ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 201 วุ่นวายหน้าห้องไอซียู
ตอนที่ 201 วุ่นวายหน้าห้องไอซียู
“คุณลุงเจียงฮั่นผิงนั้นเป็นถึงนายอำเภอเลย จะเป็นใครนะ ถึงให้เขารอคนตรงสถานีรถยนต์ได้นะ?”
หลิวหมินอุทานออกมาแบบไม่ค่อยเชื่อ
หรือว่าเป็น**ในเมือง?
ไม่ใช่มั้ง **ในเมืองเป็นไปไม่ได้ที่จะนั่งรถยนต์มาเอง
“เสี่ยวหมิน คุณรอก่อนนะ ผมไปทักทายดูก่อน!”ขณะเดียวกันแฟนหนุ่มของหลิวหมินก็จัดเสื้อสูทของตน พร้อมกับจัดทรงผมพร้อมที่จะเดินเข้าไป
“แต่ว่าเจียงเฉียง ทำเช่นนี้จะได้หรอ?นายอำเภอเจียงจะเข้าใจคุณหรอ?”หลิวหมินพูดออกมาด้วยความเป็นห่วง
“น่าจะได้อยู่นะ ยังไงเขากับพ่อของผมก็รู้จักกัน ผมเคยรับประทานอาหารกับเขาสองครั้งนะ!”
แล้วลี่เจียงเฉียงก็เดินเข้าไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
ส่วนหลิวหมินนั้นไม่กล้าเดินเข้าไป ตรงนั้นมีแต่คนใหญ่คนโต เหมือนกับว่าจะมีผู้นำหลายท่านของกรมการศึกษาด้วยนะ
หลิวหมินเป็นคนส่วนล่างของส่วนล่าง จึงไม่มีความกล้าที่จะเข้าไปด้วย
ส่วนลี่เจียงเฉียงนั้น ไปได้เร็ว กลับมาก็เร็วเช่นกัน
ตอนที่ไปนั้นมีความมั่นใจมาก คิดว่าถ้าไปทักทายในสถานการณ์แบบนี้ จะได้ออกนอกหน้าอะไรทำนองนั้น
แต่ว่าตอนที่กลับมานั้น คอตกดูหมองไปทั้งคน หน้าก็จะกลายเป็นสีม่วงแบบมะเขือยาวแล้ว
“อะ?เป็นไงบ้างเจียงเฉียง?นายอำเภอเจียงไม่สนใจคุณใช่มั้ย?เห้อ ฉันก็บอกแล้วไง มีคนใหญ่คนโตอยู่ตรงนั้นตั้งเยอะ ไม่เข้าไปจะดีกว่านะ!”
“อืมๆ พวกนายอำเภอเจียงเขากำลังรอรับคนอื่นจริงๆ แล้วก็เป็นคนใหญ่คนโตมาก เหมือนกับว่าคนที่พวกเขาพูดคือคุณชายเฉิน ก็คือคุณชายเฉินที่ทำให้อำเภอผิงอันเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบนี้ คนใหญ่คนโตเช่นนี้!แต่ผมคิดว่าไม่ใช่นะ ถ้าคุณชายเฉินมาจริงแล้วทำไมเขาถึงนั่งแค่รถยนต์ล่ะ?”
ลี่เจียงเฉียงพูดแบบมึนงง
“เห้อ อาจเป็นเพราะนายอำเภอเจียงไม่อยากพูดความจริงกับคุณมั้ง พวกเราไปดีกว่านะ ผู้นำหลายท่านของกรมการศึกษาก็อยู่นะ!”
หลิวหมินรีบพูดออกมา
ลี่เจียงเฉียงพยักหน้า
แล้วก็เร่งให้เฉินเกอเดินเร็วขึ้น
เฉินเกอเดินตามหลังไป ฟังพวกเขาพูดว่าคุณชายเฉินคุณชายเฉินอะไรทำนองนั้น ในใจก็คิดว่า หรือว่าจะมารับตนเองอย่างนั้นหรอ?
แต่เขาก็บอกกับหลี่เจิ้นกั๋วแล้วนะ ไม่ต้องทำพิธีอะไร ให้กลับบ้านจัดการงานของตนเองก่อน ให้เขาอย่ายุ่ง
แต่ในตอนนี้ เฉินเกอจะไปถามเองก็ไม่ได้นะ
อย่างนั้นก็ต้องทำเป็นไม่มีเรื่องนี้
เอาสัมภาระของพวกหลิวหมินเขามาถึงทางออกสถานี คนขับรถของหลิวหมินก็มาถึงแล้ว
“ร้อนจะตายแล้ว ร้อนจะตายแล้ว!เสี่ยวลี่ รีบเอาสัมภาระวางขึ้นรถแล้วรีบขับรถออกไปเลยนะ!”
หลิวหมินพูดกับคนขับรถด้วยคำพูดไม่ใยดี
พอวางสัมภาระเสร็จ คนขับรถก็พาพวกหลิวหมินเขาไปเลย
เหลือแค่เฉินเกอที่ยกสัมภาระอยู่ด้านข้างนั้นถึงกับงงไปเลย เห้ย!
ถึงแม้ว่าจะเอาตัวเองเป็นคนใช้ก็ยังต้องบอกกันก่อนมั้ย?
ส่วนในรถนั้น ลี่เจียงเฉียงมองดูเฉินเกอที่ยืนโง่ๆจากกระจกหลังแล้ว ถึงจะถามหลิวหมินแบบกล้าๆกลัวว่า:
“เสี่ยวหมิน เมื่อกี๊ก็ลืมทักทายนักเรียนคนนั้นของคุณนะ ถามดูสิว่าเขาจะไปไหน พาเขาไปด้วยก็ได้นะ
“พาเขาไปทำไม คุณไม่กลัวว่าจะทำให้รถพวกฉันเปื้อนหรอ แค่คนจนคนเดียว ไม่ต้องสนเขาหรอก!”
“อย่างนั้นก็ได้!”
แล้วก็พูดถึงเฉินเกอ หลังจากที่ในใจนั้นด่าหลิวหมินรอบหนึ่งแล้ว ก็โบกแท็กซี่มาเตรียมตัวกลับบ้าน
ระหว่างทางนั้น ก็ไม่ลืมที่จะโทรไปหาบ้านของอากงหวู
บอกให้พวกเขาไม่ต้องทำกับข้าวแล้ว รอตนเองกลับไป แล้วซื้อกับแกล้มดื่มกับอากงหวูสักหน่อย
ไม่คิดว่าโทรศัพท์ที่บ้านดังไปตั้งนานก็ยังไม่มีคนรับสาย
โทรไปสามรอบติดต่อกัน ถึงจะมีเสียงที่แผ่วเบาดังขึ้น
“ฮัลโหล?คุณหาใคร?”
“อาม่าหวู ผมคือเสี่ยวเกอ คุณลุงผมละ?”
“อะ?คือเสี่ยวเกอหรอ คุณพักแล้วกลับมาหรอ?”
อาม่าหวูพูดแบบตื่นเต้นดีใจ
ตอนเด็กของเฉินเสี่ยวและก็เฉินเกอนั้นแทบจะเป็นอากงหวูกับอาม่าหวูเป็นคนดูแลมาจนโต
เพราะอย่างนั้นสองพี่น้องนี้จึงมีความผูกพันกับสามีภรรยาแก่คู่นี้ลึกมาก
ก็จะเคารพเหมือนกับคุณปู่ย่าของตนเองนะ
ในปีที่ผ่านมานี้ พี่สาวเป็นคนที่เริ่มก่อน แต่เพราะว่ายังต้องมาเลี้ยงตนเองอีก จึงไม่สามารถทำให้อาม่าหวูอากงหวูได้อยู่แบบอยู่เย็นเป็นสุขบ้าง ทำได้แค่ช่วยในทางอ้อม
เพราะบ้านของอากงหวูนั้นส่วนมากก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
นี้ไง ได้ยินว่าตนเองจะได้หยุดพักแล้ว สิ่งที่พี่สาวคิดได้ในเวลาแรกคือปัญหาการอยู่ของบ้านอากงหวู
เรื่องนี้เฉินเกอยังไงก็ไม่ลืม
“แค่กๆ ลุงของคุณเข้าโรงพยาบาลตอนเที่ยงวันนี้ ตอนนี้ฉันก็เพิ่งจะกลับบ้านมาเอาของเอง ถึงได้ยินเสียงสายเข้าของคุณนะ!”
“อะไรนะ?เข้าโรงพยาบาลหรอ?อยู่ไหน?”
ฟังดูเสียงที่อาม่าหวูพูดนั้นไม่ค่อยดี ใจของเฉินเกอนั้นก็ยกขึ้นตามไปด้วย จึงถามไปอย่างเร่งรีบในตอนนั้น
อาม่าหวูจึงบอกพิกัดไปให้
และอยู่ในโรงพยาบาลในเมืองพอดี
รอถึงเฉินเกอไปถึงพอดี อาม่าหวูก็กำลังนั่งรถตู้ในเมืองมาถึงเช่นกัน
เฉินเกอจึงพยุงอาม่าหวูไปด้วย มาถึงหน้าห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาล
ฟังอาม่าหวูพูดว่า คุณลุงมีสาเหตุมาจากหัวใจ กำลังกินข้าวอยู่ตอนเที่ยง ก็สลบไปกะทันหัน
ตอนนั้นก็ตกใจมาก จึงรีบเรียกรถพยาบาลมาตอนนี้ก็กำลังช่วยชีวิตอยู่
“ทำไมค่าใช้จ่ายต้องให้พวกฉันช่วยออก พี่ คุณนี้ก็แกล้งคนไม่ใช่หรอ?ไอ้แก่เป็นพ่อของพวกฉัน ก็ไม่ใช่พ่อของคุณแล้วหรอ?”
หน้าประตูห้องฉุกเฉินนั้น ผู้หญิงที่สักคิ้วจนเหมือนหนอนชาเขียวนั้น กำลังคุยกับคู่สามีภรรยาอีกคู่หนึ่ง
อีกฝั่งหนึ่ง ก็มีคู่สามีภรรยาหลายคู่กับคนหนุ่มสาวยืนอยู่
เฉินเกอมองดู เป็นลูกชายสองคนกับลูกสาวอีกสองคนของอากงหวู แล้วก็พวกหลานสาวหลานชายของอากงหวู
เหมือนกับพอได้ยินว่ามีเรื่องก็มากันหมดแล้ว
“ผมว่าน้องสะใภ้ คุณพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ คุณพ่ออาศัยอยู่กับพวกคุณตลอด ผมก็ออกไปทำกิจการข้างนอกบ่อยๆ อีกอย่างเงินก้อนนี้ ผมแค่ให้พวกคุณออกก่อน ไม่ใช่ให้พวกคุณออกทั้งหมดนะ คุณรีบอะไร!พอถึงตอนสุดท้ายพวกผมสี่พี่น้องค่อยช่วยกันหารเงินนี้!”
พี่ใหญ่สุดที่ออกไปทำงานอยู่ข้างนอกเป็นประจำ ตอนนี้กอดไหล่แล้วก็พูดไปพลางสูบบุหรี่ไป
“ทำไมพวกฉันสี่พี่น้องต้องแบ่งกันออกละ พี่ชายคนกับคนรอง เงินนี้พวกคุณต้องจ่ายเยอะกว่า ส่วนพวกฉันสองพี่น้องต้องจ่ายน้อยกว่าถึงจะถูกสิ อีกอย่าง ลูกสาวของฉันปีนี้ก็จะเรียนจบมหาลัยแล้ว กำลังจะไปฝึกงาน วางแผนทำงานก็ต้องใช้เงินอีกไม่ใช่หรอ?”
น้องสาวคนสามก็พูดแบบไม่ยอม
ยังไงแล้วเฉินเกอก็ฟังเข้าใจแล้ว ทะเลาะขึ้นมากันเพราะว่าเรื่องที่ใครต้องจ่ายค่ารักษา
ส่วนอาม่าหวูได้เห็นฉากนี้ ก็โกรธจนจะเป็นลมไปแล้ว
“พวกคุณอย่าทะเลาะกันแล้วได้มั้ย เงินนี้พวกคุณไม่ต้องออกสักคน ฉันจะออกเอง ไม่มีเงิน ฉันก็ไปขายไต แล้วก็ไม่ต้องใช้เงินของพวกคุณสักหยวน!”
อาม่าหวูโกรธจนกระทืบเท้า
“เห้อ แม่ คุณก็อย่าอารมณ์เสียนะ นี้ไม่ใช่ว่าวางแผนงานให้หลานชายของคุณนะ ก็เลยเงินก็ใช้จนไม่คอยเหลือแล้วนะ!”
คนรองก็พูดเสริม
“ค่ารักษาเท่าไหร่?”
ในตอนนี้ เฉินเกอก็ถามขึ้นมากะทันหัน
“อืม?เสี่ยวเกอกลับมาแล้ว!”
ตอนนี้ผู้คนเพิ่งจะเห็นเฉินเกอ
“เห้อ เหมือนกับว่าถ้าบอกไปค่าคักษาคือเท่าไหร่แล้วแกจะจ่ายไหวซะอีก ยังจะมาถามแบบเสร่ออีกนะ!”
เด็กสาวที่อ่อนเยาว์คนหนึ่ง ชื่อว่าหวูเชี่ยน เป็นคนรุ่นเดียวกับเฉินเกอ แล้วตอนนี้ก็พูดขึ้นมาแบบเย้ยหยัน
เพราะว่าปกติแล้วอากงหวูก็ดูแลเฉินเกอดีอยู่ ทำให้หวูเชี่ยนไม่ชอบเขาตั้งแต่เด็ก ความหมายอะไรนะ?หลานสาวตนเองไม่ดูแล แล้วไปดูแลเด็กจนคนหนึ่ง?
“อวดไง อวดความสามารถของมันไง!”
เด็กผู้ชายที่อ่อนเยาว์อีกคนหนึ่ง ก็คือหวูเชาที่วางแผนอยู่ที่ทำกิการนั้นก็พูดออกมาอีกประโยคแบบเย็นๆ
เหมือนกับหวูเชี่ยน เขาก็มองเฉินเกอไม่ค่อยชอบตา
ที่หลักๆเพราะว่าเฉินเกอเรียนเก่งตั้งแต่เด็ก ชอบโดนคุณปู่คุณย่าเอามาเปรียบเทียบกับพวกเขา เทียบไปเทียบมา ก็เลยมีใจที่อิจฉาขึ้น
ส่วนเฉินเกอนั้น ก็รู้ว่าหวูเชี่ยนกับหวูเชานั้นไม่ชอบตนเองมาตลอดอยู่แล้ว
จึงไม่ได้พูดอะไร
แล้วพอดีตอนนี้ก็มีพยาบาลคนหนึ่งเดินมา
“ค่าผ่าตัดพวกคุณจะจ่ายเมื่อไหร่?รวมทั้งหมดหนึ่งแสนสามหมื่น รวมเงินกันก็ครบแล้วมั้ย?”
พยาบาลคนนั้นพูดเรียบๆ
คนโตตอนนี้ก็พูดว่า:”ฟังผมไว้ คนรอง เงินนี้คุณออกก่อน วันหลังค่อยเอาเงินให้พวกคุณ!”
“ทำไมละ?”
“……”
สักพัก ก็จู้จี้จะทะเลาะขึ้นมากันอีกแล้ว
ลูกสะใภ้คนรองกับลูกสาวคนสามก็เอาเรื่องเล็กๆน้อยๆมาเถียงกัน บอกว่าอะไรอาม่าหวูแอบให้เงินกับลูกสาวคนสามอะไรทำนองนั้น
หลังจากนั้นก็ตีกันขึ้นมา
วุ่นวายเหมือนกับจ๊กหนึ่งหม้อ
ใบหน้าของพยาบาลนั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“ผมไปจ่ายเงินกับคุณดีกว่านะ!”
เฉินเกอส่ายหัวแบบทำอะไรไม่ได้ จึงบอกประโยคนี้กับพยาบาลด้วยเสียงเบาๆ
“แก?”