ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 375 ไปพบเฉินเกอเพื่อขอความช่วยเหลือ
บทที่ 375 ไปพบเฉินเกอเพื่อขอความช่วยเหลือ
“คนนี้ใครกัน? ทำไมไม่มีมารยาทเอาเสียเลย ไม่รู้จักกฎระเบียบบ้างเลย!”
“นั่นน่ะสิ ประตูใหญ่ของประธานจูเจียง ใครก็เข้าออกได้ตามใจงั้นหรือ? ไม่เห็นหรือไงว่าพวกเรารอคิวอยู่ตั้งนาน!”
ระหว่างนั้น หลายคนพากันซุบซิบนินทาราวกับเสียงนกกระจอก
ส่วนหูฮุ่ยหมินและสวี่หยางหยาง มองเขาด้วยท่าทีเยาะเย้ย
เพราะจูหมิงไม่น้อยหน้าใครในเมืองฉู่ชวน เขามีอำนาจเหลือล้น แต่จูหมิงคนนี้ค่อนข้างให้ความสำคัญกับประเพณี เมื่อมีคนที่สุภาพกว่า ก็ต้องรอดูไปก่อน
แต่ขณะที่เฉินเกอออกแรงเคาะประตู
ประตูห้องโถงก็ถูกผู้ดูแลคนหนึ่งเปิดออก
“เด็กคนนี้นี่ รนหาที่เสียแล้ว!”
“คิดว่าเรื่องตัวเองสำคัญนักหรือไง? ฮ่าๆ!”
“อายุยังน้อยแท้ๆ ทำอะไรไม่ใช้หัวคิด ต่อไปจะทำงานอะไรสำเร็จได้ล่ะ!”
ผู้คนต่างมองไปพลางหัวเราะ
“เฉิน……คุณชายเฉิน คุณเองหรือนี่!”
ณ ตอนนี้ ผู้ดูแลกลับพูดด้วยท่าทีงุนงงเล็กน้อย
พลางรีบโค้งคำนับอย่างช้าๆ
“อืม ผมเห็นว่ายุ่งกันมาก ก็เลยรออยู่ข้างนอกสักพักแล้ว!”
เฉินเกอฝืนยิ้มให้
“ครับๆๆ เชิญคุณชายเฉินเข้าไปได้ครับ!”
ผู้ดูแลกุลีกุจอเชิญเฉินเกอเข้าไป
ถ้าจะพูดว่าเฉินเกอยังไม่ใช่แขกกิตติมศักดิ์อีกละก็ ในโลกนี้คงไม่มีใครเป็นได้อีกแล้ว
“อะไรนะ?”
เหตุการณ์นี้ ทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านนอกประตูพากันตะลึง
“นี่คือคุณชายอะไรนะ? คุณชายเฉิน? ไม่เห็นเคยได้ยินเลย แต่ก็ไม่เคยเห็นพ่อบ้านโม่เป็นแบบนี้มาก่อนเลย!”
“จริงด้วย เขาเป็นใครกันแน่นะ?”
ผู้คนต่างรู้สึกประหลาดใจ
แม้แต่ หูฮุ่ยหมิน ก็พลอยอ้าปากค้างแบบเหลือเชื่อไปด้วย
หัวใจเต้นแรง
จนกระทั่ง ทำให้หูฮุ่ยหมิน เห็นภาพหลอน และรู้สึกหมดเรี่ยวแรง
ใช่แล้ว ตั้งแต่ชั้นมัธยม จนถึงปัจจุบันนี้หูฮุ่ยหมินดูถูกเฉินเกอมาโดยตลอด
ตอนที่เฉินเกออยู่ชั้นมัธยมต่อให้ขยันหมั่นเพียรขนาดไหน แต่ หูฮุ่ยหมิน ก็มองว่า อนาคตคงไปได้ไม่ไกลนักหรอก
ในชีวิตจริง ใครๆต่างก็รู้ว่าหูฮุ่ยหมินเป็นคนปากไวใจเร็ว บางครั้งพูดจาขวานผ่าซาก ทำร้ายจิตใจคนอื่น
พูดง่ายๆว่า ในแวดวงสังคมของหูฮุ่ยหมินที่เธออยู่มักมีอภิสิทธิ์อยู่เสมอ
ไม่เหมือนเวลาอยู่ต่อหน้าเฉินจุนเหวินและ หวางเจี้ยน หูฮุ่ยหมินมักพูดจาสงบปากสงบคำมากกว่านี้
ก็เพราะเคยดูถูกเฉินเกอไว้
แล้วตอนนี้ล่ะ เธอพบว่าคนที่ตัวเองเคยดูถูกมาตลอดกลายเป็นเศรษฐี ไม่เหมือนกับแต่ก่อน รวยกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ
เวลานี้ หูฮุ่ยหมินเกินจะรับได้จริงๆ
โน้มน้าวตัวเองด้วยเหตุผลสารพัด เฉินเกออาจจะถูกล๊อตเตอรี่ ถึงได้รวย เงินพวกนั้นเชื่อว่าใช้ได้ไม่กี่ปีก็หมดแล้ว
แต่ว่า ต่อให้เฉินเกอมีเงินมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเขาไม่มีเส้นสาย ฮ่าๆ ตอนนี้ในสังคมเรา ต้องการเส้นสายไม่ใช่หรือ
ด้วยเหตุนี้ กลยุทธ์ของหูฮุ่ยหมินในสองวันนี้ก็คือการตามหาคนที่เสมอภาคกัน
แล้วตอนนี้ล่ะ ตัวเองมาหาประธานจูเจียงเพื่อให้ช่วย แต่เฉินเกอ เข้าออกบ้านของประธานจูเจียงได้ตามอำเภอใจ
คิดดูแล้วความสัมพันธ์ระหว่างเฉินเกอและประธานจูเจียงคงไม่ใช่ธรรมดา
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า เฉินเกอจะรู้จักกับประธานจูเจียงกับเขาด้วย!”
สวี่หยางหยางรู้สึกกังวลมากขึ้น
แต่ถึงอย่างไร ตอนนี้ก็ช่วยไม่ได้แล้ว
ไม่มีใครช่วยตัวเธอ ความหวังที่มีนั่นคือประธานจูเจียง แต่ว่าประธานจูเจียงจะช่วยได้ขนาดไหนก็ยังไม่รู้เลย
“ฮุ่ยหมิน หรือว่าเธอลองโทรศัพท์ไปหาเฉินเกอดูสิ ให้เขาช่วยพูด เรื่องครั้งนี้ของพวกเราต้องแก้ไขได้แน่!”
เฉินจุนเหวินเป็นคนพูดประโยคนี้
“ฉันเนี่ยนะ?” หูฮุ่ยหมินร้อนใจราวกับโดนตบหนึ่งฉาด
“ใช่สิฮุ่ยหมิน อีตานี่เคยชอบเธอมาก่อน พวกเธอก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันด้วย เธอเป็นคนพูดย่อมดีกว่าพวกเราเป็นไหนๆ! ถ้าไม่งั้น ฉันว่าขืนเข้าคิวรอจนถึงตอนบ่าย อดทนรอจนกว่าจะได้พบประธานจูเจียง! เรื่องอาจจะลุกลามใหญ่โตไปมากกว่านี้อีก!”
เฉินจุนเหวินกล่าวอย่างร้อนใจ
“จริงด้วย ฮุ่ยหมิน เธอไปขอร้องเฉินเกอดูสิ เขาต้องช่วยได้แน่ๆ!”
สวี่หยางหยางเห็นด้วย
หูฮุ่ยหมินลังเลอยู่สักพัก
แล้วจึงกล่าวว่า : “ที่จริงฉันกับเขาก็ไม่ได้ลงรอยกันเท่าไหร่ ถึงแม้จะขอให้เขาช่วย เขาก็ไม่แน่ว่าจะช่วย ลองดูก็แล้วกัน!”
หูฮุ่ยหมินกล่าว
กว่าจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเฉินเกอได้
รู้สึกกระดากใจ ฮ่าๆ ให้ใครไปขอร้องคนที่ตนเคยดูถูก และทำร้ายกันซึ่งๆหน้า ใครจะไปกล้า
แต่ก็เอาเถอะ เรื่องนี้ต้องลองให้เฉินเกอช่วยอยู่ดี
เฉินเกอก็คิดไม่ถึงว่า หูฮุ่ยหมิน คนที่หยิ่งยโสคนนี้จะกล้าโทรหาตัวเอง
ฝืนยิ้มให้
“มีอะไร?”
เฉินเกอถาม
“เฉินเกอ นาย…..นายรู้จักประธานจูเจียงด้วยหรือ?” เสียงของหูฮุ่ยหมินเบามาก
“รู้จักสิ มีอะไรก็ว่ามา!” เฉินเกอพูดตรงๆ
“ถ้านายรู้จักเขา นายก็รู้ว่า พวกเราก่อเรื่องใหญ่มากเอาไว้ เราหวังว่านายจะช่วยพูด เรื่องนี้กับประธานจูเจียงให้หน่อยนะ!”
หูฮุ่ยหมินพูดไปพลาง ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา
“พูดน่ะพูดได้ ปัญหาคือผมจะได้อะไรตอบแทน? ทำไมผมต้องช่วยคุณพูดด้วยล่ะ?”
เฉินเกอยิ้ม
“ฉัน!”
“อย่างนี้แล้วกัน คุณกับสวี่หยางหยางเข้ามาคุยเถอะ แค่คุณสองคนเท่านั้นนะ!”
เฉินเกอกล่าว
“ได้สิ!”
จากนั้นเฉินเกอก็วางสายไป
ดูเหมือนว่าเนื้อหาของการสนทนาเมื่อครู่สวี่หยางหยางพวกเขาได้ยินกันหมด
“หา? พี่ฮุ่ยหมิน พี่ว่าเฉินเกอเรียกเราแค่สองคนเข้าไปทำอะไร? พี่ก็รู้ว่า ฉันกับเขาเคยมีเรื่องกัน ทะเลาะกันมานับครั้งไม่ถ้วน ฉันกังวลจริงๆ ถ้าฉันเข้าไปแล้วเขาจะ…….”
สวี่หยางหยางดูเหมือนคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่าง หน้าแดงด้วยความอายหันหน้าหนี
“เขากล้า…….ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะกล้าทำอะไร เขาและฉันรู้ดีแก่ใจ พอเข้าไปแล้ว ฉันจะพูดกับเขาเอง เธอหลบอยู่หลังฉันแค่นั้นพอ!”
ในใจของหูฮุ่ยหมินคิด คนอย่างเธอเฉินเกอจะมีดีแค่ไหนกัน ไม่อยากจะเชื่อ เธอจะทำอะไรได้?
จากนั้น ภายใต้การนำของบุคคลพิเศษ หูฮุ่ยหมิน และสวี่หยางหยางเดินเข้าไปข้างใน
คฤหาสน์ของประธานจูเจียง ใหญ่โตเหลือเกินจริงๆ
คนรับใช้ที่อยู่ชั้นล่าง มีราวสิบกว่าคน
บุคคลพิเศษพาพวกเธอสองคนขึ้นไปที่ชั้นสอง
ในห้องประชุมที่กว้างใหญ่ห้องหนึ่ง
“คุณชายเฉินอยู่ข้างในครับ!”
คนรับใช้กล่าวอย่างสุภาพ
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ!”
หูฮุ่ยหมินพูดด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
เมื่อผลักประตูเข้าไป ก็พลันเห็น คนที่อยู่ในห้องประชุมทั้งหมดมีมากกว่า
ส่วนใหญ่เป็นวัยกลางคน และเลขาฯของคนกลุ่มนี้เป็นต้น
รวมๆแล้วประมาณสามสี่สิบคนได้
อีกอย่างคนวัยกลางคนกลุ่มนี้ ล้วนเป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจของเมืองฉู่ชวน
แม้แต่หูฮุ่ยหมินเองยังเคยเห็นบนหน้าหนังสือพิมพ์ รู้จักอยู่หลายคน
ส่วนสวี่หยางหยางยิ่งไม่ต้องพูดถึง คนเหล่านี้ ล้วนเป็นผู้มีอิทธิพล
ดังนั้นบรรยากาศก็คึกคักขึ้นมาทันที
และยิ่งทำให้หูฮุ่ยหมินกับสวี่หยางหยางตื่นเต้นมากขึ้น เฉินเกอนั่งอยู่ในตำแหน่งแรกของโต๊ะการประชุม
ส่วน ท่านประธานหมิง นั่งอยู่ข้างๆเฉินเกอ
“พวกคุณออกไปก่อน ผมขอคุยกับพวกเขาเป็นการส่วนตัว ประธานจูเจียง คุณเสร็จธุระแล้วค่อยเข้ามาทีหลังได้!”
เฉินเกอบอก
“ครับ คุณชายเฉิน!!!”
คนกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน และกล่าวพร้อมกัน
ฉากนี้ ยิ่งทำให้หูฮุ่ยหมินและสวี่หยางหยางรู้สึกตกใจ
รอจนกระทั่งทุกคนออกไปกันหมดแล้วหูฮุ่ยหมินและสวี่หยางหยาง จึงดึงสติคืนมา
เฉินเกอยิ้มไปพลางมองที่พวกเขา “พวกเธอสองคนนั่งลงก่อนสิ! ยืนอยู่ทำไมล่ะ!”
“เฉินเกอ พวก…..พวกเขาทำไมต้องเรียกเธอว่าคุณชายเฉินล่ะ?”
หูฮุ่ยหมินกลืนน้ำลายลงคอ และถามด้วยความไม่อยากเชื่อ