ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 62 ประจบให้ตายก็ไม่ได้อะไร
หลี่เนี่ยนฝานเดินนำเหยาเมิ่งจีและฉินม่านอวิ๋นกลับเรือนสี่ประสาน
เหยาเมิ่งจียืนตระหง่านที่หน้าประตูอยู่นาน ประจันหน้ากับโคลงคู่แผ่นนั้นพลางพินิจพิจารณา ประหนึ่งตกอยู่ในความลุ่มหลง ส่งเสียงจิ๊ปากด้วยความประหลาดใจออกมาเป็นครั้งคราว และนั่นช่วยเติมเต็มความภาคภูมิใจของหลี่เนี่ยนฝานเข้าเสียเต็มประดา
ผู้เฒ่าคนนี้แลดูกระเซอะกระเซิง ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่สนใคร ไม่คิดว่าจะตาถึงเหมือนกันนะเนี่ย!
ในตอนนั้น เสี่ยวไป๋ก็เปิดประตูออกมา “นายท่าน ยินดีต้อนรับกลับบ้าน”
เหยาเมิ่งจีตกใจจนสะดุ้งโหยง พยายามลูบหนวดแสร้งว่าเยือกเย็น เอ่ยว่า “คุณชายหลี่ ข้าได้ยินม่านอวิ๋นเคยบอกว่าอาวุธวิญญาณนี้ชื่อว่าเสี่ยวไป๋หรือ”
ก็ได้ ท่านเรียกว่าอาวุธวิญญาณก็อาวุธวิญญาณเถอะ
หลี่เนี่ยนฝานคร้านจะอธิบาย พยักหน้าเอ่ย “ชื่อว่าเสี่ยวไป๋ถูกต้องแล้ว ที่จริงก็เพียงช่วยข้าเปิดประตู ทำงานบ้าน”
ทำงานบ้าน?
เหยาเมิ่งจีนัยน์ตากระตุกวูบ
ถ้าหากท่านมอบให้ข้า เชื่อไหมเล่าว่าข้าจะนำไปตั้งบูชาเหมือนท่านยายของข้าเลย
หลี่เนี่ยนฝานยกเท้าก้าวเข้าไปในเรือนสี่ประสาน เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “เข้ามานั่งเถิด”
ผู้เฒ่าเหยาสูดหายใจเข้าลึก หลังจากเตรียมใจแล้วดิบดี จึงย่างเท้าเข้าไป
แต่ถึงกระนั้น ทันทีที่เขาก้าวเข้าเขตเรือน ลมหายใจก็ยังคงถี่กระชั้น ดวงตาทั้งคู่พราวประกาย
เหมือนกับที่ลูกศิษย์ของเขาพรรณนาไว้จริงๆ ที่นี่ ทุกหนทุกแห่งของที่นี่ล้วนแต่เป็นของล้ำค่า ที่สำคัญที่สุดก็คือสิ่งที่ผู้คนนับไม่ถ้วนมองเป็นสมบัติค่าควรเมืองเหล่านี้ล้วนแต่ถูกวางไว้ส่งเดชตามที่ต่างๆ การถูกโจมตีทางสายตาเช่นนี้ทรมานเหลือเกิน
ทว่า หัวคิ้วของเขากลับต้องกระตุกรุนแรง ความรู้สึกระส่ำในอกบางอย่างบังเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ฉินจิตสวรรค์ซึ่งเดิมทีวางอยู่ในแหวนมิติอย่างสงบเสงี่ยมก็คล้ายกับมีปฏิกิริยาตอบสนองกับสิ่งที่น่าหวาดกลัวบางอย่าง เสียงฉินสั่นเครือ สายฉินถึงกับเริ่มขยับอย่างบ้าคลั่ง ความรู้สึกเช่นนี้ก็เปรียบเสมือนมนุษย์กำลังตัวสั่น
อาวุธเซียนเทียม แม้จะไร้ซึ่งพลังปราณ แต่ก็มีความรู้สึกนึกคิดถือกำเนิดขึ้นมาบ้างแล้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามันกำลังหวาดกลัวของบางสิ่งที่นี่
เหยาเมิ่งจีรีบร้อนปลอบประโลมฉินจิตสวรรค์เสียคำรบหนึ่ง สายตาของเขากวาดมองไปในเรือน นัยน์ตาก็พลันหดเกร็งทันใด
ฝั่งซ้ายของเรือนมีม้านั่งยาวตัวหนึ่ง บนนั้นมีฉินโบราณตัวหนึ่งวางอยู่
ตัวฉินโบราณคล้ายกับทำจากไม้แห้งไม่ทราบนาม มิได้ประณีตเรียบร้อย แต่กลับคดโค้งดั่งลำตัวงู บนตัวฉินพอจะมองเห็นร่องรอยแห่งกาลเวลาได้เลือนราง มีทั้งหมดสี่สาย สีของแต่ละสายล้วนต่างกัน มองดูแล้วน่าพิศวงเป็นที่สุด
เหยาเมิ่งจีกลืนน้ำลายอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ เขาคร่ำหวอดในวิถีของฉินมานับพันปี ปราดเดียวก็มองออกว่าฉินนี้ไม่ธรรมดา!
ทั้งเรือนนี้ แม้แต่ขยะก็ยังเป็นสิ่งมีราคาหายาก ฉินโบราณตัวหนึ่งจะเป็นของธรรมดาได้อย่างไร จะเรียกว่าอาวุธเซียนก็ยังเกรงว่าจะเป็นการดูแคลน
มิน่าเล่าฉินจิตสวรรค์จึงได้มีปฏิกิริยารุนแรงเพียงนี้ ความแตกต่างระหว่างทั้งสองนั้นมีมากเกินไป เฉกเช่นปุถุชนพบกับเซียน ย่อมเกิดความเคารพยำเกรง
ยิ่งมองให้ละเอียด ก็ยิ่งสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายผันแปรไม่สงบพวยพุ่งออกมาระลอกหนึ่ง ราวกับอสูรกายดึกดำบรรพ์ยักษ์ใหญ่หมายจะกลืนกินตนลงไปอย่างไรอย่างนั้น
อาวุธเซียนไม่อาจล่วงเกินได้!
เหยาเมิ่งจีรีบหลุบตากลับไป ไม่กล้ามองอีก
ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มถ่อมตัว พูดกับหลี่เนี่ยนฝานว่า “คุณชายหลี่ ศิษย์ข้าบอกว่าท่านชอบกินขนมชนิดหนึ่งซึ่งเรียกว่าเยลลี่ วันนี้ข้าจึงตั้งใจนำมาให้ท่าน”
เขาตื่นตัวในกฎของปรมาจารย์อยู่เสมอ เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้เอ่ยนามของหยาดน้ำแข็งพันปี อีกทั้ง…ต้องพูดว่า ‘เยลลี่’ จะยิ่งทำให้ปรมาจารย์รู้สึกสนิทสนมมากขึ้นกระมัง
“โอ้?” หลี่เนี่ยนฝานชะงักงันไปเล็กน้อย อดเอ่ยขึ้นไม่ได้ “พวกท่านเกรงใจเกินไปแล้ว”
สุดยอด สุดยอดจริงๆ!
ครั้งก่อนตนก็เพียงพูดสนุกปากไปอย่าง ไม่คิดว่าคนเขาจะจดจำใส่ใจ อีกทั้งยังตั้งใจนำมาให้ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน มีน้ำใจจริงๆ ดูท่าแล้วผู้เฒ่าท่านนี้คงจะกว้างขวาง มีหน้ามีตาในโลกบำเพ็ญเซียนอยู่ไม่น้อย
เหยาเมิ่งจีมองออกถึงความดีใจของหลี่เนี่ยนฝาน ในใจก็พลันตื่นเต้นขึ้นมา ยกมือขึ้นโบก ภูเขาจำลองขนาดย่อมลูกหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางเรือน ช่างเข้ากับลำธารสายเล็กอย่างเหมาะเจาะ ได้อารมณ์สุนทรีย์ดังภาพวาด
ภูเขาจำลองเป็นสีมรกต ส่องประกายระยับใต้แสงอาทิตย์ งดงามเกินพรรณนา
หลี่เนี่ยนฝานเอ่ยถามด้วยความสงสัย “นี่คือ?”
เหยาเมิ่งจีจึงอธิบายว่า “คุณชายหลี่ เยลลี่นั้นผลิตมาจากของสิ่งนี้”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง” หลี่เนี่ยนฝานกระจ่าง ในใจรู้สึกเหนือความคาดหมาย นึกไม่ถึงว่าเขาจะถึงกับย้ายเครื่องผลิตเยลลี่มาถึงที่นี่ น้ำใจนี้ทำให้รู้สึกซาบซึ้งเหลือเกิน
เขาจ้องมองภูเขาจำลองลูกนั้น กลับเห็นว่าปลายยอดของมันเป็นทรงกรวยคว่ำ ด้านบนมีเยลลี่อยู่แล้วครึ่งหยด ทว่ายังไม่ได้หยดลงมา
เยลลี่ของโลกบำเพ็ญเซียนน่าสนใจจริงๆ ไม่รู้ว่าภูเขาจำลองลูกนี้ทำอย่างไร จึงได้ผลิตเยลลี่ออกมาได้ไม่หยุด
หย่อนเช่นนี้
หลี่เนี่ยนฝานมองประเมินอย่างสนใจใคร่รู้รอบหนึ่ง ยิ้มเอ่ย “เป็นของเล่นที่น่าสนใจ เช่นนั้นข้าจะขอรับไว้ก็แล้วกัน”
ครั้งก่อนได้ลองกินเยลลี่ไปแล้ว พบว่ารสชาตินั้นไม่เลว ในร่างกายก็ไม่มีอะไรผิดแปลกไป เพราะฉะนั้นจึงรู้สึกว่าเยลลี่นี้คงไม่นับว่าเป็นของมีราคาในโลกบำเพ็ญเซียน
อย่างไรเสียตนก็เป็นแค่ปุถุชนคนหนึ่ง ถ้าหากเป็นของล้ำค่าสนนราคาสูง คงเป็นไปไม่ได้ที่กินเข้าไปแล้วจะไร้ซึ่งปฏิกิริยาใดๆ
จะว่าไปก็ถูก ตนไร้หนทางบำเพ็ญเพียร ผู้บำเพ็ญเซียนคงไม่โง่งมถึงขนาดที่มอบของล้ำค่าให้เขาหรอก ให้มาก็ไม่มีประโยชน์
และเพราะเหตุนี้ หลี่เนี่ยนฝานจึงไม่ได้ปฏิเสธและรับของไว้ ถึงอย่างไรก็เป็นน้ำใจจากผู้อื่น
เหยาเมิ่งจีและฉินม่านอวิ๋นมีสีหน้าเชิงว่าคาดเดาไว้แล้ว
สมบัติล้ำค่าระดับนี้ คุณชายหลี่กลับเรียกว่าเป็นของเล่นที่น่าสนใจเท่านั้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะคุณชายหลี่บังเอิญชอบกินเยลลี่พอดี เขาก็คงไม่เห็นมันอยู่ในสายตากระมัง
เหยาเมิ่งจีใบหน้าเปี่ยมความยินดี “คุณชายหลี่ชอบก็ดีแล้ว”
หลี่เนี่ยนฝานพยักหน้า แล้วพูดขึ้นด้วยความสงสัย “ทำไมเยลลี่ข้างบนถึงไม่หยดลงมาตลอดเวลาเล่า ข้าอยากลองชิมอีก”
เหยาเมิ่งจีรีบเอ่ยปากอธิบาย “มีเรื่องที่คุณชายหลี่ยังไม่รู้ มันต้องใช้เวลาสิบปี…”
เพียงแต่ว่า เขายังไม่ทันได้พูดจบ ก็เห็นว่ามีเยลลี่สิบหยดร่วง ‘เปาะแปะๆ’ ลงมาจากภูเขาจำลองลูกนั้น
เหยาเมิ่งจีและฉินม่านอวิ๋นมองตาค้าง ปากอ้าเล็กน้อย สมองส่งเสียงดังหวึ่งๆ
เกิดอะไรขึ้น น้ำแข็งทมิฬพันปี เจ้าเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้เป็นแบบนี้นี่!
หลี่เนี่ยนฝานดวงตาพลันเป็นประกาย หัวเราะฮ่าๆ เอ่ย “น่าสนใจ ที่แท้ก็ต้องสั่งการด้วยเสียงนี่เอง ไม่เลวๆ”
เขานึกถึงตะเกียงกับไฟแช็ก ของเล่นทั้งสองอย่างนี้ก็สั่งการด้วยเสียง สะดวกสบายยิ่งกว่ากระไร
เขาจึงพูดกับภูเขาจำลองต่อ “ขออีกสิบหยด”
“เปาะแปะๆ”
สิบหยดร่วงหล่นลงมาอย่างรวดเร็วโดยปราศจากความลังเล
เหยาเมิ่งจีสัมผัสได้ว่าสมองเริ่มปวดร้าว ขอบตาแดงก่ำ คล้ายกับรู้สึกน้อยอกน้อยใจเป็นอย่างมากจนต้องร่ำไห้
ออกมา
น้ำแข็งทมิฬพันปี เจ้านี่มันจริงๆ เลย!
ข้าพะเน้าพะนอเจ้ามากว่าพันปี กว่าเจ้าจะเค้นหยาดน้ำแข็งทมิฬพันปีออกมาให้ข้าได้แต่ละหยดใช้เวลาตั้งสิบปี ครานี้เป็นอย่างไร พอได้พบปรมาจารย์ก็รีบไปประจบประแจงเชียวนะ
ความเย่อหยิ่งของเจ้าไปไหนเสียแล้วล่ะ
หลี่เนี่ยนฝานมองไปยังเหยาเมิ่งจี “จริงสิ เมื่อครู่ท่านว่าอย่างไรนะ”
เหยาเมิ่งจียิ้มแหย “มะ…ไม่มีอะไร เมื่อครู่ข้ากำลังจะบอกคุณชายหลี่ว่าของเล่นนี้ใช้สั่ง…สั่งการด้วยเสียง”
………………………………………