ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 48 หรือว่ากำลังบอกใบ้พวกข้าสองพี่น้อง
ตอนที่ 48 หรือว่ากำลังบอกใบ้พวกข้าสองพี่น้อง
น้ำแอปเปิลไหลจากมุมปากของจิ้งจอกหกหาง ทำให้เสียงเคี้ยวใสนั้นฟังดูยั่วยวนใจยิ่งกว่าเดิม
‘นี่แอปเปิลอะไรกัน อร่อยถึงเพียงนี้’
หูทั้งสองข้างของจิ้งจอกหกหางตั้งขึ้น ไม่มีเวลาจะเอ่ยปากถามด้วยซ้ำ มันยกแอปเปิลขึ้นมากัดคำโตเคี้ยวกลืนลงท้อง
แอปเปิลกรอบ สัดส่วนของน้ำมากพอ เมื่อกัดเข้าไปเพียงคำเดียว ก็ทำให้ติดอกติดใจในรสชาติ
รสเปรี้ยวเบาบางนำพารสหวานอันไร้สิ้นสุด เติมเต็มทุกอณูในปากซึ่งเดิมทีแสนว่างเปล่า
โดยเฉพาะยามที่กลืนน้ำผลไม้ลงไป ความรู้สึกอิ่มเอมทำให้จิ้งจอกหกหางตัวสั่นเทิ้ม
ดีเหลือเกิน!
มันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผลแอปเปิลจะอร่อยถึงเพียงนี้
ข้าควรจะเดาได้แต่แรกแล้วว่าไฉนท่านพี่ถึงได้มองผลแอปเปิลนี้เป็นสมบัติล้ำค่า
“กร้วมๆๆ”
ในชั่วเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ จิ้งจอกหกหางก็กินแอปเปิลจนหมดเกลี้ยง แม้แต่แกนกลางก็กลืนลงท้องไปด้วย
มันลูบท้องอย่างอิ่มเอม แลบลิ้นออกมาเลียรอบริมฝีปากอย่างพึงพอใจ “อร่อย นี่เป็นของอร่อยที่สุดที่ข้าเคยกิน
มา!”
ต๋าจี่เอ่ยเตือนอย่างอดไม่ได้ “เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อน”
จิ้งจอกหกหางชะงักงัน ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ว่าพุงเล็กๆ ร้อนกรุ่นขึ้นมา ราวกับว่ากรอกโอสถวิเศษลงไป
นอกจากนั้นแล้ว อยู่ๆ ในสมองก็พลันเกิดเสียงสวดมนต์ซับซ้อนยากเกินเข้าใจดังมาระลอกหนึ่ง
ทั้งร่างของมันสั่นเทา ผุดตัวลุกขึ้นยืนทันใด
สมองโปร่งโล่งขึ้นมา ดึ่มด่ำไปกับเสียงแห่งธรรมชาติ
ผ่านไปชั่วขณะ มันก็ลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง
รู้สึกเพียงว่าสมองของมันแจ่มชัดอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่าพลังถูกเปิดกว้างออก ปัญหาที่คิดไม่ตกมาโดยตลอด
พลันแถลงไข
จิ้งจอกหกหางตื่นตกใจจนขนฟูฟ่อง พูดอย่างตะลึง “ท่านพี่ ในแอปเปิลผลนี้มีทำนองมรรคาแฝงอยู่!”
“เจ้ายังไม่นับว่าโง่เขลาเกินไป ไม่ทำให้แอปเปิลผลนี้เสียเปล่า” ต๋าจี่พูดด้วยรอยยิ้ม!
นางลอบเก็บแอปเปิลผลนี้ไว้ในตอนที่กินอาหารเย็น
จิ้งจอกหกหางมีคำถามมากมายเหลือเกิน เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ท่านพี่ สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น ทำไมท่านถึง
มีแอปเปิลได้”
ท่านพี่ก็ยังคงเป็นท่านพี่ ยอดเยี่ยมที่สุด!
“แอปเปิลผลนี้นายท่านเป็นคนปลูก พลังบำเพ็ญของนายท่านเลิศล้ำ แต่กลับชอบท่องไปบนโลกในร่างของปุถุชน
ฉะนั้น หลังจากนี้เจ้าพบเขา ห้ามจงใจล่วงเกินเขาเด็ดขาด” ต๋าจี่เอ่ยเตือน
“เขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่เร้นกายอยู่?!” จิ้งจอกหกหางยกมือขึ้นปิดปาก ตกใจกลัวจนหางตั้งขึ้น
น่ากลัวเกินไปแล้ว ตนมีความคิดจะสั่งสอนเขาหลายครั้งหลายครา โชคดีที่ไม่ได้ลงมือ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่เหลือแม้แต่เศษผิวหนัง
จิ้งจอกหกหางเอ่ยถามอย่างคาดหวัง “ท่านพี่ เขาช่วยท่านรักษาบาดแผลจนหายได้ไหม”
“นายท่านเริ่มรักษาให้ข้าแล้ว อาการบาดเจ็บดีขึ้นมาก” ต๋าจี่พยักหน้า
“ดีเหลือเกิน!” จิ้งจอกหกหางปลื้มปริ่มจนน้ำตารื้น โผเข้าหาอ้อมอกของต๋าจี่ หางโบกสะบัดอย่างลิงโลด
ต๋าจี่ลูบศีรษะมันอย่างเอ็นดู “ข้าควรต้องกลับแล้ว เจ้าต้องดูแลตนเองให้ดี คิดถึงพี่ก็มาหาได้”
จิ้งจอกหกหางพยักหน้ารัว “ท่านพี่ ท่านรีบกลับไปเถิด อย่าทำให้ปรมาจารย์ขุ่นเคือง”
หลังจากที่ร่ำลาจิ้งจอกหกหางแล้ว ต๋าจี่ก็กลับไปยังเรือนสี่ประสาน
แต่กลับพบเงาร่างหนึ่งยืนอยู่ที่ปากประตูเรือน มองมายังตนด้วยความเคลือบแคลง
“คุณชายหลี่” ต๋าจี่ชะงักงันเล็กน้อย กัดริมฝีปากแน่น
ตนไร้เดียงสาเกินไปแล้ว การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของนางไหนเลยจะปิดบังคุณชายหลี่ได้ ถ้าหากเขาเกิดโมโหขึ้นมาจะทำอย่างไร
หลี่เนี่ยนฝานถาม “ดึกดื่นป่านนี้ เจ้าออกมาทำอะไร”
ต๋าจี่ก้มหน้างุด พูดเสียงอ่อน “ขออภัย ข้านำผลแอปเปิลไปป้อนให้น้องสาวข้า”
“เจ้ามีน้องด้วยหรือ” หลี่เนี่ยนฝานมองต๋าจี่อย่างประหลาดใจ
ต๋าจี่พยักหน้า “อื้ม เป็นสุนัขจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่ง”
“มิน่าล่ะ เมื่อกี้ข้าถึงได้ยินเสียงสุนัขจิ้งจอกดังมาจากข้างนอก” หลี่เนี่ยนฝานพยักหน้าอย่างเข้าใจ
ในขณะเดียวกันก็รู้สึกขบขันอยู่สักหน่อย ผู้หญิงนี่น่าสนใจจริงๆ ชอบเรียกสัตว์เล็กๆ ว่าน้อง ส่วนผู้ชายก็น่าสนใจยิ่งกว่า เพราะชอบเรียกสัตว์เล็กๆ ว่าลูก
“คุณชายหลี่ ท่านโกรธหรือ” ต๋าจี่มองหลี่เนี่ยนฝานอย่างกระวนกระวาย
“มีอะไรต้องโกรธหรือ ก็แค่แอปเปิลลูกเดียว เจ้าจะกังวลทำไมถึงเพียงนั้น” หลี่เนี่ยนฝานยิ้มขื่นพลางส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้ ผู้หญิงสมัยโบราณต้องระวังตัวถึงขนาดนี้เชียว ระบบศักดินาชวนให้รู้สึกปวดใจจริงๆ
“จริงสิ นั่นเป็นสุนัขจิ้งจอกชนิดใดหรือ คงไม่ได้มีหกหางหรอกใช่ไหม” หลี่เนี่ยนฝานเอ่ยถามไปเรื่อยเปื่อย
เมื่อเอ่ยถึงสุนัขจิ้งจอก เขาก็อดนึกถึงสุนัขจิ้งจอกหกหางที่ช่วยไว้เมื่อสามปีก่อนไม่ได้
ในตอนนั้นมันถึงกับมีหกหาง ร่างกายบาดเจ็บสาหัส เขาสงสารจนทนไม่ไหว จึงลงมือช่วยเอาไว้
ยังจำได้ว่าหลังจากที่ช่วยได้แล้ว จิ้งจอกตัวนั้นก็ใช้หางทั้งหกถูไถตนเองสุดชีวิต นุ่มนิ่มสบายยิ่งนัก
จากนั้นก็เดินไปสามก้าวแล้วหันมามอง ท่าทางยึกยักลังเลไม่อยากจากไป
แววตาของหลี่เนี่ยนฝานฉายแววหวนระลึกความหลังอย่างห้ามไม่อยู่
จิ้งจอกหกหาง เป็นไปได้มากว่าจะเป็นปีศาจจิ้งจอกตนหนึ่ง ไม่รู้ว่าตอนนี้มันเป็นอย่างไรบ้าง
ตอนนั้นเขาอุตส่าห์ช่วยมันไว้ ไม่รู้จักกลับมาตอบแทนบ้างเลย เฮ้อ
ทางด้านต๋าจี่ก็ตื่นอกตกใจ ปิดบังคุณชายหลี่ไม่อยู่จริงด้วย
นางจึงพยักหน้าตอบ “คุณชายหลี่ น้องสาวข้าเป็นจิ้งจอกหกหางจริงๆ”
“หืม? เป็นมันจริงหรือ” หลี่เนี่ยนฝานมองต๋าจี่ด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็อดแย้มยิ้มออกมาไม่ได้ “ไม่คิดว่าข้ากับมันจะมีชะตาต่อกัน ถ้าหากมาอีก ข้าจะให้อาหารมันกินเยอะๆ”
ต่อให้จิ้งจอกหกหางตัวนี้จะเป็นปีศาจ แต่เกรงว่าพลังก็คงไม่แข็งแกร่ง ครั้งก่อนตอนที่เจอ ร่างกายของมันได้รับบาดเจ็บ ครั้งนี้ถึงกับมาขออาหาร น่าสงสารจับใจ
“จริงหรือ” สีหน้าของต๋าจี่พลันตื่นเต้น สิ่งใดก็ตามของที่นี่นับเป็นวาสนาของโลกภายนอก คุณชายหลี่ถึงกับยอมให้ข้านำออกไป?
เดิมทีแล้ว ยามที่นางลอบเก็บผลแอปเปิลออกไปก็เตรียมใจถูกคุณชายหลี่ตำหนิไว้แล้ว ไม่คิดว่าจะมีเรื่องน่ายินดี
ชะตาที่คุณชายหลี่กล่าวถึงหมายความว่าอย่างไรกัน หรือว่ากำลังบอกใบ้อะไร
ถ้าหากเป็นเช่นนี้ น้องสาวของตนก็มีวาสนาแล้วสิ!
“ดึกมากแล้ว เจ้ารีบไปพักผ่อนเถอะ” หลี่เนี่ยนฝานเองก็หาววอด ค่อยๆ หันหลังกลับห้องไป
มาถึงโลกบำเพ็ญเซียน เขาก็ติดนิสัยนอนเร็ว อีกทั้งคุณภาพการนอนก็ดีขึ้นอย่างน่าแปลก จะหลับสบายเกินไปไม่ได้ ตื่นมาแล้วก็สติสัมปชัญญะเต็มเปี่ยม เป็นเด็กหนุ่มที่กระปรี้กระเปร่าไปทั้งวัน
วันต่อมา
ขอบฟ้าทอแสงบาง ฉินม่านอวิ๋นก็ปรากฏตัวที่หน้าประตูภัตตาคารแล้ว
สีหน้าของนางหนักแน่น ทั้งวิตกกังวลทั้งตั้งหน้าตั้งตารอคอย
เป็นเพราะคำพูดนั้นของเมิ่งจวินเหลียง นางนอนไม่หลับทั้งคืน ได้แต่เฝ้ารอให้วันรุ่งขึ้นมาถึง
‘บัณฑิตคนนั้นบอกว่าให้ข้ามาฟังนิทานที่จะเล่าในวันนี้ ถ้าหากเข้าใจได้มากพอ ก็จะกระจ่างในความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้น ว่าสรุปแล้วหมายถึงสิ่งใด หรือว่าจะเป็นการทดสอบความเข้าใจ?’
ข้างกายของฉินม่านอวิ๋น ลั่วซืออวี่ขอบตาดำคล้ำ หาววอดไม่หยุด
เมื่อวานนางก็ไม่ได้นอนทั้งคืนเช่นกัน เพราะถูกฉินม่านอวิ๋นลากมาเล่าเรื่องราวก่อนหน้าของบันทึกท่องประจิมให้ฟัง จนอ่อนล้าไปทั้งกายใจ
…………………………………………