ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 45 ไม่รู้ความยิ่งใหญ่ของฟ้าดิน ย่อมไม่รู้ว่าตนกระจ้อยร่อย
- Home
- ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน
- ตอนที่ 45 ไม่รู้ความยิ่งใหญ่ของฟ้าดิน ย่อมไม่รู้ว่าตนกระจ้อยร่อย
ฉินม่านอวิ๋นขยี้ตาเบาๆ คิดว่าตนเห็นภาพหลอน
เมื่อเพ่งพินิจมองไป ก็พบว่าจักรพรรดิลั่วไม่ได้มาเพียงคนเดียว ข้างกายยังมีจงซิ่วติดตามมาด้วย
พวกเขามาทำอะไรที่นี่ ฟังนิทานหรือ?
ลั่วซืออวี่มาฟังนิทานยังพอเข้าใจได้ว่านางยังเด็ก แต่พวกเขาอยู่กันมาตั้งหลายร้อยปีแล้วกระมัง ยังจะมาฟังนิทานก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปสักหน่อย
นอกจากนั้นแล้ว เมื่อครู่จักรพรรดิลั่วเพิ่งจะโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ จนใบหน้าถมึงทึงบูดเบี้ยว นี่ผ่านไปเท่าไรกัน นึกอยากจะฟังนิทานแล้วหรือ
แต่ว่า มองจากท่าทางรีบร้อนของจักรพรรดิลั่วแล้ว เขาน่าจะมาฟังนิทานจริงๆ
จักรพรรดิลั่วมาค่อนข้างสาย แถวหน้าของภัตตาคารไม่เหลือที่แล้ว เขาก็ไม่ได้เบียดเข้าไป หากแต่ยืนอยู่แถวหลังๆ อย่างรู้มารยาท สีหน้าตั้งใจเปี่ยมไปด้วยความเคารพ
เขาเองก็สังเกตเห็นลั่วซืออวี่และฉินม่านอวิ๋นเช่นกัน จึงส่งเสียงมาว่า “ซืออวี่ เจ้าใจร้ายเหลือเกิน มาก่อนยังไม่รู้จักช่วยพ่อจองที่ไว้อีก”
ลั่วซืออวี่กลอกตา ไม่สนใจเขาอีก
ฉินม่านอวิ๋นกลับอึ้งงัน มองจากรูปการณ์แล้ว พวกเขาคงจะเป็นแขกประจำของที่นี่ นิทานประเภทไหนกันถึงดึงดูดจักรพรรดิลั่วได้
นางสัมผัสได้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหนักแน่น เตรียมตัวตั้งใจสดับฟัง
เมิ่งจวินเหลียงนั่งอยู่ใจกลางของภัตตาคาร ค่อยๆ พลิกหน้าหนังสือ เอ่ยถามเสียงเรียบ “ข้าน้อมนำคำสอนของเทพเซียน เริ่มต้นจากเมืองลั่วเซียน มุ่งหน้าสู่ประจิมทิศ ส่งผ่านไปยังปุถุชน ผู้มีชะตาเชิญเข้ามาเป็นศิษย์ติดตามข้า
กลับมาที่เรื่องครั้งก่อน ซุนหงอคงได้รับพระบัญชาจากเง็กเซียนฮ่องเต้ให้ดูแลสวนท้อสวรรค์ เทพผู้ยิ่งใหญ่(หงอคง)มองไปเล่นไปอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะเอ่ยถามผืนดิน ‘ต้นไม้นี้มีทั้งหมดกี่ต้น’ ผืนดินตอบว่า ‘มีสามพันหกร้อยต้น ด้านหน้าหนึ่งพันสองร้อยต้น ออกดอกออกผลน้อย สามพันปีสุกงอมครั้งหนึ่ง คนกินแล้วเข้าสู่วิถีเซียน ร่างกายแข็งแรง ตรงกลางหนึ่งพันสองร้อยต้น ออกดอกออกผลมาก หกพันปีสุกงอมครั้งหนึ่ง คนกินแล้วโบยบินเป็นเซียนบนสวรรค์ทันใด เป็นอมตะไม่แก่ชรา ด้านหลังมีหนึ่งพันสองร้อยต้น ลายสีม่วงแก่นสีแดง เก้าพันปีสุกงอมครั้งหนึ่ง คนกินแล้วอายุยืนยาวเทียบเท่าฟ้าดิน’ ซุนหงอคงได้ยินดังนั้น ก็ปลื้มปีติยินดี…”
ทุกคนในภัตตาคารล้วนใจจดใจจ่อ ไม่รู้ว่าผลท้อสวรรค์คืออะไรกันแน่
ฉินม่านอวิ๋นเดิมทียังสงวนท่าทีคิดจะเพียงลองดู แต่กลับไม่นึกว่าเพียงแค่อารัมภบทก็ดึงดูดนางได้แล้ว
ปากเล็กเผยอเล็กน้อย ฉายแววเหลือเชื่อ
ผลท้อสวรรค์? บนโลกนี้มีผลไม้เซียนชนิดนี้ได้อย่างไรกัน
กินหนึ่งผลแล้วสำเร็จเป็นเซียนได้เลยหรือ ยังจะต้องฝึกเซียนไปทำไมกัน
นางเพิ่งเคยได้ยินชื่อผลไม้เซียนนี้เป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้แค่คิดว่ามีอยู่จริงยังไม่กล้า
“ซืออวี่ สิ่งที่บัณฑิตคนนี้เล่าเป็นเรื่องจริงหรือ” นางถามขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
ลั่วซืออวี่ได้ฟังอย่างเพลิดเพลิน ทันทีที่ถูกรบกวนก็รู้สึกขุ่นเคืองอยู่บ้าง เจ้าเป็นถึงเทพธิดาแห่งอารามเต๋าหลินเซียน ไฉนจึงตกใจง่ายเป็นกระต่ายตื่นตูมขนาดนี้
กระนั้นแล้วนางก็ยังคงอธิบายเสียงแผ่วเบา “ย่อมต้องเป็นเรื่องจริง เรื่องนี้เป็นเรื่องของโลกเซียนอย่างแน่นอน และเป็นไปได้มากว่าจะเป็นเรื่องที่ปรมาจารย์ท่านนั้นประสบพบเจอด้วยตนเอง”
“เฮือก”
ฉินม่านอวิ๋นสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าปอด รู้สึกได้เพียงว่าศีรษะชาวาบ ขนลุกซู่ไปทั้งตัว
นั่นก็หมายความว่าปรมาจารย์ท่านนี้เคยสัมผัสกับผลท้อสวรรค์ไม่ใช่หรอกหรือ
น่ากลัว เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
เมิ่งจวินเหลียงยังคงเล่าต่อไป เล่าจนถึงฉากสุดท้าย “เง็กเซียนฮ่องเต้พิโรธ มีบัญชาส่งมหาเทพทั้งสี่ พร้อมมหาเทพหลี่และองค์รัชทายาทนาจา ยี่สิบแปดดาวนักษัตร เก้าหมู่ดาวฤกษ์ ยี่สิบยามเวลา เจียตี้ห้าทิศ กงเฉาทั้งสี่ ดาวบูรพาและประจิม สองเทพเหนือใต้ โหราศาสตร์ทั้งใต้หล้า นักรบสวรรค์รวมทั้งสิ้นหนึ่งแสนนาย ปูพรมทั่วทั้งสิบแปดฟ้าดิน ปิดล้อมเขาฮวากั่ว จับกุมมันมาลงโทษ…”
ปุถุชนฟังจนดื่มด่ำเข้าถึง ส่วนจักรพรรดิลั่วและผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นๆ กลับฟังแล้วตกตะลึง ในสมองมีเพียงเสียงดังหวึ่งๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างในนิทานเรื่องนี้ล้วนแต่เปิดโลกทัศน์ของพวกเขา
แค่ผลท้อสวรรค์ก็พิสดารมากพอแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะมีโอสถเซียนของไท่ซั่งเหล่าจวิน1 ทั้งมียอดสุราธาราหยกเหล่านั้นซึ่งใช้ดื่มในวังสวรรค์อีก ทุกอย่างล้วนแต่ช่วยให้อายุยืนยาว!
สีหน้าของพวกเขาซับซ้อน ใครจะไปคิดเล่าว่าวิถีอายุวัฒนะซึ่งทุกคนบากบั่นเสาะหาด้วยความยากเย็นแสนเข็ญ จะเป็นเรื่องง่ายเพียงปอกกล้วยเข้าปากสำหรับคนบนสวรรค์ เพียงผลท้อลูกเดียวก็ทำให้สัมฤทธิ์ผลได้แล้ว
ครั้นได้ยินว่าซุนหงอคงเพียงคนเดียวถึงกับสวาปามผลท้อสวรรค์ในป่าท้อจนหมด ลมหายใจของฉินม่านอวิ๋นก็ถี่กระชั้นอย่างห้ามไม่อยู่ ในใจกู่ร้อง ‘แบ่งให้ข้าบ้างสิ ถึงจะเป็นผลดิบก็ไม่เป็นไร!’
ต่อจากนั้น ซุนหงอคงก็ขโมยโอสถเซียนของไท่ซั่งเหล่าจวินไปจนเกลี้ยง ดื่มสุราเซียนจนหมด นั่นยิ่งทำให้ฉินม่านอวิ๋นและคนอื่นๆ อิจฉาตาลุกเป็นไฟ เรียกได้ว่าถูกเกลียดชังจากทั้งคนทั้งเทพ
ทำลายสิ่งล้ำค่าให้เสียเปล่า ทำลายสิ่งล้ำค่าให้เสียเปล่าชัดๆ!
ในตอนนั้น ต่อให้ซุนหงอคงเป็นตัวละครหลัก พวกเขาก็อดบังเกิดความขึ้งเคียดไม่ได้
ฮือๆๆ อิจฉา ริษยา เกลียดเหลือเกิน
กระนั้นแล้ว เมื่อได้ยินว่าตำหนักสวรรค์รวบรวมกองทัพส่งไปยังเขาฮวากั่ว พวกเขาก็อดกลั้นหายใจไม่ได้ เหงื่อตกแทนซุนหงอคง
ความคลางแคลงในใจฉินม่านอวิ๋นได้อันตรธานหายไป ถูกแทนที่ด้วยความตื่นตกใจอย่างยิ่งยวด
“ซืออวี่พูดไว้ไม่ผิดแม้แต่น้อย นี่ไม่ใช่แค่การเล่านิทาน หากแต่เป็นการเผยแผ่คำสอน!” ฉินม่านอวิ๋นสูดหายใจเข้าลึก สัมผัสได้เพียงว่าม้วนภาพแห่งโลกใหม่ได้ค่อยๆ ตีแผ่ต่อหน้าตนแล้ว
นางไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง จับจ้องเมิ่งจวินเหลียงอย่างไม่กล้าละสายตา ไม่พลาดแม้แต่คำเดียว
นักรบสวรรค์หนึ่งแสนคนปิดล้อมเขาฮวากั่ว
เพียงแค่คิด ก็ทำให้ผู้คนเลือดเดือด หัวใจเต้นระส่ำ เนื้อตัวเย็นเฉียบอย่างห้ามไม่อยู่
นั่นมันนักรบสวรรค์หนึ่งแสนคนเชียวนะ ทั้งยังเป็นเซียนหนึ่งแสนคน ความหมายของคำว่าเซียนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ต้องอธิบาย ผู้คนบนโลกบำเพ็ญเซียนก็ต่างรู้กันดี
น่าตกใจเหลือเกิน แค่คิดก็ยังไม่กล้า
ทั่วทั้งภัตตาคาร แม้แต่เสียงลมหายใจก็ยังไม่มี
ศึกที่ตามมามิทำให้ทุกคนผิดหวังจริงๆ
เทพเซียนต่างสำแดงอิทธิฤทธิ์ ย้ายขุนเขาเติมเต็มมหาสมุทร เคลื่อนดวงดารา ขี่อัสนีบาต บิดแปลงธรรมชาติง่าย
เพียงปลายนิ้วสัมผัส
แปลงกายเจ็ดสิบสองรูปแบบ สู้รบด้วยไหวพริบและความอาจหาญ
มองไกลหมื่นลี้ หูสดับฟังสายลม ตาไฟตาทองมองทะลุปรุโปร่ง พลังวิเศษประเภทแล้วประเภทเล่าปรากฏแก่
สายตาผู้คน
แข็งแกร่งเหลือเกิน!
สมแล้วที่เป็นเซียน!
เมื่อนำพลังของผู้บำเพ็ญเซียนไปเปรียบกันแล้ว ก็เหมือนกับการละเล่นของเด็กน้อย ยากที่จะปีนป่ายขึ้นสู่สรวงสวรรค์
นี่เป็นโลกของเซียนหรือ
ก่อนหน้านี้ฉินม่านอวิ๋นยังชื่นชมตนเองที่เป็นถึงเทพธิดาแห่งอารามเต๋าหลินเซียน มายามนี้กลับรู้สึกว่าตนนั้นกระจ้อยร่อยเสียเหลือเกิน
นางได้ตื่นรู้มากขึ้นอีกขั้นในทันใด
มิน่าเล่าบัณฑิตท่านนี้ถึงได้ถ่ายทอดคำสอนในโลกปุถุชน เห็นได้ชัดว่าเพื่อชำระล้างจิตใจของข้าน่ะสิ!
ในตอนที่ข้ามาถึง ก็ยังหงุดหงิดเพราะสายตาของปุถุชนที่มองมา ยกตนว่าอยู่เหนือกว่าผู้อื่น กระนั้นแล้วในสายตาของเซียน ไหนเลยข้าจะไม่ได้เป็นเพียงแต่มดไรตัวหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นบัณฑิตท่านนี้หรือว่าปรมาจารย์ที่ลั่วซืออวี่พูดถึง ตบะของพวกเขาแก่กล้า สุดท้ายแล้วก็จะยังกลับไปปลีกวิเวกในร่างของปุถุชนอย่างนั้นหรือ
เมื่อประจักษ์ในความยิ่งใหญ่ของฟ้าดิน ถึงจะใช้จิตใจอันสงบนิ่งเข้าเผชิญหน้าทุกสรรพสิ่งได้ ถ้าหากไม่อาจเปลี่ยนแปลงทัศนคติว่าตนสูงส่งเหนือผู้อื่นได้ เกรงว่าชีวิตนี้คงไร้ชะตาต่อการสำเร็จเป็นเซียน
บัดนี้ฉินม่านอวิ๋นพลันตื่นรู้แล้ว
ลั่วซืออวี่ซึ่งอยู่ด้านข้างชะงักไปเล็กน้อย เหลือบมองฉินม่านอวิ๋นด้วยสายตาแปลกใจ นางสัมผัสได้ว่าฉินม่านอวิ๋นไม่เหมือนก่อนหน้านี้อยู่สักหน่อย
เมื่อก่อนแม้ว่าพวกนางจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่ด้วยความแตกต่างของสถานะก็มักจะทำให้มีความเหินห่างบางๆ คั่นอยู่ ยามนี้ความเหินห่างนั้นได้หายไปแล้ว นางถึงกับรู้สึกว่ามองฉินม่านอวิ๋นแล้วสบายหูสบายตาขึ้นกว่าเดิมมาก
…………………………………………..