ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 65 เจ้าโง่หรืออย่างไร
“เคร้งๆๆ”
เสียงฉินบรรเลงต่อเนื่อง
เหยาเมิ่งจีหลับตาลงช้าๆ สูดหายใจเข้าลึก พยายามบังคับจิตใจของตนให้มั่นคง
ครั้นลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในใจก็พลันแน่วแน่ขึ้นมาอย่างไม่อาจพรรณนาได้!
เขาต้องกระจ่างในทำนองมรรคาอันยิ่งใหญ่นี้ให้จงได้
ชั่วชีวิตผู้ฝึกตนของข้า เดิมทีก็ฝืนลิขิตสวรรค์อยู่แล้ว ไยจึงขลาดกลัวเพียงสงคราม?!
ขอบตาของเขาแดงก่ำ เส้นผมสีขาวโพลนคล้ายกับชี้ตั้งขึ้นมา ประหนึ่งผู้เฒ่าซึ่งกำลังง่วนอยู่กับงานอดิเรก ทุ่มเทกายใจทั้งหมดลงไปจนลืมกินลืมนอน
ท่วงทำนองนี้คงมีเพียงบนสวรรค์ โลกมนุษย์ไหนเลยจะได้ฟังบ่อยครั้ง
นี่มันท่วงทำนองเซียน!
ไม่สิ นี่คือเสียงแห่งธรรมชาติต่างหาก!
คุณชายหลี่ยินดีบรรเลงเพลงฉินเช่นนี้ให้ตนฟัง นี่เป็นวาสนาอันสูงส่งของตน หากพลาดโอกาสนี้ไป ตนจะมีหน้า
ไปเอ่ยถึงการสำเร็จมรรคผลได้อย่างไร
ภายใต้ทำนองมรรคาอันกว้างใหญ่ไร้ขีดจำกัด เขาก็เปรียบประหนึ่งเรือพายลำหนึ่งซึ่งอาจพลิกล่มได้ทุกเมื่อ ทว่าเขายังคงไม่ลังเล ยินยอมพร้อมใจรับทำนองมรรคามหาศาลด้วยความบ้าบิ่น นำความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดใส่ลงไปโดยไม่คิดชีวิต ขอเพียงได้มองเห็นความหมายอันลึกล้ำในนั้นสักเล็กน้อย
เสียงฉินแปรเปลี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่า
โลหิตสดไหลออกมาจากมุมปากเขา ในดวงตาแดงฉานก็มีโลหิตสดไหลรินลงมาเช่นเดียวกัน แลดูน่าหวาดกลัว
เขาเห็นทหารกล้าผู้ไม่ยอมจำนนนับไม่ถ้วน อีกทั้งการเข่นฆ่าทั่วทุกหนแห่ง ผืนทะเลโลหิตและซากศพกองพะเนินเท่าขุนเขา
ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ก็ล้วนเริ่มต้นจากการถือกำเนิดขึ้น โชคชะตาลิขิตให้ฟันฝ่าผู้คน ต่อสู้กับสวรรค์!
ท้ายสุดแล้ว มีชัยก็ดี ปราชัยก็ดี ก็ล้วนแต่เพียงพอให้ประพันธ์ขึ้นเป็นบทเพลงเศร้า!
ฮ่าๆๆ ต่อสู้กับสวรรค์ มีความสุขเสียเต็มประดา!
เขาเหนื่อยล้าเต็มที ทว่ามุมปากกลับยกยิ้มบาง ดวงตาพราวประกายอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
รุ่งอรุณกระจ่างในมรรคา ยามสายัณห์ม้วยมรณาไร้อาดูร!
ในที่สุดเสียงฉินก็หยุดลง
มังกรสีทองซึ่งกำลังเหาะเหินกลางหมู่เมฆอย่างสำราญใจก็ตัวสั่นเทิ้มในทันใด จากนั้นก็ค่อยๆ ร่วงลงมาจาก
ฟากฟ้า กลับไปยังสระน้ำดังเดิม
เต่าเฒ่าซึ่งกำลังนอนอืดอยู่ริมสระน้ำก็พลันลืมตาขึ้น ตะกายสี่ขาลงไปยังสระน้ำอย่างเร็วรี่ โดยมิได้ส่งเสียงแม้แต่น้อย
ยังมีต้นไม้ใหญ่ซึ่งเดิมทีโยกย้ายไปตามก็ต่างพากันหยุดนิ่ง ร่างกายหดกลับไปเป็นต้นไม้ธรรมดาเสียยิ่งกว่าธรรมดาอย่างรวดเร็ว
หูของต้าเฮยซึ่งตั้งชี้กลับตกลงมา ทั้งยังอ้าปากหาววอดหนึ่งด้วย
หยกมลทินกระบี่ ไข่มุกเพลิงมังกรเพลิง กระบี่จุ้ยหมัว รวมไปถึงน้ำแข็งทมิฬพันปีก็ดับแสงของตนลง
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้นคล้ายกับเป็นเพียงภาพมายา
ฉินม่านอวิ๋นตะลึงงัน
เห็นได้ชัดว่าเจ้าพวกนี้ก็รู้ว่าปรมาจารย์ชอบใช้ชีวิตเยี่ยงปุถุชน ฉะนั้นจึงเรียนรู้ที่จะแสร้งทำตนให้เป็นปกติอย่างสุดกำลัง คอยอยู่ใกล้ชิดปรมาจารย์ เพิ่มพูนทำนองมรรคา?
ไร้ยางอายเป็นที่สุด!
กระนั้นแล้ว ในใจของนางกลับเปี่ยมไปด้วยความริษยา
มิน่าเล่าแม้แต่ต้นไม้เหล่านี้จึงกลายเป็นต้นไม้ภูต หากได้สดับฟังบทเพลงฉินที่คุณชายหลี่บรรเลงทุกวัน อาบชะโลมด้วยทำนองมรรคา ต่อให้ไม่อยากสำเร็จเป็นเซียนก็คงยากแล้วละ
เหยาเมิ่งจีตื่นขึ้นจากสภาวะเดิม เช็ดรอยเลือดบนใบหน้าจนสะอาดสะอ้านอย่างเร็วที่สุด แสร้งปรับท่าทางเป็นปกติ
แน่นอนว่าหลี่เนี่ยนฝานไม่รู้ว่าด้านหลังของตนเพิ่งเกิดเหตุการณ์วิปริตพิสดารเพียงใดขึ้น ใบหน้าสงบนิ่งของเขาแหงนมองท้องนภา เพ้อรำพันในใจอย่างอดไม่ได้
เป็นอย่างที่คิดจริงด้วย เพลงของเขาแม้แต่นกตัวเดียวก็เรียกมาไม่ได้ ภาพเหตุการณ์นี้ออกจะน่าอดสูไปสักหน่อย ไม่เข้ากับฝีมือบรรเลงฉินของเขาเอาซะเลย
เขาหยัดกายลุกขึ้นยืน มองเหยาเมิ่งจีพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผู้เฒ่าเหยาคิดว่าเป็นอย่างไร”
เหยาเมิ่งจีกำลังจะเอ่ยปาก ทว่าลำคอกลับคาวคลุ้ง โลหิตสดทะลักเต็มปาก
หัวใจของเขาสั่นระรัว สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่กลับกลืนเลือดสดในปากกลับลงคอไปดัง ‘อึก’
จากนั้นจึงกล่าวอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น “คุณชายหลี่ทำให้ข้าลำบากใจแล้ว ฝีมือของท่านนั้นล้ำเลิศ จนข้ารู้สึก
อับอาย ไหนเลยจะไปชี้แนะได้ บทเพลงนี้ช่างไพเราะ ทำให้คนชราอย่างข้าซาบซึ้ง ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
เขารู้สึกว่าโชคดี หากตนกระอักเลือดออกมา ย่อมเท่ากับเป็นการเปิดเผยว่าปรมาจารย์นั้นมิใช่ปุถุชนธรรมดา นั่นจะไม่ส่งผลต่อเจตจำนงของปรมาจารย์หรอกหรือ ยามที่ปรมาจารย์ขุ่นเคืองขึ้น ชะตาของตนย่อมต้องถึงฆาตเป็นแน่
อันตรายเหลือเกิน!
เห็นได้ชัดว่าต่อให้เป็นเพียงคำพูดและการกระทำโดยมิได้ตั้งใจ ก็ยังคงควบคุมทำนองมรรคาได้ แต่ดันมาชื่นชอบการอยู่ในฐานะของปุถุชน
ข้าถึงยอมกลืนเลือดลงท้องไปเพื่อแสดงให้สอดคล้องกับท่าน
เหยาเมิ่งจี: เฮ้อ ลำบากใจเหลือเกิน
“ผู้เฒ่าเหยาชมเกินไปแล้ว” หลี่เนี่ยนฝานแอบดีใจอยู่ลึกๆ ผู้เฒ่าคนนี้รู้งานอย่างที่คิดจริงๆ
เหยาเมิ่งจีเอ่ยถาม “ขอถามคุณชายหลี่ บทเพลงเมื่อครู่มีชื่อว่าอันใดหรือ”
หลี่เนี่ยนฝานตอบ “ชื่อว่าลอบโจมตีสิบด้าน!”
ลอบโจมตีสิบด้าน?
หัวใจของเหยาเมิ่งจีและฉินม่านอวิ๋นเต้นโครม จากนั้นก็ฉีกยิ้มขมขื่นอย่างอดไม่ได้
ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ใช่การลอบโจมตีสิบด้านหรอกหรือ
ในเรือนหลังนี้นอกจากจะมีสมบัติล้ำค่าอยู่ทุกที่ ทุกซอกทุกมุมคล้ายกับจะมีขาใหญ่อยู่ด้วย ห้ามล่วงเกิน ห้าม
ล่วงเกินเป็นอันขาด
สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์ แม้แต่ชื่อก็ยังเปี่ยมไปด้วยความหมายลึกล้ำ
“บทเพลงนี้แม้ว่าข้าจะไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็สามารถใช้คำว่าเหนือชั้นสองคำนี้มาอธิบายได้!” เหยาเมิ่งจีเอ่ย
หลี่เนี่ยนฝานลอบกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ บทเพลงของโลกบำเพ็ญเซียนไม่มีใครเทียบตนได้อยู่แล้ว ถ้าหากให้เขา
ได้ฟังบทเพลงที่คล้ายกันอีกนับไม่ถ้วน เขาต้องกลายเป็นแฟนคลับในชั่วพริบตาแน่
หลี่เนี่ยนฝานทอดถอนใจ เอ่ยว่า “ในเมื่อผู้เฒ่าเหยาชอบ เดิมทีก็อยากจะมอบโน้ตเพลงให้ท่านอยู่หรอก แต่น่าเสียดายที่ที่นี่ไม่มีโน้ตเพลงที่เขียนเสร็จแล้ว ไว้ค่อยมอบให้ภายหลัง”
ฟืดฟาดๆ
ลมหายใจของเหยาเมิ่งจีถี่กระชั้นขึ้นทันใด ทั้งใบหน้าก็เริ่มแดงก่ำ
ฉินม่านอวิ๋นก็เช่นเดียวกัน ตื่นเต้นจนแทบกรีดร้องออกมา
‘นิ่งไว้ นิ่งเข้าไว้! ห้ามกระโตกกระตากเป็นอันขาด’ พวกเขาย้ำเตือนตนเองอยู่ในใจ พยายามควบคุมอัตราการ
เต้นของหัวใจอย่างเร็วที่สุด
นี่เป็นบทเพลงเซียนเชียวนะ!
สำหรับผู้ฝึกฉินแล้ว บทเพลงที่ดีก็เท่ากับโอกาสอันยิ่งใหญ่แล้ว!
ต่อให้นำอาวุธเซียนมาแลกก็ไม่ยอม!
เดิมทีคิดว่าการได้ฟังคุณชายหลี่บรรเลงก็เป็นวาสนาแล้ว นึกไม่ถึงว่าคุณชายหลี่จะถึงกับยอมมอบเพลงให้ด้วย!
น่าตกตะลึงเหลือเกิน!
เหยาเมิ่งจีรีบบอกว่า “เช่นนั้นก็ขอบคุณคุณชายหลี่แล้ว”
หลี่เนี่ยนฝานยิ้มเอ่ย “ท่านชอบก็ดีแล้ว ครั้งหน้าอย่าลืมมาเอาไป”
คนเขายกเครื่องทำเยลลี่ให้กับตน ตนก็ต้องแสดงน้ำใจสักหน่อย ทำสิ่งที่ตรงกับความสนใจของเขาย่อมเป็นเรื่อง ที่ดี
เหยาเมิ่งจีไม่กล้ารบกวนหลี่เนี่ยนฝานต่อ จึงหยัดกายลุกขึ้น เอ่ย “วันนี้รบกวนคุณชายหลี่แล้ว พวกข้าขอลาตรงนี้”
“ค่อยๆ เดิน ข้าไม่ไปส่งนะ”
…….
ครั้นเดินออกมาจากเรือน เหยาเมิ่งจีจึงถอนหายใจยาวอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ฉินม่านอวิ๋นจึงถามด้วยความสงสัย “อาจารย์ ท่านเป็นอะไรหรือ ปรมาจารย์รับปากว่าจะมอบเพลงให้แล้ว ท่านควรดีใจไม่ใช่หรือ”
“ม่านอวิ๋น ความเข้าใจของเจ้าน่ะย่ำแย่เกินไป” ดวงตาของเหยาเมิ่งจีเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย ส่ายหน้าพลางเอ่ย “เจ้าไม่กระจ่างในปริศนาในคำพูดของปรมาจารย์”
ฉินม่านอวิ๋นเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “อาจารย์โปรดอธิบาย”
“ปรมาจารย์บอกแล้วว่าเดิมทีจะมอบเพลงให้พวกเรา ไฉนจึงไม่ให้แล้ว ก็เพราะพวกเราทำภารกิจที่เขามอบหมายไม่สำเร็จน่ะสิ!”
เหยาเมิ่งจีกล่าวอย่างขมขื่นเหลือแสน “พวกเราไปสังหารจักรพรรดิปีศาจจันทราเงิน แต่กลับปล่อยให้มันหนีรอดไป ทั้งยังลำบากให้นายท่านสุนัขต้องลงมือ ปรมาจารย์ย่อมขุ่นเคืองอยู่ในใจ เฮ้อ เจ้าหมากตัวนี้ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย!
หากรู้แต่แรกว่าเป็นเช่นนี้ ต่อให้พลังบำเพ็ญของข้าต้องมอดไหม้ ก็ต้องจับจักรพรรดิปีศาจจันทราเงินมาสังหารกับมือให้จงได้!”
“แต่ว่าปรมาจารย์ไม่ได้บอกให้พวกเรามารับไปครั้งหน้าหรอกหรือ” ฉินม่านอวิ๋นเอ่ยถามอย่างฉงนใจ
“เจ้าโง่หรืออย่างไร เจ้าคงไม่ได้กล้าเข้าไปขอของจากปรมาจารย์ตรงๆ หรอกกระมัง” เหยาเมิ่งจีเอ่ยประหนึ่ง
หลอมเหล็กไม่เป็นเหล็กกล้า “ความหมายของปรมาจารย์ก็คือจะดูผลงานของพวกเราในครั้งหน้า!”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ข้าเข้าใจแล้ว!”
ฉินม่านอวิ๋นพลันเข้าใจแจ่มแจ้ง ขณะเดียวกันก็ลอบทอดถอนใจ ยังมีหนทางอีกยาวไกลให้ตนต้องเดินต่อไปจริงด้วย
“ข้าได้ประโยชน์มากโขจากบทเพลงของปรมาจารย์ เตรียมปิดด่านกักตนเพื่อทบทวนสิ่งต่างๆ ให้กระจ่างสักระยะ”
เหยาเมิ่งจีอธิบายอย่างหนักแน่น “ในเมื่อปรมาจารย์ชื่นชอบสถานะปุถุชน เช่นนั้นย่อมมีหลายเรื่องที่ไม่สะดวกลงมือเอง ฉะนั้นเจ้าต้องทำตามคำสั่งของปรมาจารย์ให้สำเร็จทุกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องกระจ่างในคำใบ้ทุกคำของปรมาจารย์ จงจำใส่ใจ!”
…………………………………………….