ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 842 แผ่นดินหลิงคง
บทที่ 842 แผ่นดินหลิงคง
หลังจากที่จัดการทั้งสี่คนสำเร็จ เฉินเกอก็เก็บหินเทพของทั้งสี่คนไว้ในกระเป๋า
เพียงแค่ชั่วครู่เดียวเฉินเกอก็ได้รวบรวมหินเทพได้ถึงห้าก้อนแล้ว
จากนั้นเฉินเกอก็มองมายังหลินจื่อหลัน
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
หลินจื่อหลันส่ายหัวเล็กน้อย
“ไม่เป็นอะไร ขอบคุณที่พวกคุณยื่นมือเข้าช่วยเหลือ กระผมชื่อหลินจื่อหลัน!”หลินจื่อหลันพูดคำขอบคุณต่อเฉินเกอและโจวโน่จากใจจริง และกล่าวแนะนำตัวอย่างคร่าวๆ
เมื่อได้ยินหลินจื่อหลันกล่าวคำแนะนำตัว โจวโน่ถึงกับมีสีหน้าประหลาดใจ
“คุณคือหลินจื่อหลันที่เป็นคุณชายรองตระกูลหลินที่โลกยู่?”
โจวโน่ถามหลินจื่อหลันอย่างสงสัย
หลินจื่อหลันละสายตามองมาที่โจวโน่ คิดไม่ถึงว่าโจวโน่จะรู้จักตนด้วย
“คุณคือ?”หลินจื่อหลันถามอย่างสงสัย
“ฉันคือโจวโน่แห่งตระกูลโจว คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเจอคุณชายรองตระกูลหลินที่นี่ นับว่าเป็นเกียรติอย่างสูงเลย!”โจวโน่แนะนำตัวแก่หลินจื่อหลันอย่างยิ้มแย้ม
ตระกูลหลินเป็นตระกูลที่ใหญ่โตในโลกยู่ และคนของตระกูลหลินนั้นมียอดฝีมือมาก ซึ่งมีคนเก่งอยู่ในระดับขอบเขตเจินเหรินแล้วด้วย
แต่ตอนนี้เป็นถึงคุณชายรองตระกูลหลินแท้ๆกลับถูกคนล้อมโจมตีเช่นนี้ มันน่าขายหน้านัก
“คิกคิก คุณโจวพูดยกย่องเกินไปแล้วครับ ผมเป็นแค่เศษสวะที่ตระกูลหลินได้ละทิ้งแล้ว!”หลินจื่อหลันยิ้มฝืดๆพลางถอนหายใจหนึ่งครั้ง
ถึงแม้หลินจื่อหลันจะเป็นถึงคุณชายรองตระกูลหลิน แต่พลังวิชาของเขามีน้อยมาก จนป่านี้ยังอยู่ในขอบเขตหลุนหวางชั้นเก้าอยู่เลย
แม้กระทั่งขอบเขตเจินเหรินก็มิอาจจะไต่เต้าไปถึงได้ ดังนั้นจึงถูกคนตระกูลหลินเรียกเป็นเสียงเดียวกันว่าเศษสวะคุณชายรอง ถูกตระกูลละทิ้งไปตั้งนานแล้ว
“พลังวิชาของคุณแค่หยุดอยู่ที่ขอบเขตหลุนหวางชั้นเก้าชั่วคราวเท่านั้น เพราะมีอะไรที่น่าประหลาดใจบางอย่างส่งผลให้คุณไม่สามารถพัฒนาไปไกลได้”
เฉินเกอเห็นความผิดปกติของร่างกายหลินจื่อหลันทันที จึงจ้องมองหลินจื่อหลันพลางอธิบาย
“คุณช่างมีแววตาที่ดีนัก ใช่ครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมร่างกายผมถึงเป็นเช่นนี้ ดังนั้นจึงทำให้ผมไม่สามารถก้าวไปถึงขอบเขตเจินเหรินได้เลย ภายในร่างกายของผมมีอะไรบางอย่างที่แปลกประหลาดได้ควบคุมดานเถียนของผมไว้ ผมไม่สามารถที่จะทำลายมันได้เลย!”หลินจื่อหลันพยักหน้าพลางอธิบายให้เฉินเกอฟัง
“แต่กรณีของคุณไม่ใช่จะไม่มีวิธีแก้ไข เพียงแค่จำเป็นต้องใช้วิธีที่พิเศษก็เท่านั้นเอง”
เมื่อหลินจื่อหลันได้ยินก็จ้องมองเฉินเกอด้วยสีหน้าที่มีความหวังขึ้นมา
เขาคิดไม่ถึงว่าเฉินเกอจะตอบตนเช่นนี้ นั้นแสดงว่าเฉินเกอจะต้องมีวิธีช่วยเหลือตนอย่างแน่นอน
“ไม่ทราบว่าคุณพี่มีชื่อเรียกว่าอะไรครับ?”
หลินจื่อหลันรีบถามเฉินเกอทันที
“เฉินเกอ!”เฉินเกอพูดอย่างไม่คิดอะไรมากมาย
“คุณพี่เฉิน ถ้าหากคุณมีวิธีช่วยเหลือผม ผมหลินจื่อหลันจะขอเป็นทาสรับใช้คุณตลอดไปครับ!”หลินจื่อหลันพูดอย่างตื่นเต้นกับเฉินเกอ ไม่มีราศีของคุณชายรองตระกูลหลินเลย
เห็นหลินจื่อหลันมีความจริงใจเช่นนี้ และอีกอย่างเฉินเกอก็รู้สึกว่าหลินจื่อหลันไม่ใช่คนเลวอะไร ดังนั้นเฉินเกอจึงตัดสินใจช่วยเหลือหลินจื่อหลันสักครั้งหนึ่ง
“คุณชายหลินเกรงใจแล้ว แต่ตอนนี้พวกเราควรจะรวบรวมหินเทพให้ได้ห้าดวงแล้วออกจากแดนมายาก่อน จากนั้นค่อยว่ากันทีหลัง!”
เฉินเกอไม่ได้พูดวิธีแก้ออกมาทันที เพียงแต่เตือนหลินจื่อหลันกับโจวโน่หนึ่งประโยค
บัดนี้เฉินเกอได้รวบหินเทพครบห้าก้อนแล้ว ส่วนโจวโน่ยังขาดอีกสามก้อน และหลินจื่อหลันยังไม่มีสักก้อนเดียว ซึ่งหมายความว่าพวกเขาทั้งสามคนยังจะต้องรวบรวมหินเทพอีกแปดก้อน จึงจะต้องเอาชนะให้ได้อย่างน้อยแปดคน
“คุณพี่เฉินพูดถูก!”หลินจื่อหลันเห็นด้วย
จากนั้นหลินจื่อหลันการจัดบาดแผลของตัวเองคร่าวๆ แล้วติดตามพวกเฉินเกอทั้งสองคนไปด้วยกัน
แต่เวลาต่อมา เฉินเกอพวกเขาสามคนถือว่าโชคดีมาก เพราะระหว่างทางได้เผชิญกับเฉพาะคนที่ไม่ค่อยมีน้ำยาสักเท่าไหร่
ซึ่งใช้เวลาไม่นาน ทั้งสามคนก็รวบรวมหินเทพที่เหลืออีกแปดก้อนได้อย่างร่ารื่น
หลังจากที่รวบรวมหินเทพจนครบแล้ว เฉินเกอและเพื่อนทั้งสามคนก็รีบไปยังด่านตรวจประตูเข้าออกทันที หลังจากที่ตรวจเช็คครบตามกติกาเสร็จแล้วจึงได้ออกจากแดนมายาไป
กลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง พวกเฉินเกอทั้งสามคนมีป้ายคำสั่งอยู่ในมือ ป้ายคำสั่งนี้เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการเข้าสู่แผ่นดินหลิงคง และหากไม่มีป้ายคำสั่งนี้จะไม่สามารถเข้าไปยังแผ่นดินหลิงคงได้
ทั้งสามคนอดใจไม่ไหวรีบเดินเข้าไปในประตูทางโดยถือป้าคำสั่งไว้
หลังจากที่ฉายแสงสีขาวขึ้น พวกเฉินเกอทั้งสามคนก็ได้ถูกส่งไปถึงแผ่นดินหลิงคงอย่างร่ารื่นแล้ว
หลังจากที่มาถึงแผ่นดินหลิงคง ทำให้ทั้งสามคนมีตาเป็นประกายเงาวับ รู้สึกว่าแผ่นดินหลิงคงช่างสวยงามยิ่งนัก ซึ่งเป็นแผ่นดินที่อยู่เบื้องบนของท้องฟ้า
“อุ๊ย คนนี้ไม่ใช่คุณชายหลินเหรอ?”
ทั้งสามได้มาถึงที่หมายจนสำเร็จ จากนั้นก็ได้ยินเสียงเย้ยหยันที่แหลมและดุดันมาจากด้านหลัง
เมื่อได้ยินเสียง พวกเฉินเกอทั้งสามคนจึงหันหลังไปมอง
เห็นมีชายหนุ่มสวมใส่เสื้อคลุมสีเขียวเข้มคนหนึ่งเดินเข้ามาหา
“ไป๋เล่!”
หลินจื่อหลันกดคิ้วลงมาเล็กน้อยและเอ่ยชื่อออกจากปากมาหนึ่งคำ
ชายหนุ่มตรงหน้าคือไป๋เล่ ซึ่งเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลไป๋ในโลกยู่ และมีพลังวิชาไปถึงขึ้นการบำเพ็ญจิตชั้นหนึ่งของขอบเขตเจิน
เหริน
“คิดไม่ถึงว่าเศษสวะอย่างคุณชายรองตระกูลหลินจะสามารถเข้าแผ่นดินหลิงคงได้ ต้องมีคนค่อยช่วยเหลือแน่ๆ!”ไป๋เล่มองหลินจื่อหลันพลางพูดเยาะเย้ย และเหลือบไปมองเฉินเกอด้วยสีหน้าที่อย่างน่าสนใจ
ความหมายของคำพูดนี้ชัดเจนมาก นั่นก็คือหัวเราะเยาะหลินจื่อหลันได้รับการช่วยเหลือจากคนอื่นถึงจะผ่านเข้ามาในแผ่นดินหลิงคงได้
พูดจบ ไป๋เล่ก็หัวเราะเยาะเสียงดังลั่นแล้วเดินไปด้านหน้าอย่างไม่แยแสหลินจื่อหลัน เฉินเกอ และโจวโน่
“เชอะ ได้ยินมาตั้งนานแล้วว่าคุณชายใหญ่ตระกูลไป๋มีฝีปากที่แรงกล้า วันนี้ได้เห็นกับตาแล้ว!”.โจวโน่เหล่ตามองแผ่นหลังของไป๋เล่พลางพูดอย่างเย้ยหยัน น้ำเสียงยังแฝงความดูถูกไว้ด้วย
โจวโน่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของไป๋เล่ดี เพียงแต่ไม่เคยได้พบปะกันเท่านั้นเอง
แต่เฉินเกอไม่ใส่ใจคนอย่างไป๋เล่หรอก สิ่งสำคัญในตอนนี้คือหาที่พักพิงให้ได้เสียก่อน
ไม่นาน พวกเฉินเกอสามคนก็ได้เดินทางมาถึงโรงแรมแห่งหนึ่ง แต่กลับพบว่าไม่มีเงินตราที่จะสามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ปรารถนาได้เลย
มาถึงแผ่นดินหลิงคงก็จะต้องใช้เงินสกุลหลิงคงนั่นเอง ดังนั้นเงินสกุลโลกยู่กับสกุลเงินโลกมนุษย์จึงไร้ความหมายไม่สามารถใช้ได้ และที่สำคัญแลกเปลี่ยนเงินตราไม่ได้อีกด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องคิดวิธีหาเงินให้ได้เสียก่อน
แผ่นดินหลิงคงใช้สกุลเงินเหรียญทอง ดังนั้นทุกอย่างจึงใช้เหรียญทองแลกเปลี่ยน
และสถานที่เดียวที่จะได้เหรียญทองมาอย่างรวดเร็วนั้นก็คือสถานที่ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือที่สุดในแผ่นดินหลิงคง“ร้านประมูลจินหาง”
เมื่อย่างกายเข้าสู่แผ่นดินหลิงคง ลำดับแรกจะต้องไปที่ร้านประมูลจินหางเสียก่อน เพื่อจะได้นำสิ่งของติดตัวที่มีค่าไปขายหรือประมูลขาย ซึ่งนี่เป็นหนทางเดียวที่จะได้เหรียญทองมาได้เร็วที่สุด
พวกเฉินเกอทั้งสามคนได้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว จึงรีบมุ่งหน้าไปที่ร้านประมูลจินหางทันที
เมื่อมาถึงที่ร้านประมูลจินหางเห็นเพียงในร้านอัดแน่นไปด้วยผู้คน ซึ่งเข้าในลักษณะคนมืดฟ้ามัวดินเลยทีเดียว
คนที่มาจากโลกยู่กับคนที่มาจากโลกมนุษย์ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แค่มองเพียงแวบเดียวก็สามารถแยกแยะได้ว่าใครมาจากไหนกันแน่ และคนแผ่นดินหลิงคงมักรังเกียจและมีอคติต่อคนโลกยู่ไม่ใช่น้อย