ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 50 คุณชายหลี่จอมวางแผน
ตอนที่ 50 คุณชายหลี่จอมวางแผน
หลังกล่าวลาเมิ่งจวินเหลียง ใบหน้าของฉินม่านอวิ๋นก็เปี่ยมไปด้วยความเคารพศรัทธา
ยิ่งนางขบคิดให้ลึกซึ้ง ก็ยิ่งรู้ลึกตื่นกลัว
บางที ตอนจบของซุนหงอคงอาจถูกลิขิตไว้แต่แรกแล้ว บันทึกท่องประจิมตั้งแต่ต้นจนจบก็เป็นแผนการฉากหนึ่ง จะถือเป็นหมากกระดานหนึ่งของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ก็เห็นจะได้
จากในนิทาน ยามซุนหงอคงปรากฏตัวอย่างอหังการ รัศมีแสงห้าสีคลุมกาย ฟ้าดินร่วมยินดีกับมัน สมแล้วที่เป็นตัวเอกแห่งฟ้าดิน
ทว่าความจริงเป็นประจักษ์ ว่าตัวเอกแห่งฟ้าดินที่ว่านั้นเป็นเพียงเรื่องขบขัน แต่ไหนแต่ไรมาโลกนี้ไม่มีตัวละครเอก มีเพียงเหล่าผู้ชักใยอยู่หลังม่านเหล่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นบัณฑิตหรือลั่วซืออวี่ พวกเขาล้วนแต่เรียกปรมาจารย์ท่านนั้นว่าคุณชายหลี่
เห็นได้ชัดว่าคุณชายหลี่ก็เป็นหนึ่งในขาใหญ่ซึ่งเดินหมากกระดานนี้!
และโลกบำเพ็ญเซียนก็อาจเป็นเพียงมุมเล็กๆ ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงมุมหนึ่งของกระดานหมาก
ความตั้งมั่นแน่วแน่ฉายผ่านหว่างคิ้วของฉินม่านอวิ๋น!
ยากนักที่จะมีผู้ยิ่งใหญ่สักท่านยินยอมเยื้องกรายลงมาบนโลกปุถุชน ถ้าหากไม่คว้าโอกาสเสียตอนนี้ เช่นนั้นก็สมควรหมดวาสนากับวิถีเซียนแล้ว!
“ซืออวี่ วันนี้ข้าเตรียมจะไปเยี่ยมเยือนคุณชายหลี่ละ!” ฉินม่านอวิ๋นเอ่ยอย่างหนักแน่น ค้อมคำนับลั่วซืออวี่ “ได้โปรดแนะนำข้าแก่เขาด้วย”
บุคคลระดับเทพเซียนเช่นคุณชายหลี่ หากตนเองเดินดุุ่มเข้าไปรบกวนย่อมทำให้เขาขุ่นเคืองเป็นแน่ การมีคนแนะนำเห็นจะเพิ่มภาพจำที่ดีได้สักหน่อย
“เรื่องนี้…ก็ได้” ลั่วซืออวี่ลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะผงกศีรษะรับคำ
ตนก็ไม่ได้แวะเวียนไปเยี่ยมคุณชายหลี่มาระยะหนึ่งแล้ว
วินาทีที่สำเร็จขั้นจินตัน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด คนแรกที่นางหวังว่าจะได้บอกกล่าวมากที่สุดก็คือคุณชายหลี่ เพียง
แต่เกรงว่าจะรบกวนอีกฝ่าย จึงอดกลั้นมาจนถึงบัดนี้
วันต่อมา ลั่วซืออวี่พาฉินม่านอวิ๋นมายังเชิงเขา จากนั้นก็เดินเท้าขึ้นไป
ภูเขาลูกนี้ปราศจากข้อห้ามใด แต่เพื่อแสดงความเคารพต่อคุณชายหลี่ ไม่ว่าจะเป็นไป๋อู๋เฉินหรือจักรพรรดิลั่ว ก็ล้วนแต่เดินขึ้นเขาไปทีละก้าวๆ อย่างรู้ตนเอง!
ขจัดทุกปัจจัยที่อาจนำมาซึ่งความโกรธเคืองของคุณชายหลี่!
ฉินม่านอวิ๋นเองก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้
“ท่านพี่ม่านอวิ๋น ท่านต้องจำไว้ว่าปรมาจารย์ใช้ชีวิตปลีกวิเวกในฐานะปุถุชน ท่านต้องสุขุมเยือกเย็น สิ่งที่คุณชาย
หลี่ไม่ชอบก็คือผู้อื่นทำท่าทางตื่นอกตกใจต่อหน้าเขา โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับโลกเซียน!” ลั่วซืออวี่พูดกำชับไปตลอดทาง
ฉินม่านอวิ๋นพยักหน้าหนักแน่น “ข้าเข้าใจแล้ว”
ไม่นาน เรือนสี่ประสานกลิ่นอายโบราณหลังหนึ่งก็ปรากฏแก่สายตา
นัยน์ตาคู่งามของฉินม่านอวิ๋นหดเล็กเท่าหัวเข็ม สั่นเทิ้มไปทั้งสรรพางค์กาย ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเช่นนั้น
นางจับจ้องไปยังโคลงคู่หน้าประตูเรือนไม่วางตา ราวกับว่าเห็นเซียนผู้หนึ่งมายืนอยู่เบื้องหน้า
กลิ่นอายละเอียดอ่อนบางเบาพลันกดทับ ทำให้นางหายใจไม่ออก
“ไอ้หยา ท่านพี่ม่านอวิ๋น ท่านตื่นเร็ว!” ลั่วซืออวี่รีบร้องปลุกฉินม่านอวิ๋น “ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้ ต้องแสร้งว่าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน คิดเสียว่ามาเยือนบ้านของปุถุชนคนหนึ่ง”
ฉินม่านอวิ๋นตั้งสติ พยักหน้าอย่างกล้ำกลืนฝืนทน
“ตัวอักษรนี้คุณชายหลี่เป็นคนเขียนหรือ” นางเอ่ยถามเสียงสั่น
“มิผิด” ดวงตาของลั่วซืออวี่ฉายแววหวนระลึกถึง “จำได้ว่าครานั้น คุณชายหลี่บอกว่าระยะนี้มีแขกเหรื่อแวะเวียน
มา จึงเขียนโคลงคู่นี้ไว้ประดับหน้าประตู”
ประดับหน้าประตู?
ฉินม่านอวิ๋นขนพองสยองเกล้าอยู่สักหน่อย โคลงคู่แผ่นนี้ไปอยู่ที่ใด ย่อมกลายเป็นสมบัติล้ำค่าของสำนักนั้น แต่
ในสายตาของคุณชายหลี่กลับมีไว้เพียงสำหรับประดับหน้าประตู
นี่มันโลกของผู้ยิ่งใหญ่หรืออย่างไร
ไม่สิ!
จุดประสงค์ของคุณชายหลี่ต้องไม่ใช่เพียงเท่านี้แน่ ปรมาจารย์ต้องมีความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้นแน่
ฉินม่านอวิ๋นหัวใจกระตุกวูบ จมสู่ห้วงความคิด
คุณชายหลี่บอกว่าช่วงนี้แขกเหรื่อจำนวนมากมาเยี่ยมเยียน เช่นนั้นก็คงคาดได้แล้วว่าหลังจากนี้จะมีคนจำนวนหนึ่งแวะเวียนมา!
เพราะเหตุใดถึงจงใจเขียนโคลงคู่มาประดับหน้าบ้าน เป็นเพราะต้องการขู่ให้คนร้ายกลัวหรือ!
เมื่อใดที่แขกสักคนทำตัวโง่เขลา พูดจาไร้มารยาท ก็ย่อมส่งผลต่ออารมณ์ของคุณชายหลี่ เพราะฉะนั้นเขาจึงจงใจเขียนโคลงคู่บทนี้ เพื่อให้ผู้มาเยือนไม่กล้ามีเจตนาหยาบคาย!
สมแล้วที่เป็นขาใหญ่!
ฉินม่านอวิ๋นยิ่งรู้สึกเคารพเลื่อมใสขึ้นไปอีก รีบคำนับโคลงคู่แผ่นนั้น
ในตอนนั้น หลี่เนี่ยนฝานกำลังเดินหมากอยู่กับต๋าจี่
กล่าวให้ถูกต้องกว่าเดิมก็คือ หลี่เนี่ยนฝานกำลังสอนนางเดินหมาก
จำต้องบอกว่า ฝืมือการเดินหมากของต๋าจี่นั้นไม่เอาไหนเสียจริง เรียกได้ว่าทุกย่างก้าวล้วนต้องให้หลี่เนี่ยนฝาน
ชี้นำ ไม่เช่นนั้นหมากกระดานนี้คงจบลงตั้งแต่เพิ่งเริ่มต้น
ต๋าจี่แอบเหลือบมองหลี่เนี่ยนฝาน มือถือตัวหมากสีขาว กัดฟันเอ่ยถามขึ้นว่า “เอ่อ…ข้าเดินตานี้?”
“เฮ้อออ”
หลี่เนี่ยนฝานส่ายหน้า ถอนหายใจพลางเอ่ย “เช่นนั้นหากข้าวางหมากฝั่งนี้ ตานี้ก็จบน่ะสิ?”
ต๋าจี่ขบเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าด้วยความละอายใจ
ในใจของคุณชายหลี่คงผิดหวังกับตนมากกระมัง สอนตนมาตั้งหลายวัน แต่เมื่อตนมาเล่นบนกระดานหมากจริงๆ กลับยังงุนงงสูญเสียความเป็นตัวเองไป
ภายในใจของนางเต็มไปด้วยความร้อนรนและผิดหวัง คุณชายหลี่จะไล่ตนไปเพราะความสามารถในการเข้าใจ
ของตนต่ำเตี้ยเกินไปไหม
หลี่เนี่ยนฝานเก็บตัวหมากกลับไป เงียบงันไปทันใด
ต๋าจี่กลับไม่กล้าหายใจแรง ราวกับเป็นเด็กที่ทำความผิด รอให้ผู้ปกครองตัดสินโทษ
ฝีมือการเดินหมากของตนห่างชั้นกว่าของต๋าจี่มากเหลือเกิน แม้ว่าการเดินหมากจะฝึกปรือฝีมือ แต่นั่นใช้ได้กับ
สถานการณ์ที่ความสามารถในการเดินหมากต่างกันไม่มาก ถ้าหากฝีมือต่างกันมากเกินไปก็ป่วยการ
หลี่เนี่ยนฝานคิดหาวิธี กล่าวกลั้วหัวเราะ “อย่างนี้ก็แล้วกัน หลังจากนี้ข้าจะคิดโจทย์ให้เจ้าสักหน่อย เจ้าฝึกแก้โจทย์เอง คิดว่าน่าจะช่วยได้บ้าง”
“อื้ม คุณชายหลี่ ข้าจะพยายาม!” ต๋าจี่เหมือนยกภูเขาออกจากอก พยักหน้ารัว ขอบตาแดงก่ำ
ขอเพียงไม่ขับไสไล่ส่งตนไปก็ดีมากแล้ว หลังจากนี้ตนจะฝึกฝนให้หนักกว่าเดิม เข้าใจไม่มากพอย่อมต้องทุ่มเท
มากกว่า
จะไม่ทำให้คุณชายหลี่ผิดหวัง!
คุณชายหลี่มองท่าทางระแวดระวังของนางแล้วก็รู้สึกปวดใจอยู่สักหน่อย
เขาก็ไม่ได้อยากกดดันนางถึงขนาดนั้น แต่ที่นี่มีเพียงตนเองกับต๋าจี่อาศัยอยู่ ชายโสดหญิงก็โสด ไม่หาอะไรทำ
ก็ออกจะน่าเบื่อเกินไปหน่อย ทำให้หญิงสาวคนนี้ต้องลำบากแล้ว
ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงเรียกด้วยความเคารพดังขึ้นจากด้านนอก “คุณชายหลี่อยู่เรือนหรือไม่”
หลี่เนี่ยนฝานชะงักไป แล้วเอ่ยขึ้นทันใด “เสี่ยวไป๋ ไปเปิดประตู!”
เสี่ยวไป๋รีบวิ่งหัวหกก้นขวิดออกไป
“แกร็ก”
ประตูเปิดแล้ว
เสี่ยวไป๋พูดอย่างสุภาพ “ยินดีต้อนรับสุภาพสตรีแสนสวยทั้งสองท่าน”
“เสี่ยวไป๋ สวัสดีจ้ะ” ลั่วซืออวี่ทักทายเสี่ยวไป๋อย่างยิ้มแย้ม
ฉินม่านอวิ๋นกลับฝืนพยายามควบคุมสีหน้า ทำให้รอยยิ้มของนางเป็นธรรมชาติที่สุด
อาวุธวิญญาณ!
เป็นอาวุธวิญญาณจริงๆ ด้วย!
อีกทั้งยังเป็นอาวุธวิญญาณในรูปมนุษย์ ถ้าหากสวมใส่ผิวหนังให้มันสักชั้น ก็คงจะไม่ผิดแผกจากคนทั่วไป!
อาวุธวิญญาณระดับนี้นับเป็นของชั้นยอด
แม้จะได้ฟังจากลั่วซืออวี่มาบ้างแล้ว แต่เมื่อมาเห็นกับตา ก็ยังไม่อาจควบคุมความรู้สึกในจิตใจ
ลั่วซืออวี่พาฉินม่านอวิ๋นเดินไป เอ่ยแนะนำว่า “คุณชายหลี่ แม่นางต๋าจี่ ท่านนี้คือเพื่อนของข้า ฉินม่านอวิ๋น”
“ม่านอวิ๋นคำนับคุณชายหลี่ คำนับแม่นางต๋าจี่” ฉินม่านอวิ๋นคำนับหลี่เนี่ยนฝานอย่างเคารพนบนอบทันที
หางตาของนางกวาดไปมองกระดานหมากโดยไม่รู้ตัว สติสัมปชัญญะกระเจิดกระเจิง
เมื่อวานนางเพิ่งสนทนากับบัณฑิตท่านนั้นเรื่องใช้ฟ้าดินเป็นกระดานหมาก วันนี้ก็มาพบคุณชายหลี่เดินหมากอยู่ที่นี่ บนโลกนี้มีเรื่องบังเอิญถึงเพียงนี้ด้วยหรือ
แน่นอนว่าไม่มี!
เป็นไปได้มากว่าคุณชายหลี่คำนวณไว้เสร็จสรรพแต่แรกแล้ว แม้แต่เรื่องที่นางจะมาเยือนก็อยู่ใต้การควบคุมของเขา เห็นได้ชัดว่าเขากำลังเตือนสติตนอยู่!
เมื่อมองไปยังกระดานหมากนั้น ก็พลันเห็นว่ามี ‘ฟ้าดิน’ สองคำนี้ประทับไว้!
พรึ่บ!
ฉินม่านอวิ๋นสมองขาวโพลนในฉับพลัน ความเย็นเยือกโถมเข้าปกคลุม
เป็นดังคาด คุณชายหลี่ใช้ฟ้าดินเป็นกระดานหมากจริงๆ ด้วย!
…………………………………………….