ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 421 นายเปลี่ยนไปแล้ว
บทที่ 421 นายเปลี่ยนไปแล้ว
“มานี่เลยแก!”
แต่ในขณะนี้ ลูกน้องตัวฉกรรจ์คนหนึ่ง อยากอาศัยในช่วงเวลาที่เฉินเกอกำลังพูดคุยอยู่ จับตัวฉินหยาจากด้านข้าง
แต่ว่า มือของเขาเพิ่งยื่นออกไป ข้อมือก็โดนกระชากไว้ในทันที
จากนั้นก็ได้ยินเสียงกร็อบแกร็บดังคมชัด
ข้อมือของนายคนนี้ พลิกกลับไปในทิศทางที่แปลกประหลาดยิ่งนัก
อ๊าก!
เปล่งเสียงกรีดร้องโหยหวนเหมือนฆ่าหมู
จากนั้น เฉินเกอก็จับผมของคนคนนี้ไว้ กระแทกเต็มพลัง!
ทั้งหัวได้สัมผัสใกล้ชิดกับโต๊ะหินอ่อนตรงหน้า
ปัง!
เสียงโต๊ะดังขึ้น โต๊ะหินอ่อนถูกหัวของคนคนนี้ กระแทกจนแตกสลาย
เลือดไหลอาบหน้าในทันที นอนชักกระตุกอยู่บนพื้น
“อะไร?”
และความเมาของพี่เป่า สร่างเมาไปไม่น้อย
ไม่คาดคิดเลยว่า ไอ้หมอนี่ที่อยู่ตรงหน้า จะเก่งกล้ามากเขาขนาดนี้ คนนี้ถือเป็นหนึ่งในลูกน้องที่เก่งกาจของตัวเองแล้ว
แต่กลับถูกเขาเล่นเหมือนลูกไก่ในกำมือ กำจัดในชั่วพริบตา
และไอ้หมอนี่ ลงมือโหดเกินไป!
“อ๊าก!เฉินเกอ!”
และฉินหยาก็ตกตะลึงเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อเห็นคนคนนั้นเลือดสดเต็มหน้า และจมูกก็เบี้ยวแล้วด้วย ตกใจกลัวแทบตาย!
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน! เฉินเกอโหดเหี้ยมขนาดนี้!?
หัวใจของฉินหยาเต้นระรัว
“คุณชื่อโจวเป่าใช่ไหม หลี่จุนเป็นพี่ชายของนาย?
เฉินเกอถามอย่างเย็นชา
“นาย…… นายเป็นใคร?”
และทันทีที่โจวเป่าได้ยิน หัวใจก็กระตุกวูบ
พี่จุนเป็นถึงคนที่มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ และเมื่อก่อนเขาเคยเป็นคนขับรถของเจ้าพ่อ โห๋ผิง ท่านประธานของบริษัทซิ่นเฟิงกรุ๊ป
ดังนั้น หลังจากที่พี่จุนเข้าวงการ ก็ดำรงอยู่ในเยี่ยนจิง ราบรื่นไม่เคยมีอุปสรรคเลย
ตัวเองก็ได้รับการดูแลของพี่จุน ถึงได้มีงานบ้าง
เบื้องหลังของพี่จุนนั้นแปลกประหลาด ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเรียกชื่อเต็มพี่จุนโดยตรง
แต่ไอ้หมอนี่ กลับรู้ตื้นลึกหนาบาง!
เมื่อพูดถึงแล้ว เรื่องนี้ยังเป็นแค่เรื่องเมื่อคืน ก็ไม่รู้ว่าโห๋ผิงได้รู้เรื่องที่เสี่ยวเป้ย เกือบถูกคนหลอกได้ยังไง
จึงโทรเข้ามาถามดู บอกว่าคนที่หนุนหลังของคนคนนั้น เป็นลูกน้องของลูกน้องของคนขับรถในเมื่อก่อนของเขา ดังนั้นก็ต้องเป็นโจวเป่า โดยปริยาย
สอบถามเฉินเกอว่า จะกำจัด โจวเป่า แล้วสามีภรรยาคู่นั้นหรือไม่ เพื่อแก้แค้นให้เฉินเกอและเสี่ยวเป้ย น้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง
เฉินเกอก็เลยบอกว่า เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยไม่สำคัญแล้ว
“ฉันเป็นใคร นายยังไม่คู่ควรรับรู้ มีโอกาส ก็ไปสอบถามกับหลี่จุนแล้วกัน!”
หลังจากพูดจบ เฉินเกอก็เดินไปอย่างสง่าผ่าเผย ผลักโจวเป่าออกไป
จับมือของเสี่ยวเป้ย ไว้ หลังจากที่จ้องเขม็งโจวเป่า ด้วยสายตาตักเตือน ก็ออกไปเลย
ส่วนโจวเป่าแม้จะเป็นคนโหดเหี้ยม แต่ในตอนนี้ กลับแค่หายใจเสียงดังยังไม่กล้า
ประการแรก คือตกใจกับฝีมือการต่อสู้ที่โหดเหี้ยมของเฉินเกอในเมื่อกี้
อีกประการหนึ่ง คือดูเหมือนว่าเขาจะเพิกเฉยต่อพี่จุนมาก
ทำให้ โจวเป่ารู้สึกว่า คนคนนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก
เพราะยังไงแล้ว พวกเขาที่เข้ามาในวงการ เข้ามาเพื่ออะไร? เพื่ออาณาเขต? ไม่ใช่แน่นอน พูดตามตรงแล้ว เข้ามาเพื่อความสัมพันธ์ของพวกพ้องไม่ใช่หรือ!
ปกติรังแกคนที่ไม่มีเบื้องหลังเพื่อโชว์พลังหน่อยก็พอแล้ว ถ้าได้เจอคนที่มีเบื้องหลังจริงๆ พวกเขาแม้แต่หายใจเสียงดังยังไม่กล้า
“พี่เป่า เขาทำร้ายพวกพี่น้องเราถึงขนาดนี้ ปล่อยให้เขาไปแบบนี้เลยเหรอ?”
ลูกน้องคนหนึ่งพูดขึ้น
โจวเป่า จ้องมองแล้วพูดว่า “เหอะ เมื่อไอ้หมอนี่พูดถึงพี่จุน ฉันเลยตกใจไปหน่อย ไม่เป็นไร หยางเย่บอกกับฉันแล้ว ไอ้หมอนี่เป็นนายกระจอกที่มาจากจินหลิง ฉันถามพี่จุนอีกทีดีกว่า ถ้าไอ้หมอนี่กล้าโกหกฉัน ฉันรับประกันให้เขาไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์ในวันรุ่งขึ้นแน่นอน!”
ใช่แล้ว นี่เป็นแผนที่หยางเย่ ที่โทรมาวางกับดักไว้ในเมื่อกี้
เตรียมที่จะทำให้เฉินเกอที่มาจากบ้านนอก ได้อับอายขายหน้า
ในเวลานั้น โจวเป่ายังคงมีใจที่คิดว่าต้องระมัดระวัง รอบคอบทุกด้าน เลยโทรหาพี่จุน
บอกข้อมูลของเฉินเกอโดยคร่าวๆ
จากนั้นพวกลูกน้องทั้งหลาย ก็ได้เห็นสีหน้าของโจวเป่า ขาวซีดเรื่อยๆ!
“เขาเป็นใคร นายไม่คู่ควรที่จะรับรู้ ตอนนี้นายยังอยากจะมีชีวิตอยู่ ใครที่ได้แตะต้องคุณหนูเสี่ยวเป้ย ก็ตัดมือของคนนั้นสัก ไม่แน่ นายอาจจะยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้!”
พี่จุนที่อยู่ทางปลายสาย หลังจากพูดจบประโยคสุดท้าย ด้วยน้ำเสียงที่เห็นอกเห็นใจแล้วตัดสายโดยตรง
“พี่เป่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง? พี่จุนพูดว่ายังไง?”
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของโจวเป่า ผิดปกติ พวกลูกน้องจึงรีบถามขึ้น
“ระยำ! หยางเย่ไอ้หมอนี่ ทำให้ฉันเดือดร้อนแย่แล้ว!”
จากนั้น โจวเป่าก็ได้โยนโทรศัพท์มือถือลงบนพื้นอย่างดุเดือด
ทางเฉินเกอที่ดึงมือ เสี่ยวเป้ยแล้วเดินออกไปทันที เสี่ยวเป้ยไปพูดกับพวกลูกพี่ลูกน้องในห้องส่วนตัวว่าไม่เป็นไรแล้ว
ส่วนเธอนั้น หวาดกลัวเพราะความตกใจจริงๆ ก็ไม่มีอารมณ์ที่จะเล่นต่อแล้ว เลยเตรียมที่จะออกไปพร้อมกับเฉินเกอ
ส่วนฉินหยานั้น เดิมทีก็ไม่ได้มีความสนใจอยู่แล้ว
นอกจากนี้ เฉินเกอมาแล้ว จากนั้นก็ไปแล้ว เธอยังอยู่ต่อไป ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
เลยออกไปพร้อมกับเฉินเกอดีกว่า
หยางเย่เกิดอาการอิจฉาริษยาจนขาดสติ ยิ่งรู้สึกสงสัยในใจนัก
“เรื่องเป็นอย่างไร?”
ตามที่ตกลงกันไว้ เฉินเกอในตอนนี้ ต้องออกมาอย่างน่าสมเพชไม่ใช่หรือ จากนั้นตัวเองพาคนไปดูสภาพที่น่าสมเพชของเฉินเกอ?
โจวเป่า กำลังทำบ้าอะไรอยู่? จัดการเรื่องยังไงกัน?
ในเวลานี้ หยางเย่ มีอารมณ์อย่างไม่พอใจ มาถึงที่ห้องรับรองของโจวเป่า
“นายทำอะไร?”
หยางเย่ ถามโจวเป่าโดยตรงอย่างเย็นชา
เมื่อเห็นลูกน้องคนหนึ่ง ที่นอนอยู่บนพื้น เลือดออกเต็มพื้น ก็นิ่งอึ้งด้วยความตกใจในทันที
“เกิดอะไรขึ้น?”
หยางเย่ ถาม
ปัง!
สิ่งที่ตอบกลับหยางเย่คือขวดเหล้าของ โจวเป่า ฟาด หยางเย่ล้มลงกับพื้นทันที
“หยางเย่บัญชีนี้ เราค่อยมาคิดชำระกันในตอนหลัง! พวกเราไป! ยังมีพวกนายด้วย คืนนี้ไปที่ศาลเจ้าลงโทษตามกฎพรรค!”
หลังจากที่โจวเป่าพูดจบ เหงื่อแตกเต็มหน้า แล้วเดินออกไปโดยตรง
เพียงเพราะว่าพี่จุน ได้พูดประโยคหนึ่งทางโทรศัพท์ และเป็นเพราะประโยคนี้ ทำให้โจวเป่าร้อนรน เหมือนวิญญาณออกจากร่างในทันที!
“ตัวตนของเขา นายและฉันไม่คู่ควรที่จะรับรู้ นายแค่ต้องจำไว้ว่า แม้แต่ท่านประธานโห๋ผิงได้เจอเขา ยังต้องพูดโค้งคำนับ เท่านี้ก็พอ!”
หลังจากกลับไปส่งเสี่ยวเป้ยแล้ว
เพราะฉินหยาก็ตามตัวเองมาด้วย เฉินเกอก็เลยได้ส่งฉินหยาลงไปที่ชั้นล่างอีก
ทั้งสองคนเหมือนกันเลย ไม่มีใครริเริ่มที่จะพูดก่อน เดินไปข้างหน้าแบบนี้ด้วยกัน
“เฉินเกอ นายเปลี่ยนไปแล้ว!”
ฉินหยาพูดขึ้นกะทันหัน
“ ฉันเปลี่ยนไป? ไม่มีนะ!”
เฉินเกอพูดยิ้ม
เฉินเกอรู้สึกว่า ถึงแม้ตัวเองจะกลับเข้าสู่ตระกูลแล้ว แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจริงๆ ไม่ได้เหมือนดั่งพี่สาว ที่ฟุ่มเฟือยไร้ขอบเขต ตัวเองก็ยังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อน ชอบใช้ชีวิตในแบบที่เรียบง่ายและพอเพียง
ไม่ได้เปลี่ยนไป!
“ได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ บางทีนายอาจจะรู้สึกไม่ได้ แต่ฉันรู้สึกได้จากสายตาของนาย จริงๆนะ นายไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว!”
“เมื่อก่อนตอนที่พวกจ้าวถงถงหัวเราะเยาะเย้ยนาย นายเพียงแค่ก้มหน้าลง แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว! และเมื่อกี้ที่นายลงมือต่อยคน ทำให้ฉันสะดุ้งตกใจจริงๆ ทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันรู้สึกว่า คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ไม่ใช่เฉินเกอ แต่เป็นคนแปลกหน้า!”
ฉินหยาก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือความรู้สึกอย่างไร
ถ้าต้องพูดจริงๆ สิ่งเดียวที่ทำให้ตัวเองเปลี่ยนไปมากที่สุดก็คือ ตั้งแต่เมื่อก่อน เฉินเกอก็ทำให้ตัวเองรู้สึกถึงความปลอดภัย ถึงตอนนี้ได้มีความรู้สึกปลอดภัยอย่างสมบูรณ์
“ฉันไม่ได้เปลี่ยนไปจริงๆ นั่นเป็นเพราะว่า เมื่อก่อนเรามีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยเกินไป!”
เฉินเกอพูดยิ้มแห้งๆ
ส่วนฉินหยานั้น ไม่ได้พูดอะไร เงยหน้าขึ้นเหลือบมองเฉินเกออย่างระมัดระวัง จากนั้นก็หยุดก้าวเดิน แล้วพูดเสียงเบา
“เฉินเกอ มู่หานเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
แม้เธอจะรู้ว่า นี่จะทำให้เฉินเกอมีอารมณ์ตกต่ำ
แต่ฉินหยาที่เดินตามมา ก็อยากจะรู้จริงๆ……