ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 416 เขาเหนือกว่าใคร ๆ
บทที่ 416 เขาเหนือกว่าใคร ๆ
“เขตพื้นที่นี้โจวเป่าเกอเป็นคนคุมนะ”
ผู้หญิง ทำท่าทีจะกดโทรศัพท์
เมื่อโกวไฉเฟิ่งได้ยินชื่อนี้แล้ว ก็รู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง
เป่าเกอชื่อนี้ ในเขตพื้นที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่นั้น มีอิทธิพลมาก และสถานเริงรมย์ยามค่ำคืนหลาย ๆ แห่งก็เป็นของเขา
หากว่าผู้หญิงคนนี้รู้จักกับเป่าเกอจริง ๆ ล่ะก็ งั้นตัวเองก็คงจะซวยแล้ว
หากจะพูดไปแล้ว คนในตระกูลหยาง ไม่ควรที่จะยอมต่ออะไรง่าย ๆ
แต่ว่าหมดหนทางแล้ว ครั้งนี้คงต้องพึ่งตระกูลหยางแล้วจริง ๆ ตระกูลหยางถึงแม้ว่าจะให้ความช่วยเหลือ แต่ว่า ก็ต้องเจอคุณย่าด่ายับเช่นกัน เพราะได้นำความเดือดร้อนมาให้แก่ครอบครัว
ด้วยเหตุนี้ บางครั้งจึงจำเป็นต้องรู้จักการลดลาวาศอกบ้าง
เพราะโกวไฉเฟิ่งในตอนนี้นั้น คงไม่มีกล้าที่จะเอาตระกูลหยางไปเบ่งใส่ใคร ๆ ได้แล้ว
แต่ว่าตอนนี้ เป็นพวกเธอที่ได้ชนกับลูกสาวของตน และพวกเขายังได้รับการข่มขู่อีกด้วย
โกวไฉเฟิ่งเองก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
“งั้นโทรเลย ให้เขาโทร”
ในเวลานั้น เฉินเกอก็ได้ลุกขึ้นแล้วพูด
ผู้หญิงคนนั้นถึงกลับตะลึง
“นายหมายความว่ายังไง ไม่เชื่อใช่ไหม ได้ งั้นฉันจะโทรเดี๋ยวนี้”
ผู้หญิงคนนั้นกดเบอร์โทรจริง ๆ
ส่วนโกวไฉเฟิ่งเมื่อได้ยินดังนั้นก็เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี
“นายหุบปากไปเลย นายจะรู้อะไร ยืนนิ่ง ๆ ก็พอ”
เมื่อตะคอกใส่เฉินเกอแล้ว
โกวไฉเฟิ่งก็รีบห้ามปรามผู้หญิงคนนั้นไว้ก่อน “มีอะไรค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จาก็ได้ พวกเธอว่ามา จะให้ชดใช้เท่าไร พวกเราจะชดใช้ให้เอง”
ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นว่า “นี่ค่อยดีหน่อย เอาอย่างนี้ดีกว่า งั้นก็เอามาหนึ่งหมื่นแล้วกัน”
โกวไฉเฟิ่งกัดฟันแน่น “ได้ เดี๋ยวพวกเราจะเอาให้”
“ได้ไงอ่ะ แม่ ไม่ต้องให้พวกเขา”
หยางเสี่ยวเป้ยรู้สึกร้อนรนจนจะร้องไห้
“ไม่จ่ายใช่ไหม งั้นฉันจะโทรตอนนี้เลย”
ผู้หญิงคนนั้นเมื่อรู้สึกว่าข่มโกวไฉเฟิ่งอยู่แล้ว ก็ดูมีอาการพอใจขึ้นไปใหญ่
เธอขี่แค่รถจักรยานไฟฟ้า ริอาจจะมาสู้กับฉันที่ขับรถเบนซ์หรอ
“ให้ ๆ ๆ เดี๋ยวจะจ่ายให้ตอนนี้เลย”
โกวไฉเฟิ่งพูดขึ้นเพราะจนปัญญาที่จะสู้กับเธอ
จากนั้น ก็ใช้โทรศัพท์โอนเงิน
“โอ้วโห๋ พวกเธอรีบดูเร็ว รถคนใหม่นั้นเท่ห์สุด ๆ เลย”
ในเวลานั้น ผู้คนที่มามุงดูต่างก็มองไปยังประตูของเขตรั้วบ้าน เพราะมีเบนซ์ซีรีย์เจ็ดคันหนึ่งขับมาจอด ทำเอาทุกคนตรงนั้นต่างตะลึงไปตาม ๆ กัน
“ดูท่าแล้ว น่าจะเป็นรุ่นที่มีในต่างประเทศนะ อุปกรณ์ตกแต่งช่างดูหรูหราเสียจริง คงต้องประมาณแปด เก้าแสนแน่ ๆ เลย”
“โอ้วโห รถคันนี้โคตรเท่ห์เลย”
ผู้คนต่างก็พากันพูดถกเถียงเกี่ยวกับรถคันดังกล่าวอยู่
เฉินเกอเองก็เห็นรถคันนี้เหมือนกัน เลยอดคิดไม่ได้ว่า โห๋ผิงนั้นจะเป็นคนจัดการได้ดีขนาดนี้
ไม่ทันไรก็ส่งของมาแล้ว
เมื่อรถถึงประตูของเขตรั้วบ้านแล้ว ก็ได้หยุดจอดอยู่ตรงนั้น
และคนที่เดินจากรถลงมานั้น เป็นชายวัยกลางคน อายุประมาณสี่สิบกว่าปี สวมสูทผูกเนคไทอย่างสมาร์ท
เมื่อเห็นคนยืนที่หน้าประตูของเขตรั้วบ้านอยู่มากมาย
เลยถามขึ้นว่า “สวัสดีนะทุกคน ขอถามหน่อยตึกที่ 12 คูหาที่ 2 ไปทางไหน”
เขาได้ถามทางกับคนคนหนึ่ง
“ตึกที่ 12 คูหาที่ 2 อยู่ตรงพวกเรานี่แหละ”
โกวไฉเฟิ่งได้พูดขึ้น
“งั้นก็ดีเลย ผมมาส่งรถครับ หากว่าสะดวก รบกวนพาผมไปหน่อยครับ”
ชายวัยกลางคนพูดอย่างสุภาพ
“คุณคือประธานฟางหรอ”
และในเวลานั้น สองสามีภรรยามองยังชายวัยกลางคนแล้วพูดขึ้นด้วยอาการตกใจ
“ใช่แล้วครับ”
ประธานฟางพยักหน้า
“พวกเรารู้จักกันใช่ไหมครับ”
ประธานฟางถามขึ้น
“คุณไม่รู้จักพวกเราหรอก แต่ว่าพวกเรารู้จักคุณ ประธานฟางคุณเป็นถึงหัวหน้าตัวแทนจำหน่ายรถBMWในหัวเซี่ย รถของพวกเราซีรีย์ห้า ซึ่งติดต่อผ่านเป่าเกอ ถึงได้ซื้อรถคันนี้กับรองหัวหน้าโชว์รูม”
ผู้หญิงรีบพูดขึ้น เพราะว่า ประธานฟางเป็นคนที่เก่งมากจริง ๆ อยู่ที่เยี่ยนจิงนั้นนับว่าเป็นคนมีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ คนระดับอย่างเป่าเกอเองคงไม่อาจจะเอื้อมถึงได้หรอก แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นมาเฉย ๆ เผื่อว่าจะรู้จัก
“งั้นก็ขอขอบคุณคุณที่คอยสนับสนุน”
ชายวัยกลางคนพยักหน้าเล็กน้อย
เขาแทบจะไม่เคยได้ยินชื่อ เป่าเกอ คนนี้เลย และไม่ต้องพูดถึงรองหัวหน้าโชว์รูมเลย หรือแม้กระทั่งว่าหัวหน้าโชว์รูมเป็นใคร เขาก็ยังไม่รู้เลย
“โห๋ผิงให้นายมาส่งรถใช่ไหม”
และในเวลานั้น เฉินเกอพูดขึ้น ในขณะที่มืออีกข้างล้วงที่กระเป๋ากางเกงอยู่
ส่วนประธานฟางกลับสะดุ้งตกใจ
จากนั้น เขาก็มองพินิจพิจารณาที่เฉินเกอ แล้วพูดขึ้นด้วยความเคารพว่า “ใช่ครับ ๆ ๆ เขาบอกกับผมว่าให้นำรถมาส่งให้แก่คุณหยางเสี่ยวเป้ย และขั้นตอนอื่น ๆ ที่เหลือผมได้จัดการแทนเรียบร้อยแล้วครับ”
เมื่อประธานฟางได้ฟัง เลยรู้สึกว่าหนุ่มคนนี้ เหมือนจะมีความสัมพันธ์กันกับประธานโห๋อย่างลับ ๆ ไม่แน่ว่า คำพูดในโทรศัพท์นั้น อาจจะเป็นของประธานโห๋ก็ได้ ซึ่งก็ไม่มีทางรู้เลยว่าหนุ่มคนนี้ จริง ๆ แล้วเป็นใครกันแน่
จากนั้นเลยพูดแทรกขึ้น
“อะไรนะ หยางเสี่ยวเป้ยหรอ ตึกที่ 12 คูหา 2 งั้นก็ไม่ใช่พวกเราหรอกหรอ”
และโกวไฉเฟิ่ง ยิ่งรู้สึกตกใจไปใหญ่
“โอ้ว คุณคือญาติของหยางยู่ซิ่งหรอ”
ประธานฟางถามขึ้น
“เขาเป็นพ่อของฉันเอง”
หยางเสี่ยวเป้ยพูด
“งั้นก็คงจะใช่แล้ว สวัสดีครับคุณหยาง มีคนวานให้ผมนำรถคันนี้มาส่งให้คุณครับ นี่คือขั้นตอนทุกอย่างครับ ผมได้จัดการแทนคุณเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวรบกวนคุณตรวจดูว่านี่คือข้อมูลของคุณไหม”
จากนั้นประธานฟางยื่นกุญแจรถและเอกสารต่าง ๆ ให้กับหยางเสี่ยวเป้ย
หยางเสี่ยวเป้ยตรวจดู เป็นข้อมูลตัวเองจริง ๆ
“อะไรนะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใครกันที่ซื้อรถหรูขนาดนี้ให้กับพวกเรา”
โกวไฉเฟิ่งพูดขึ้นด้วยอาการดีใจ
ประธานฟางเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ได้แต่มองเฉินเกอ จากนั้นก็เดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “สวัสดีครับคุณผู้ชาย นี่คือนามบัตรของผมครับ หากคุณมีเรื่องอะไรที่จะให้ผมช่วย บอกผมได้เสมอนะครับ ”
ประธานฟางมองออกว่า เฉินเกอไม่ใช่คนธรรมดา
ก็เลยอยากจะเข้ามาประจบเป็นธรรมดา
แล้วจากนั้น ค่อยกลับไป
“โอ้พระเจ้า เป็นของพวกเราจริง ๆ ดีแท้ ๆ”
โกวไฉเฟิ่งพูดด้วยอาการดีใจ
และสองสามีภรรยานั้น ต่างก็ได้แค่มองหน้ากันและกัน สีหน้าเริ่มมีอาการดูซีดลง
วันนี้ตอนแรกอยากจะขู่ ๆ คนสักหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะรู้จักกับคนที่มีชื่อเสียงขนาดนี้
จากนั้น ก็แทบอยากจะขับรถหนีไป
“เดี๋ยวรอก่อน”
ส่วนเฉินเกอนั้น ได้แต่มองดูสองสามีภรรยาด้วยความพอใจ
“พวกเธอจะไปแบบนี้เลยหรอ”
“ยังต้องการอะไรอีก พวกเราไม่ให้พวกแกชดใช้อะไรแล้ว”
ผู้หญิงคนนั้นได้พูดขึ้น
“ไม่ให้พวกเราจ่ายเงินแล้วหรอ ได้ยังไง ต้องจ่ายอยู่แล้ว แต่เป็น พวกเธอต้องจ่ายให้กับพวกเราต่างหาก”
เฉินเกอได้พูดขึ้นมาทันใด
“ไม่ต้องเยอะหรอก พวกเธอชนรถจักรยานไฟฟ้าของพวกเรา เอาอย่างนี้ แค่หนึ่งแสนก็พอ”
“หนึ่งแสนหรอ”
ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ นั้นต่างก็ตะลึงไปตาม ๆ กัน
ส่วนสามีภรรยาสองคนนั้น รู้สึกช็อคจนตาค้าง
“เฮอะ ๆ แน่นอนสิ แต่ว่าพวกเธอเลือกที่จะไม่จ่ายเงินให้พวกเราได้นะ แต่ฉันคิดว่าประธานฟางคงยังกลับไปได้ไม่ไกลหรอก งั้นฉันจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้ พวกเธอก็ไปบอกเป่าเกอของพวกเธอ ส่วนฉันนั้นจะบอกประธานฟาง จากนั้น พวกเราค่อยมาถกกันว่าใครถูก”
เฉินเกอยิ้ม แล้วจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมา
“ไม่ต้อง ๆ เดี๋ยวพวกเรามาคุยกันดี ๆ ก็ได้”
และผู้ชายคนนั้น ทันใดก็ดูเหมือนว่าจะยอมขึ้นมาแล้ว
ส่วนผู้หญิงคนนั้น ใบหน้าซีดขาวเผือด
ใช่แล้ว ประธานฟางนั้นเป็นคนมีอำนาจล้นฟ้า และเมื่อครู่ก็ยังมีท่าทีเกรงใจเขาด้วย หากว่าเขากลับมา คงไม่ปล่อยสองคนนี้ไปง่าย ๆ แน่
หากถึงเวลานั้นจริง ๆ เมื่อเป่าเกอมาแล้ว ก็คงจะได้รับการสั่งสอนกลับไปเช่นกัน
“ลดน้อยลงหน่อยได้ไหม พวกเรา……”
“งั้นจะโทรศัพท์”
เฉินเกอเมื่อได้ฟังดังนั้น ก็เริ่มกดเบอร์เพื่อจะทำการโทร
“ได้ ๆ เดี๋ยวพวกเราจ่ายก็ได้”
ใช่แล้ว เมื่อจากกับคนอย่างนี้ สมควรแล้วที่จะต้องขู่พวกเขาเสียหน่อย แต่ว่า จะทำอย่างไรได้ล่ะ
จากนั้น เงินก็ถูกโอนเข้าบัญชีของโกวไฉเฟิ่งเป็นจำนวนเงินหนึ่งแสนหยวน และพวกเขายังต้องกล่าวขอโทษหยางเสี่ยวเป้ยอีกด้วย
เฉินเกอจึงได้ปล่อยให้พวกเขากลับไป
“เสี่ยวเป้ย เธอเอารถจักรยานไฟฟ้าไปจอดใต้ตึกก่อน เดี๋ยวฉันจะขับรถไปจอดใต้ตึกเหมือนกัน ”
ส่วนโกวไฉเฟิ่งนั้น รู้สึกดีใจทั้งวัน เมื่อได้กุญแจรถแล้ว ก็เดินไปยังรถ
และก่อนจะไปนั้น ยังแย่งเอานามบัตรของประธานฟางจากเฉินเกอติดมือไปด้วย
“ฮืม ประธานฟางรู้จักกับครอบครัวของพวกเรา นายไม่ต้องมาทำเบ่งให้มันมากนัก”