ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 29 ห้ามให้ผู้ใดมารบกวนการบำเพ็ญตบะของปรมาจารย์เป็นอันขาด
- Home
- ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน
- ตอนที่ 29 ห้ามให้ผู้ใดมารบกวนการบำเพ็ญตบะของปรมาจารย์เป็นอันขาด
หลังสายฝนกระหน่ำหยุดลง น้ำในทะเลสาบก็เชี่ยวกราก ไหลเร็วลงสู่ที่ต่ำ
หลี่เนี่ยนฝานไม่กล้าอยู่ใกล้น้ำมากเกินไป จึงให้ต้าเฮยเดินนำ
“โฮ่งๆๆ”
ต้าเฮยซึ่งอยู่ด้านหน้าชะงักฝีเท้าในทันใด หันหน้ามาหาหลี่เนี่ยนฝานพร้อมเห่าเรียกเสียงดัง
หลี่เนี่ยนฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย อดเร่งฝีเท้าไม่ได้ “ต้าเฮย เจออะไรใช่ไหม”
เขาเงยหน้าทอดสายตาออกไปไกล นัยน์ตาก็ฉายแววประหลาดใจ
ในระยะร้อยเมตรตรงหน้า คล้ายกับว่าจะมีร่างหนึ่งนอนอยู่
เขาไม่กล้านิ่งนอนใจ สาวเท้ารุดรีบเข้าไป
สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาถึงกับเป็นหญิงสาวร่างเปลือยเปล่าคนหนึ่ง
ผิวพรรณขาวนวลดุจเกล็ดหิมะไร้ซึ่งมลทินออกแดงระเรื่อ ประหนึ่งกำลังเรืองแสงเปล่งปลั่ง เรือนผมตรงยาวดำขลับแผ่อยู่บนพื้น คิ้วโก่งงามเหนือดวงตาปิดสนิท แพขนตาไหวน้อยๆ ริมฝีปากบางนุ่มชวนหลงใหลราวกับกลีบกุหลาบ
งดงาม งดงามเป็นที่สุด
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แวบแรกที่หลี่เนี่ยนฝานเห็นหญิงสาวผู้นี้ ในสมองของเขาก็พลันนึกถึงประโยคหนึ่ง
แผ่นดินเกิดหายนะ ประชาชนตกยาก!
ซูต๋าจี่[1]!
ความงามของนางเหนือกว่าหลินชิงอวิ๋นและลั่วซืออวี่
ดวงตาของหญิงสาวปรือขึ้นเล็กน้อย มองหลี่เนี่ยนฝานค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ ร่างอันพร่าเลือนซ้อนทับกับความทรงจำเมื่อสามปีก่อน
สามปีก่อน
ตนยังเป็นเพียงสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง ยามที่ใกล้ตายเต็มที เงาร่างหนึ่งก็ย่างก้าวมาจากป่า ช่วยให้นางกลับมา
มีชีวิตอีกครั้ง
ครั้งนี้ก็เป็นภาพเหตุการณ์เดียวกัน ร่างนี้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
มุมปากของหญิงสาวยกขึ้นเบาบาง ดวงตามีน้ำตาเอ่อคลอน้อยๆ
หลี่เนี่ยนฝานกวาดตามอง แล้วรีบเบือนสายตาไป จับจ้องเพียงใบหน้ารูปไข่ของหญิงสาว และพบว่าบนใบหน้าของนางมีหยดน้ำตาไหลอาบ จึงรีบร้อนพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่ใช่คนเลว เจ้าจะไม่เป็นไร”
ในขณะเดียวกันก็ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกมาคลุมร่างของหญิงสาวไว้
“อืม” หญิงสาวงึมงำเสียงหนึ่ง นัยน์ตาคู่สวยมองหลี่เนี่ยนฝาน
ไม่ไกลออกไป จิ้งจอกหกหางสีขาวปลอดลอบยื่นหน้าออกมาจากต้นไม้ด้านหลัง
น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลรินจากดวงตาของมันไม่ขาดสาย
“ท่านพี่…”
มันร้องไห้ไปพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมองแผ่นหลังของหลี่เนี่ยนฝาน
ถ้าหากไม่ใช่เพราะบุรุษผู้นี้ ท่านพี่ก็คงไม่เลือกแปลงกาย และจะไม่ต้องตาย
นางเกลียดชังบุรุษผู้นี้เหลือเกิน
หากท่านพี่ไม่ได้วอนขอไว้ ตนก็อยากจะฝังศพเขาไปด้วยเลยจริงๆ
หญิงสาวคนนี้เป็นจิ้งจอกเก้าหางเป็นแน่ ถึงแม้นางจะผ่านด่านเคราะห์ได้สำเร็จ แต่ชะตาชีวิตของนางก็ได้แตกสลายไปแล้ว ทำได้เพียงยื้อชีวิตไว้ด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้าย หนึ่งเดือนก็คงอยู่ไม่ถึงด้วยซ้ำไป
จิ้งจอกหกหางปาดน้ำตา ถึงแม้จะรับปากไว้แล้วว่าจะปล่อยหลี่เนี่ยนฝานไป แต่มันก็มีแผนในใจของตนเอง
นางทำตามความปรารถนาของพี่สาว ส่งนางไปยังเบื้องหน้าของหลี่เนี่ยนฝาน ทว่าตั้งใจไม่สวมเสื้อให้ เพื่อหยั่งเชิงนิสัยของหลี่เนี่ยนฝาน
หากหลี่เนี่ยนฝานมีใจคิดไม่ซื่อ มันจะได้ฆ่าหลี่เนี่ยนฝานได้อย่างเปิดเผย!
น่าเสียดาย ยามที่หลี่เนี่ยนฝานนำเสื้อของตนเองมาห่มให้พี่สาวของตน มันก็กัดฟันกรอดอย่างเคืองโกรธ ในใจยิ่งทวีความเจ็บปวด
หลี่เนี่ยนฝานมองหญิงสาว ถามว่า “ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เล่า”
“ข้า…” หญิงสาวเพิ่งเอ่ยปาก เลือดก็ไหลออกมาที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ
“เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว พักผ่อนก่อน”
หลี่เนี่ยนฝานช่วยเช็ดเลือดที่มุมปากให้กับหญิงสาว พลางพูดว่า “ข้าเดาว่าเจ้าเพิ่งถูกแรงของอัสนีบาตกระทบเข้ากระมัง เมื่อครู่ต้องมีผู้บำเพ็ญเซียนต่อสู้กันเป็นแน่ ผู้หญิงอ่อนแออย่างเจ้าควรหลบอยู่ให้ห่าง อันตรายเกินไปแล้ว”
หญิงสาวมองหลี่เนี่ยนฝาน ผงกศีรษะเบาๆ
“ไปเถอะ ไปที่บ้านข้า ข้าจะช่วยรักษาให้เจ้าเอง” หลี่เนี่ยนฝานเอ่ยด้วยความสงสาร
หญิงสาวพยักหน้าอีกครั้ง
หลี่เนี่ยนฝานถูมือ เอ่ยอย่างประดักประเดิด “เรื่องนี้…เร่งด่วน ล่วงเกินแล้ว”
พูดจบ เขาก็อุ้มหญิงสาวขึ้นมา แบกนางขึ้นหลังของตน
หญิงสาวคนนี้คงจะเป็นปุถุชนเหมือนอย่างเขา เหมาะเจาะเสียจริง
นับว่าตนเองพาภรรยาแสนสวยกลับบ้านได้ไหมนะ
โลกบำเพ็ญเซียนน่ากลัวเกินไป หญิงสาวปุถุชนหน้าตาสะสวยขนาดนี้ ประสบพบเจออันตรายได้ทุกเมื่อ อยู่กับเขาถึงจะปลอดภัยที่สุด
หลี่เนี่ยนฝานขบคิดไปตลอดทางถึงความเป็นไปได้ที่หญิงสาวคนนี้จะรั้งอยู่ข้างกายเขา
ส่วนหญิงสาวก็ซบอยู่บนแผ่นหลังของหลี่เนี่ยนฝานเงียบๆ มุมปากยกยิ้ม แววตาอ่อนโยน ได้ใช้เวลาอยู่กับเขาในฐานะมนุษย์ ต่อให้มีเวลาเดือนเดียว ก็นับว่าเพียงพอแล้ว
จิ้งจอกหกหางกลับตามติดอยู่ด้านหลัง มองพี่สาวถูกปุถุชนพาไปตาละห้อย
ในตอนนั้น โดยรอบนับหมื่นลี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญเซียนหรือพญาปีศาจล้วนรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวนี้
ลำแสงสายแล้วสายเล่าลากผ่านกลางฟากฟ้าด้วยความเร็วสูงสุด จากทั่วทุกสารทิศมุ่งหน้าไปยังสถานที่เกิดเหตุ
ในราชสำนักเซียนเฉียนหลง
ลั่วซืออวี่มองไปยังทิศทางของอัสนีบาต ใบหน้าฉายแววตื่นตกใจ เอ่ยเสียงแผ่วเบา “นึกไม่ถึงว่าจะมีปีศาจที่เลือก
แปลงกาย ไม่พบเห็นมาเป็นร้อยปีแล้วกระมัง”
“ปีศาจตนนี้ยอมละทิ้งตบะนับพันปี ยอมเสี่ยงเผชิญหายนะจากสวรรค์เพื่อแปลงกาย หาได้ยากจริงๆ” จงซิ่วพูดพลางพยักหน้า
ปีศาจกลายร่าง ตายเก้ารอดเพียงหนึ่ง มักจะเป็นปีศาจที่เคราะห์ดีรอดมาได้
ต้องมีความอาจหาญระดับใดถึงจะเลือกกลายร่าง
“เสด็จแม่ ท่านดูทิศทางของสถานที่นั้นสิเพคะ คล้ายกับว่าจะห่างจากที่อยู่ของปรมาจารย์ไม่มาก” หว่างคิ้วของ
ลั่วซืออวี่ขมวดมุ่นเล็กน้อย มองพินิจเส้นขอบฟ้า
จงซิ่วพยักหน้า “ใกล้มากจริงๆ ไม่รู้ว่าจะรบกวนการบำเพ็ญตบะของปรมาจารย์หรือไม่”
“เสด็จแม่ เรื่องใหญ่เช่นนี้ต้องดึงดูดคนมานับไม่ถ้วนเป็นแน่ ข้าต้องไปดู เพื่อไม่ให้พวกหน้ามืดตามัวไปรบกวนท่านปรมาจารย์” ลั่วซืออวี่พูดอย่างหนักแน่น
ขณะที่นางพูดอยู่นั้นเอง องค์จักรพรรดิก็กระวีกระวาดเข้ามาจากด้านนอก
“ซืออวี่ พ่อไปกับเจ้าด้วย! สถานที่บำเพ็ญตบะของปรมาจารย์ห้ามผู้ใดเข้าไปรบกวน!” น้ำเสียงของจักรพรรดิยืนกรานแข็งกร้าว “นี่เป็นปณิธานของทั้งราชวงศ์เซียนเฉียนหลง!”
ลั่วซืออวี่และจงซิ่วชะงักงัน
“เสด็จพ่อ ท่านไม่ไปดูสถานที่เกิดด่านเคราะห์หรือเพคะ” ลั่วซืออวี่ถาม
ยามนี้เป็นช่วงเวลาที่ปีศาจแปลงกายอ่อนแอที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อใดที่หาพบแล้ว ก็จะนับเป็นสมบัติค่าควรเมืองชิ้นหนึ่ง
จักรพรรดิส่ายหน้า “ปีศาจแปลงกายแม้จะพบได้น้อยนัก แต่เมื่อเทียบกับปรมาจารย์แล้ว ก็ไม่เท่าไหร่ การที่ปรมาจารย์พำนักอยู่ในราชวงศ์เซียนเฉียนหลง นับว่าเป็นวาสนาของราชวงศ์เซียนของพวกเรา หากเขาหนีจากไปเพราะถูกรบกวน นั่นต่างหากจะถือว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่!”
ลั่วซืออวี่และจงซิ่วพยักหน้าเห็นด้วย
หากปรมาจารย์ขุ่นเคืองจนย้ายออกจากอาณาเขตของราชวงศ์เซียนเฉียนหลง ไปอาศัยอยู่ที่อื่น นั่นคือการสูญเสียครั้งใหญ่ของราชวงศ์!
“ไป พวกเราไปกัน!” จงซิ่วรีบร้อนกล่าว
พวกเขาไม่กล้ารีรอ
ทันใดนั้น ผู้มีตำแหน่งสูงสุดสามอันดับของราชวงศ์เซียนเฉียนหลงมิได้เอะอะโวยวาย เดินทางออกไปยังที่พำนักของหลี่เนี่ยนฝานอย่างเงียบเชียบ
………………………………………….
[1] ซูต๋าจี่ เป็นชื่อของนางจิ้งจอกเก้าหางในนิยาย