ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 5 ปุถุชนและสุนัขพื้นเมือง
ในขณะเดียวกัน สงครามครั้งใหญ่ก็กำลังระเบิดขึ้นบนเขา
“ข้ายังคิดอยู่ว่าปีศาจที่ไหนถึงกล้าโอหังเพียงนี้ ที่แท้ก็เป็นปีศาจเสือดาว!”
“ปีศาจเสือดาว ปล่อยคนเดี๋ยวนี้ พวกข้าศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสามจะยอมปล่อยให้ศพเจ้าชิ้นส่วนครบถ้วนสมบูรณ์”
เด็กหนุ่มสองคนท่าทางฮึกเหิม รวมพลังเป็นสามเหลี่ยมกับหญิงสาวคนหนึ่ง ล้อมให้ปีศาจเสือดาวอยู่ตรงกลาง
“ฮ่าๆๆ เจ้าเด็กโง่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยังกล้ามาสอนผู้อื่นล้มปีศาจปราบอสูร วันนี้ให้ข้ากินพวกเจ้าซะเถอะ!” ปีศาจเสือดาวหัวเราะลั่น ร่างของมันได้แปรเปลี่ยนเป็นอย่างมนุษย์ ทว่ารยางค์ทั้งสี่และส่วนหัวยังคงรูปร่างเดิม
“อย่าพูดเหลวไหลให้มากความ จงมารับความตายซะ!”
ทั้งสามยกกระบี่ขึ้นมาข้างตัว นิ้วมือลูบเล่มกระบี่ เปล่งเสียงขึ้นพร้อมกัน “วิชาขี่กระบี่!”
กระบี่ทั้งสามเล่มพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ล้อมรอบกักขังปีศาจเสือดาวที่ใจกลาง ปราณกระบี่ทะลวงขึ้นบนฟ้า
“โฮก!”
ปีศาจเสือดาวคำรามด้วยความโกรธ ปากอ้ากว้าง ตันปีศาจสีทองพวยพุ่งออกจากปาก รัศมีสีแดงประกายวาบ
ตันปีศาจกลายรูปเป็นม่านแสง ปกคลุมปีศาจเสือดาวเอาไว้
เคร้งๆๆๆ!
กระบี่ถึงกับไม่อาจทะลุทะลวงการป้องกันของม่านแสงนี้ได้
ความตื่นตระหนกวาดผ่านใบหน้าของทั้งสาม พวกเขาพูดขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน”
พวกเขาทั้งสามยังอ่อนประสบการณ์ อยากสำแดงความองอาจกล้าหาญ อาศัยความสามารถที่มีสร้างชื่อเสียง คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาเจอกับปีศาจที่ร้ายกาจเช่นนี้
“ฝึกมาแค่ไม่กี่ปีก็อยากจะเป็นวีรบุรุษแล้วหรือ ข้าฝึกมามากกว่าพวกเจ้าสองร้อยปี ใช้แค่มือเดียวก็ฆ่าพวกเจ้าได้แล้ว!”
ปีศาจเสือดาวหยิ่งผยองได้ใจ แววตาโหดเหี้ยม ตันปีศาจปล่อยลำแสงสีแดงสามลำทันใด พุ่งตรงไปยังทั้งสาม
ผู้ฝึกตนทั้งสามไร้หนทางหลบหลีก ในชั่วพริบตาก็ลงไปนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น กระบี่ก็สิ้นแสง ร่วงหล่นลงกับพื้นเช่นกัน
ปีศาจเสือดาวเก็บตันปีศาจกลับมา มองทั้งสามอย่างพินิจพิจารณา สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ร่างของเด็กสาว
มันแลบลิ้นเลียปาก “มนุษย์เพศหญิงหนังบางเนื้อนุ่ม ท่าทางอย่างเจ้า รสชาติต้องสดใหม่ถูกปากเป็นแน่”
อีกสองคนพลันร้อนรน ดวงตาแดงก่ำ ตวาดไปว่า “เจ้าปีศาจ ถ้ากล้าแตะต้องศิษย์น้องหญิงของข้าละก็ ที่นี่ได้กลายเป็นหลุมศพเจ้าแน่!”
“พวกข้าเป็นศิษย์สำนักเซียนวั่นเจี้ยน(หมื่นกระบี่)นะ สำนักเซียนวั่นเจี้ยนต้องตามสังหารเจ้าไม่เลิกราอย่างแน่นอน!”
“กลางป่าเขาลำเนาไพร มีหรือข้าจะไม่กล้า ตอนนี้ข้าจะจับศิษย์น้องหญิงคนงามของพวกเจ้ากินทีละคำๆ ต่อหน้าพวกเจ้า!” ปีศาจเสือดาวเอ่ยอย่างไม่แยแสไร้ความปรานี
หัวใจของทั้งสามเย็นวาบ ความหวาดกลัวปรากฏบนใบหน้า
เด็กหนุ่มสองคนรีบพูดว่า “ปล่อยศิษย์น้องหญิงไป ถ้าจะกินก็กินพวกข้า”
ปีศาจเสือดาวทำทีไม่ใส่ใจ ค่อยๆ เดินไปยังเด็กสาวคนนั้น
สวบๆๆๆ
เสียงฝีเท้าดังมา
ทั้งสามพลันพบทางรอด หัวใจเต้นโครมครามด้วยความยินดี รีบเงยหน้าขึ้นไปมอง
กลับเห็นสุนัขพื้นเมืองสีดำตัวหนึ่งค่อยๆ ปรากฏกายขึ้น เดินตรงเข้ามาทางพวกเขาอย่างไม่รีบร้อน
หัวใจของพวกเขาหนาวเหน็บถึงขีดสุด ราวกับร่วงหล่นจากสวรรค์สู่นรกโลกันตร์
ปีศาจเสือดาวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “สุนัขพื้นบ้านจากไหน วันนี้ข้าอารมณ์ดี จะไม่กินเจ้า ไสหัวไปเสีย!”
สุนัขสีดำยังคงยืนอยู่ที่เดิม ถึงกับเอ่ยปากพูดอย่างเย่อหยิ่ง “ปีศาจเสือดาว เจ้าฆ่าตัวตายไปซะเถอะ อย่าบังคับให้ข้าต้องลงมือ”
“เอ๊ะ? ที่แท้ก็เป็นแค่สุนัขอสูรตัวน้อย!”
ปีศาจเสือดาวชะงักชั่วขณะ จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะพูดเย้ยหยัน “สุนัขดำ เจ้าฝึกตนจนทึ่มทื่อไปแล้ว ไม่รู้หรือว่าเจ้ากำลังพูดอยู่กับใคร”
ทั้งสามตะลึงงันไม่ต่างกัน พวกเขาเกือบคิดว่าหูฝาดไปแล้ว
เจ้าสุนัขอสูรนี่อวดเก่งเกินไปแล้ว มาถึงก็ไล่ให้คนอื่นไปตาย ร้ายกาจเหลือเกิน
“ย่อมได้ นายท่านของข้ากำลังจะมาแล้ว ไม่เสียเวลาพูดเพ้อเจ้อกับเจ้าหรอก” ต้าเฮยส่ายหน้าด้วยท่าทางเย่อหยิ่งสุดขีด ถ้าหากภายนอกมันไม่ได้เป็นเพียงสุนัขสีดำธรรมดาตัวหนึ่ง เกรงว่าคนอื่นต้องคิดว่ามันเป็นลูกพี่อะไรเทือกนี้อย่างแน่นอน
“เหอะๆ รนหาที่ตายนัก!”
ปีศาจเสือดาวหัวเราะร่วน อ้าปากกว้าง ลมกลิ่นคาวคลุ้งเข้าปกคลุมต้าเฮย หมายจะดึงดูดต้าเฮยเข้าไปแล้วเขมือบในคำเดียว
กระนั้นแล้ว ร่างกายของต้าเฮยก็ยังยืนหยัดไม่เคลื่อนไหว เพียงแค่ยกอุ้งเท้าขึ้นมาอย่างง่ายดาย
ในชั่วพริบตา สายลมก็พลันพัดกรรโชกแรง ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม
ท่ามกลางหมู่เมฆครึ้ม อุ้งเท้าสุนัขขนาดยักษ์ใหญ่ก็โผล่ออกจากกลีบเมฆ กดลงที่ปีศาจเสือดาว
อุ้งเท้าสุนัขนั่นกับอุ้งเท้าของต้าเฮยเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว เพียงแต่ว่าใหญ่กว่าไม่รู้กี่เท่า ประหนึ่งหุบเขาห้านิ้วของพระยูไลก็มิปาน
ปีศาจเสือดาวตกใจกลัวจนร้องเสียงแมวออกมา รูปร่างเดิมปรากฏออกมา ขนทั่วตัวของมันลุกชัน ราวกับเม่นที่พยายามจะหลบหนีก็มิปาน
เพียงแต่ว่า มันพบว่าโดยรอบได้ถูกปิดกั้นไว้ทั้งหมด ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ ทำได้เพียงจ้องมองอุ้งเท้ามหึมาทับลงมาต่อหน้าต่อตา
“ข้าเป็นเพียงปีศาจเสือดาวตัวน้อยๆ ท่านสุนัขได้โปรดไว้ชีวิตด้วยเถิด!” ปีศาจเสือดาวอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง
แผละ!
วินาทีต่อมา กระโหลกศีรษะของมันก็แตกละเอียด
อุ้งเท้าสุนัขยังไม่ทันแตะถึงพื้น ลำพังแรงกดมหาศาลก็ไม่ใช่สิ่งที่ปีศาจเสือดาวจะทนไหวแล้ว
จากนั้น อุ้งเท้าสุนัขก็อันตรธานไปอย่างไร้ร่องรอย ท้องฟ้าแจ่มใสกลับคืนมา คล้ายกับว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเพียงภาพมายา
ผู้บำเพ็ญเซียนทั้งสามมองไปยังต้าเฮย ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง นิ่งงันราวกับกลายเป็นรูปสลักไปเสียแล้ว
ต้าเฮยพูดอย่างเรียบเฉยประหนึ่งทำเรื่องเล็กน้อยไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง “นายท่านของข้าชอบสัมผัสชีวิตในฐานะปุถุชน พวกเจ้าจำเอาไว้ว่าปีศาจเสือดาวตัวนี้พวกเจ้าเป็นคนสังหาร ไม่เกี่ยวกับข้า เมื่อเจ้านายข้ามาถึงแล้ว พวกเจ้าห้ามเอ่ยถึงเรื่องที่เกี่ยวกับข้าทั้งสิ้น ให้คิดเสียว่าเจ้านายของข้าเป็นปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง และข้าก็เป็นสุนัขพื้นเมืองตัวหนึ่ง เข้าใจหรือไม่”
ทั้งสามพยักหน้าด้วยความงงงัน
ในใจของพวกเขาทั้งตื่นกลัวทั้งตื่นเต้น
สุนัขอสูรเก่งกาจเช่นนี้ เจ้านายของมันจะต้องเป็นผู้ที่ล้ำเลิศเพียงใดกัน
ว่ากันว่าผู้ยิ่งใหญ่มักแสร้งเป็นปุถุชน เที่ยวเล่นไปในโลกมนุษย์ ที่แท้ก็เป็นความจริง ในที่สุดครานี้ก็ได้เห็นเป็นประจักษ์แล้ว
“ต้าเฮย!”
หลี่เนี่ยนฝานตะโกนด้วยความกังวล สาวเท้าไล่ตามมา คว้าหมับเข้าที่หัวของต้าเฮย “ข้าเรียกเจ้าไม่ได้ยินหรือไง วิ่งทำไม น่าโมโหจริงๆ!”
เขายิ่งคิดยิ่งโมโห ใช้มือลูบหัวต้าเฮยแรงๆ
ผู้บำเพ็ญเซียนทั้งสามเห็นสถานการณ์ตรงหน้า โลหิตที่ไหลเวียนในร่างกายพลันหยุดชะงัก ขนลุกขนพอง หัวใจแทบหลุดออกมาจากอก
นี่คือสุนัขอสูรที่อุ้งเท้าคลุมฟ้าหรือ ในความรู้สึกของพวกเขาแล้ว ต่อให้เป็นอาจารย์ของพวกเขา ไม่สิ ต่อให้ทั้งสำนักรวมกันก็หยุดยั้งอุ้งเท้าสุนัขเมื่อครู่ไม่ได้
ทว่าในตอนนี้ ท่านสุนัขอสูรถึงกับถูกตบตีหัวทำร้ายอย่างไม่ใยดี โลกนี้มันบ้าเกินไปแล้ว!
พวกเขาไม่กล้ามอง ด้วยกลัวว่านายท่านสุนัขอสูรจะโกรธเอา
หลังจากสั่งสอนต้าเฮยไปหนึ่งยก หลี่เนี่ยนฝานจึงไปดูสถานที่เกิดเหตุ
ผู้ชายสอง ผู้หญิงหนึ่ง ทั้งมีศพเสือดาวกะโหลกแตกสมองระเบิด นานนานนอนแอ้งแม้งอยู่ใต้ต้นไม้ซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป
ดูท่าปีศาจเสือดาวจะถูกผู้บำเพ็ญเซียนทั้งสามปราบแล้ว ตนเองโชคดีจริงๆ ที่มาถึงในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะที่สุด
หลี่เนี่ยนฝานรีบวิ่งเข้าไปดูนานนาน เมื่อพบว่าสลบไปเท่านั้น เขาก็ถอนหายใจยาวๆ อย่างโล่งอก
“ข้าชื่อหลี่เนี่ยนฝาน วันนี้ต้องขอบคุณจอมยุทธ์น้อยที่ปราบปีศาจ ไม่เพียงลงมือช่วยนานนาน ยังรักษาความสงบให้แก่เมืองลั่วเซียน” เขาเอ่ยขอบคุณทั้งสาม
ความประดักประเดิดปรากฏบนใบหน้าของทั้งสาม ตอบกลับไปเบาๆ “คุณชายหลี่เกรงใจแล้ว อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้ลงแรงมากนัก”
พวกเขาพบว่าบนร่างของหลี่เนี่ยนฝานไม่มีพลังปราณไหลเวียนอยู่แม้แต่น้อย มองอย่างไรก็เป็นเพียงปุถุชน จึงอดคิดในใจไม่ได้ ‘ปรมาจารย์ทำสิ่งใดย่อมล้ำลึกยากหยั่งรู้ ทำได้ตามใจปรารถนา’
เนี่ยนฝาน เนี่ยนฝาน ไม่ได้หมายความว่าระลึกถึงโลกโลกีย์หรอกหรือ?
มิน่าล่ะ ปรมาจารย์ที่ใช้ชีวิตอย่างสันโดษในโลกมนุษย์ แม้แต่ชื่อก็ยังไพเราะมีความหมาย สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์!
เมื่อพบกับขาใหญ่เช่นนี้ หากบอกว่าไม่วิตกกังวลก็คงจะโกหก
ในบรรดาทั้งสามคน เด็กสาวสวมชุดสีฟ้าทั้งตัวเอ่ยเสียงนุ่มว่า “ข้าไป๋ลั่วซวง คำนับคุณชาย สองท่านนี้เป็นศิษย์พี่ของข้า หลัวฮ่าวกับฉินจู๋”
“ที่แท้ก็เป็นแม่นางไป๋ จอมยุทธ์น้อยหลัว จอมยุทธ์น้อยฉิน” หลี่เนี่ยนฝานทักทายทีละคน สายตามองไปยังศพของปีศาจเสือดาว อดเดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจไม่ได้
รูปลักษณ์ของปีศาจเสือดาวเป็นเพียงเสือดาวธรรมดาตัวหนึ่ง แต่ว่าขนาดนั้นใหญ่กว่ามาก
เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นปีศาจในโลกบำเพ็ญเซียน อีกทั้งยังอยู่ใกล้ขนาดนี้ น่าเสียดายที่ไม่ได้เห็นขั้นตอนในการปราบปีศาจ เลยแอบเสียใจอยู่บ้าง
……………………………………