ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 511 การประชุมแลกเปลี่ยน
บทที่ 511 การประชุมแลกเปลี่ยน
เลี้ยงข้าว?
เฉินเกอกำลังจะไปกินข้าวพอดี
มีคนเลี้ยงข้าว แน่นอนว่าก็ต้องดีกว่าออกเงินเอง
“ได้ครับ!”
เฉินเกอรับปาก
“คุณ!”
จางหมินใกล้ที่จะหมดคำพูดกับผู้ชายตรงหน้าแล้ว
แต่ว่านะ หญิงสาวล้วนชื่นชมวีรบุรุษ ถึงแม้เฉินเกอจะไม่ใช่วีรบุรุษแต่ว่าเขาช่วยเหลือเธอจริงๆ
บวกกับรูปลักษณ์ของเฉินเกอดูดีและเฉลียวฉลาด ทำให้คนอยากเข้าใกล้แบบไม่รู้ตัว
ดังนั้นจางหมินก็เลยพาเฉินเกอมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
คุยตอบโต้กันไปก็เลยเริ่มสนิทสนมขึ้นมาเล็กน้อย
“คุณมาเที่ยวที่นี่ ก็มาแบบบังเอิญอยู่นะ!”
จางหมินบอก
“บังเอิญยังไง?”
“ไม่รู้สิ ตั้งแต่พรุ่งนี้ตระกูลลู่แห่งมณฑลหลงเจียงก็จะเริ่มงานจัดแสดงแลกเปลี่ยนของสะสมเก่าแก่ล้ำค่าแล้ว! เร็วกว่าครั้งก่อนหนึ่งเดือน กลับพอดีที่คุณจะได้ไป!”
“ทุกปีงานจัดแสดงแลกเปลี่ยนของสะสมเก่าแก่ล้ำค่า มาๆไปๆจะเป็นต่างชาติอยู่ตลอด คนที่มาเยอะมากๆ อาจจะทำให้คุณตาลายได้!”
จางหมินบอก
“อ้อๆ ผมเคยได้ยินแต่งานจัดแสดงของเก่าแก่ ยังไม่เคยได้ยินงานจัดแสดงแลกเปลี่ยนของสะสมเก่าแก่ล้ำค่าเลย!”
เฉินเกอยิ้มแห้งแล้วส่ายหน้า
“งานจัดแสดงของเก่าแก่แก่จะเทียบได้ที่ไหน งานแลกเปลี่ยนในครั้งนี้น่ะมีของรวมกันหลายอย่าง มีทุกอย่างเลยไม่เพียงแต่ของเก่าแก่ ยังมีสมบัติทุกรูปแบบอีก ขอแค่คุณมีของรักก็สามารถเอามาจัดแสดงได้ ยกตัวอย่างดีกว่า ก็อย่างเช่นแหวนหยกสักวง เวลาปกติคุณต้องไปขายเอง ขายได้วงละประมาณหนึ่งแสน แต่ว่าถ้าเกิดว่าผ่านกระบวนการงานจัดแสดงแลกเปลี่ยนของสะสมเก่าแก่ล้ำค่า ในงานคุณสามารถที่จะขายออกไปได้ในราคาล้านหนึ่งเลย บางทีอาจจะราคาสูงกว่านั้น!”
“ผมเข้าใจแล้ว แต่ว่านั่นเป็นสิ่งที่คนมีเงินทำกัน ถ้าเกิดให้ผมไป ผมก็แค่ไปดูๆเท่านั้นแหละ ว่าไปแล้ว พวกของเก่าแก่ของรักสะสมพวกนั้น ก็คืออย่างนั้นกับของพวกนี้ผมเคยดูมาไม่มาก!”
เฉินเกอหัวเราะ
“แหม! ดูว่าคุณเป็นคนฉลาด แต่คุณกลับพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้ ฉันบอกความลับให้คุณเรื่องหนึ่ง เรื่องๆนี้ ถ้าไม่ใช่คนวงใน ไม่มีใครรู้เรื่องหรอก!”
อยู่ๆจางหมินก็พูดเสียงให้เบาขึ้น
เฉินเกอคีบสุยจู่หยู(ปลาต้มน้ำเผ็ด)เข้าปากไปคำหนึ่ง แล้วดื่มน้ำเข้าไปอีกคำ ทำท่าทีให้จางหมินลองพูดให้ฟัง
“งานแลกเปลี่ยนเมื่อสี่ปีที่แล้ว เคยมีเครื่องวัตถุโบราณนำเอามาแสดง แถมยังแวววับ มีการสลักชื่อจารึกไว้ด้วยว่าเป็นเครื่องวัตถุโบราณโบราณ!”
จางหมินว่า
“พรู่ด!”
เครื่องดื่มคำนั้นของเฉินเกอเกือบจะโดนพ่นออกมา
“คุณพูดจริงหรือพูดเล่น?”
จางหมินโดนท่าทางของเฉินทำให้โมโหอีกครั้ง
“ฉันจะโกหกคุณไปทำไมล่ะ ก็แค่คุณไม่เคยได้มีประสบการณ์เท่านั้น นั่นก็คือฝุ่นชั้นแรก เมื่อนานมาแล้วมีนักพรตในลัทธิเต๋าใช้ ยังไงก็ตามแต่ วางไว้ในบ้านก็จะช่วยปัดเป่าความชั่วร้าย เพียงแต่ว่าโดนคนจากโวกั๋ว(ชื่อเรียกประเทศญี่ปุ่นสมัยก่อน)ซื้อมันไปด้วยเงินจำนวนมหาศาล ซื้อกลับมาบ้านไม่ถึงครึ่งปี นักธุรกิจผู้ร่ำรวยจากโวกั๋ว(ชื่อเรียกประเทศญี่ปุ่นสมัยก่อน)คนนั้นมีแม่ที่ป่วยหนัก อยู่ๆก็หายได้อย่างมหัศจรรย์ เมื่อสี่ปีก่อนแม่ของเขาอายุเก้าสิบแปดปี ตอนนี้อายุหนึ่งร้อยสองปี ยังคงแข็งแรง!”
“ยังมีอีกนะ ครั้งก่อน มีดโบราณเล่มหนึ่งโดนคนซื้อไป ได้ยินมาว่า นั่นก็เป็นเครื่องวัตถุโบราณเหมือนกัน สรุปก็คือเรื่องแบบนี้มีเยอะมาก ด้านหน้าก็เป็นแค่ของสะสม ของรักของเก่าแก่พวกนั้น แต่ว่าภายในเรื่องสำคัญจะเป็นพวกนี้ คนวงนอก ทั้งหมดก็มาเพื่อสิ่งนี้!”
จางหมินบอก
เฉินเกอวางแก้วเหล้าลง หัวคิ้วก็ขมวดขึ้นมา
เห็นจางหมินพูดด้วยท่าทางจริงจังและดูไม่เหมือนว่าเป็นเรื่องหลอก
ที่จริง ถึงแม้ว่าเมื่อกี้เฉินเกอจะไม่ได้พูดอะไร แต่ว่ามันก็มีเครื่องวัตถุโบราณอยู่จริง ก็แค่อยากให้จางหมินพูดรายละเอียดออกมาให้ฟังเท่านั้น
ภาพสุริยันของคุณปู่ จะว่าไปแล้วก็เป็นของเก่าแก่ที่เป็น เหวินลู่เครื่องวัตถุโบราณ
ตั้งแต่โบราณจนถึงทุกวันนี้ ทุกๆการเริ่มต้นขึ้นของแต่ละครอบครัว จำเป็นต้องมีพลังลึกลับเข้ามาช่วยด้วย
ก็ฟังคุณปู่บอกมา ถึงได้รู้ว่าตอนนั้นตระกูลฟางกับตระกูลเฉินเรื่องที่แย่งหยกแขวนกัน
ส่วนหยกแขวนอันนั้น แบ่งออกเป็นเครื่องวัตถุโบราณของตระกูลเฉินแล้วก็ตระกูลฟาง บ่งบอกถึงความโชคดีของทั้งสองตระกูล
ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะแอบเข้าไปในบ้านตระกูลฟางและพยายามที่จะหาหยกแขวนอีกครึ่งหนึ่ง คุณอารองเฉินผิงอันก็คงจะไม่เกิดเรื่องหลังจากนั้นขึ้น
“คุณรู้ดีขนาดนี้ได้ยังไง พวกนี้คงไม่โดนป่าวประกาศออกไปใช่ไหมล่ะ?”
เฉินเกอทำท่าทางตกใจแล้วพูดขึ้น “ผมว่าคุณนี่ก็หลอกคนเก่งเหมือนกันนะ คงไม่ได้ทำงานขายหรอกใช่ไหม? ฮ่าๆๆ!”
“คุณ….พูดมั่วซั่ว ฉันบอกอะไรคุณนะ ฉันเป็นนักบัญชีของหนึ่งในบริษัทของตระกูลลู่ งานแลกเปลี่ยนทุกๆปี บริษัทของเราเป็นผู้จัด คุณว่า สิ่งที่ฉันพูดจะเป็นเรื่องโกหกเหรอ!”
“อีกอย่าง ฉันก็เห็นว่าคุณช่วยฉันเอาไว้ ถึงได้บอกคุณมากขนาดนี้ คุณห้ามเอาไปพูดที่ไหนนะ และต่อให้พูดไป เกรงว่าคงจะไม่มีใครเชื่อ!”
จางหมินดื่มเครื่องดื่มไปอึกหนึ่ง
“หึ ดูท่าทางของคุณ เหมือนว่าจะสนใจล่ะสิ อยากจะไปดูไหม?”
จางหมินถาม
“พูดอย่างกับว่าพอผมอยากไปก็สามารถไปได้เลยอย่างนั้นแหละ จะได้ตั๋วเข้างานสักใบคงไม่ง่ายใช่ไหมล่ะ?”
เฉินเกอยิ้ม
“ก็ใช่ แต่ว่าก็ดูด้วยว่าฉันเป็นใคร ฉันคือจางหมินเป็นคนที่ไม่ชอบติดหนี้บุญคุณของใคร คุณช่วยเหลือฉันไว้ตั้งเยอะ และฉันคนนี้ก็สามารถพิจารณาที่จะให้ตั๋วเข้างานกับคุณหนึ่งใบฟรีๆ! แต่ว่า พวกเราสองคนถือว่าหายกันแล้ว! โอเคไหม?”
จางหมินยิ้ม
จากนั้น ก็ค่อยๆหยิบตั๋วเข้างานหนึ่งใบออกมาจากกระเป๋าของตัวเองแล้วส่งให้เฉินเกอ
“บอกคุณให้นะว่า ต่อไปห้ามดูถูกคนอื่น โดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆแบบฉัน! ดูท่าทางคุณยังไม่เคยมีประสบการณ์งานใหญ่ละสิ เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้เพื่อนต่างเมืองของฉันก็จะมาเที่ยวเหมือนกัน ถึงตอนนั้นก็จะพาพวกคุณไปเที่ยวรอบๆด้วยกัน!”
จางหมินบอก
“ได้ครับ อย่างนั้นก็ขอบคุณ! จริงสิ ตระกูลลู่ที่คุณบอกคือตระกูลลู่ไหนเหรอ?”
เฉินเกอเก็บตั๋วเข้างานเรียบร้อยแล้วก็ถามขึ้นอีกครั้ง
“แน่นอนว่าก็ต้องเป็นตระกูลลู่แห่งมณฑลหลงเจียงน่ะสิมณฑลหลงเจียงก็มีแค่ตระกูลลู่นี้เท่านั้น!”
เหอๆ พวกสามคนพี่สาวน้องชายนั่น เสื้อผ้าบนตัวดูไปแล้วก็แค่เสื้อผ้าธรรมดาทั่วไป แต่ว่าที่จริงแล้วชิ้นหนึ่งล้วนราคาหมื่นกว่าทั้งนั้น
เฉินเกอมองออกตั้งนั้นแล้วว่าพวกพี่สาวน้องชายสามคนนั้นไม่ธรรมดา
ตระกูลลู่แห่งมณฑลหลงเจียง? คงไม่ใช่ลู่หานของลู่หานคนนั้นหรอกนะ?
เฉินเกอพูดในใจ
แต่ว่าก็ช่างเถอะ งานแลกเปลี่ยนในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าเฉินเกอให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
ถ้าเกิดว่ามีเครื่องวัตถุโบราณจริงๆ ตัวเขาเองก็อยากจะไปดูๆบ้าง ของพรรณ์นี้ โดนคนอื่นเอาไปหนึ่งชิ้น ก็น้อยลงไปหนึ่งชิ้น
เย็นวันนั้น เฉินเกอพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง
รอจนถึงเช้าวันถัดไป เฉินเกออกไปตั้งแต่เช้า แล้วก็ไปถึงสถานที่จัดงานแลกเปลี่ยน
ไม่ใช่สถานที่จัดงานที่อื่นที่ไหน ก็คือวิลล่าไป๋น่า
เฉินเกอนึกว่าตัวเองมาเร็วแล้ว
แต่คิดไม่ถึงว่าตอนที่ตัวเองไป กลับมีผู้คนล้นหลามมากมาย
รถหรูอยู่ทุกที่
ตามที่นัดกันไว้เขาจะต้องรอจางหมินอยู่ตรงประตูทางออก
ในตอนที่กำลังรออยู่
ก็ได้เห็นว่ามีรถหรูหลายคันค่อยๆขับเข้ามา
บนรถ มีชายหนุ่มและหญิงสาวแต่งตัวดูดี หรูหราลงกันมามากมาย
ผู้รักษาความปลอดภัยรอบๆล้วนโค้งตัวลงอย่างเคารพ
เฉินเกอที่ยืนอยู่ในมุมข้างๆ เห็นได้ชัดเจน
ในกลุ่มชายหญิงเหล่านั้นมีสามคนที่เฉินเกอรู้จัก
ไม่ใช่พี่ชายน้องสาวสามคนเมื่อวานหรือไง
ยังไงล่ะ ทั้งสามคนก็คือคนมีชื่อเสียงจริงๆด้วย
ในตอนนั้นเฉินเกอสวมหมวกอยู่ใบหนึ่ง เขาเลยกดปีกหมวกให้ต่ำลง
ไม่ได้กลัวแม่สาวลู่หานคนนั้น แต่กลับกลัวลู่เสว่กับลู่ชาว ถ้าเกิดว่าจำตัวเองได้ละก็ ไล่ให้ตัวเองออกไป ไปขอร้องจางหมินอีกก็ไม่ดีแน่
เห็นว่าพวกเขาพูดคุยหัวเราะแล้วก็เข้าไปแล้ว เฉินเกอก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“เฉินเกอ มาเร็วเหมือนกันนะ!”
และในตอนนี้ จางหมินมาแล้ว ยิ้มแล้วเดินมาแตะไหล่ของเฉินเกอ
ส่วนด้านหลังของเธอ ยังมีผู้ชายและผู้หญิงที่อายุน้อยตามมาด้วย……