สึกขนลุกไปทั่วร่างในทันที
ไม่ต้องพูดถึงเล๋ยเล่ แม้แต่เฉินเกอเองก็รู้สึกยำเกรงและมีความกดดันขึ้นมาจากในใจของตน
เล๋ยเล่หอบหายใจหนักหน่วง ใบหน้าซีดขาว ท่าทางของเขาดูน่าสังเวชอย่างยิ่ง
“ผู้น้อยคือผู้ฝึกตนเฉินเกอ! ”
เฉินเกอรีบเอ่ยเสียงดัง
หลังจากเสียงของเฉินเกอ ในใจและสมองของเฉินเกอเล๋ยเล่ก็ค่อยเพิ่งฟื้นตัวกลับมา
“บ้าเอ้ย พี่เฉิน…เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เล๋ยเล่ผ่อนคลายลง และเอ่ยถามเฉินเกอด้วยความหวาดกลัว
“อย่าพูด! ”
เฉินเกอเอ่ยเตือนเล๋ยเล่
หลังจากเล๋ยเล่ได้ฟัง เขาก็รีบปิดปากลงทันที ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ชวบ!
ทันใดนั้น ก็มีเงาดำพาดผ่านพวกเฉินเกอไป
จากนั้น ชายที่มือหนึ่งถือป้ายคำสั่ง ก็มียืนอยู่ตรงหน้าเฉินเกอและเฉินเกอ
ชายคนนี้สวมมงกุฎหัวกะโหลก ในมือถือป้ายคำสั่ง บนหน้ามีหน้ากากงาสวมอยู่ มองดูแล้วให้ความรู้สึกน่ากลัวอย่างยิ่ง
แต่เขาก็คือเป็นผู้ปกครองเผ่าเส่ส้า กุ่ยเจี้ยนโฉว
“ฉันคือกุ่ยเจี้ยนโฉวผู้นำของเผ่าเส่ส้า พวกนายสองคนมาที่อาณาเขตเผ่าเส่ส้าของเราทำไม?”
กุ่ยเจี้ยนโฉวจ้องไปที่เฉินเกอและถามพวกเขาทีละคำ แต่ละคำที่ถูกเอ่ยล้วนมีพลังและอำนาจมหาศาลจนพวกเขาแทบไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้
เฉินเกอรู้ดีว่าถ้าเขาปะทะกับกุ่ยเจี้ยนโฉว เกรงว่าตนเองจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกุ่ยเจี้ยนโฉวอย่างแน่นอน
ความแข็งแกร่งของกุ่ยเจี้ยนโฉวนั้นเกินกว่าที่เฉินเกอจินตนาการเอาไว้ อีกทั้งยังเกินกว่าโลกแห่งวิญญาณ
“ผู้อาวุโสกุ่ยเจี้ยนโฉว ผมคือผู้ฝึกตนครึ่งคนครึ่งผี ครั้งนี้ที่มาก็เพราะอยากยืมป้ายเส่ส้าของท่าน เพื่อช่วยชีวิตสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลก งูหลามตายแล้ว และประตูของโลกผีก็ได้รับการเปิดออกแล้ว”
เฉินเกอมองไปที่กุ่ยเจี้ยนโฉวและพูดด้วยความเคารพ
“โอ้ สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ต่อให้นายมาเอาป้ายของฉันไปตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์ ประตูของโลกผีได้ถูกเปิดออกแล้ว นั้นย่อมแปลว่าโลกได้เปลี่ยนไปอย่างมาก บางทีเมื่อนายกลับไป ทุกอย่างอาจจะไม่เป็นอย่างที่นายคิดไปตั้งนานแล้ว”
กุ่ยเจี้ยนโฉวยิ้มเยาะ จากนั้นจึงมองเฉินเกอและเอ่ย
“ถึงอย่างนั้น ฉันก็อยากลองดูสักครั้ง อย่างน้อยก็ให้คนกับผีอยู่อย่างสันติ ไม่งั้นโลกจะล่มสลาย! ”
เฉินเกอเอ่ยกับกุ่ยเจี้ยนโฉวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หลังจากกุ่ยเจี้ยนโฉวได้ยินดังนั้น เขาก็มองไปที่เฉินเกออีกครั้งอย่างสังเกต เขาไม่คาดคิดว่าเฉินเกอจะมีความคิดเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์ของสิ่งมีชีวิตในโลก
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้น นายก็รับไปเถอะ”
หลังจากกุ่ยเจี้ยนโฉวได้ยิน ก็ไร้ทางเลือกอื่น และตอบรับโดยตรง
พวกเขาคิดว่าการได้รับป้ายเส่ส้ามานั้นเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง
แต่ตอนนี้ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า กุ่ยเจี้ยนโฉวตอบรับอย่างเรียบง่ายเช่นนี้
จากนั้น กุ่ยเจี้ยนโฉวก็ส่งป้ายเส่ส้าในมือตนให้เฉินเกอ
เฉินเกอรีบหยิบป้ายเส่ส้ามาทันทีและถือไว้ในมือโดยไม่พูดอะไร
เฉินเกอถือมันไว้ ในใจมือรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก เขาแทบไม่อยากจะเชื่อทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา
“ขอบคุณมากครับผู้อาวุโสกุ่ยเจี้ยนโฉว! ”
เฉินเกอกล่าวขอบคุณกุ่ยเจี้ยนโฉวทันที
“ไม่ต้องเกรงใจ ฉันเองก็หวังว่านายจะช่วยชีวิตสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกได้จริงๆ แบบนี้ถึงไม่เสียแรงที่เชื่อใจนาย! "
กุ่ยเจี้ยนโฉวเองก็เอ่ยขึ้นเรียบๆ
“แน่นอน ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง! "”
เฉินเกอพยักหน้าอย่างแน่วแน่
เขารู้ว่าสาเหตุที่กุ่ยเจี้ยนโฉวตอบรับตนเองอย่างง่ายดาย นั้นก็เพราะกุ่ยเจี้ยนโฉวเชื่อใจตนอย่างมาก
เมื่อได้รับความไว้วางใจเช่นนี้ เฉินเกอย่อมไม่สามารถปล่อยให้กุ่ยเจี้ยนโฉวผิดหวังได้ เขาจะต้องทำให้ดีที่สุด และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยชีวิตสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลก
หลังจากพูดจบ เฉินเกอก็หันไปขอบคุณกุ่ยเจี้ยนโฉวอีกครั้งและเตรียมตัวพาเล๋ยเล่จากไป
“ช้าก่อน! ”
ขณะที่เฉินเกอกำลังก้าวไปได้เพียงก้าวเดียว พวกเขาก็ถูกกุ่ยเจี้ยนโฉวหยุดเอาไว้
ทั้งสองหันกลับมามองกุ่ยเจี้ยนโฉวอีกครั้ง
“ผู้อาวุโสมีอะไรอยากฝากฝัง?”
เฉินเกอถามอย่างสงสัย ในใจคิดว่ากุ่ยเจี้ยนโฉวคงไม่ใช่กลับใจแล้วหรอกนะ
แต่ในไม่ช้าความคิดนี้ก็ถูกลบออกไปจากใจของเฉินเกอ ผู้อาวุโสจะกลับคำได้อย่างไร? เขาคงจะคิดมากเกินไป