ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 15 นี่คงเป็นการกลับคืนสู่สามัญ
ยามนี้หลี่เนี่ยนฝานโชคดีเหลือเกิน ถึงแม้ระบบจะจากไปแล้ว แต่มิติของระบบก็ยังคงอยู่ ด้านในมีเครื่องมือสำหรับใช้ผ่าตัดหลากหลายชนิด
บนอาคารแห่งหนึ่งไม่ไกลจากที่นี่ หญิงสองชายสองกำลังร่วมโต๊ะอาหารกันอยู่
พวกเขาไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นลั่วซืออวี่ บุตรชายของราชครู และบุตรชายของอัครมหาเสนาบดี ส่วนหญิงสาวอีกคนหนึ่งก็คือแขกคนสำคัญของลั่วซืออวี่ หลินชิงอวิ๋นเทพธิดาแห่งหอเซียนหลิงอวิ๋น
บุตรชายของอัครมหาเสนาบดีและราชครูกำลังเอาอกเอาใจลั่วซืออวี่ บางครั้งท้าทายอีกฝ่าย ประจบประแจงอย่างเต็มที่หวังจะได้รับความโปรดปราน
องค์จักรพรรดิทรงรับสั่งให้ลั่วซืออวี่อภิเษกกับบุตรชายของราชครู ทว่าลั่วซืออวี่กลับสนิทสนมกับบุตรชายของอัครมหาเสนาบดีมากกว่า รักสามเส้าอันพิลึกกึกกือนี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอัครมหาเสนาบดีกับราชครูตึงเครียดขึ้นมาก
แม้ว่าบุตรชายของราชครูจะพยายามเข้าหาสุดกำลัง แต่ท่าทีของลั่วซืออวี่กลับเอียงเอนไปทางบุตรของอัครมหาเสนาบดี ทำให้อัครมหาเสนาบดีฮึกห้าวลำพองใจขึ้นมา
ว่ากันว่าอัครมหาเสนาบดีได้ส่งสาส์นขึ้นกราบทูลว่าองค์หญิงกับบุตรชายของตนต่างหากที่รักใคร่ชอบพอกัน หวังว่าจักรพรรดิจะยกเลิกการอภิเษกขององค์หญิงกับบุตรชายของราชครูเสีย และเปลี่ยนให้องค์หญิงมาอภิเษกกับบุตรชายของตนแทน ความสำเร็จเพิ่มพูนขึ้นอีกขั้น
นั่นทำให้ความขัดแย้งระหว่างอัครมหาเสนาบดีและราชครูทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องสงสัย ความเป็นปฏิปักษ์ของทั้งสองฝ่ายก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อลั่วซืออวี่เห็นว่าแผนการของหลี่เนี่ยนฝานดำเนินไปอย่างราบรื่น หัวใจก็เต็มตื้น นางรู้สึกขอบคุณหลี่เนี่ยนฝานยิ่งกว่าเดิม
ในระหว่างที่กินอาหารอยู่นั้น สายตาของนางก็มองไปยังด้านล่างของอาคาร เพียงปราดเดียวก็ทำให้ร่างอรชรของนางสะดุ้งโหยง สายตาจับต้องที่เงาร่างนั้น!
สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์ ถึงกับมาเดินอยู่ในโลกมนุษย์ในร่างของปุถุชนโดยไม่ผิดแผกแม้แต่น้อย ประหนึ่งว่าคิดไปแล้วว่าตนเองเป็นปุถุชน ภาวะแห่งจิตนี้ไม่ใช่ที่ผู้ฝึกตนอย่างข้าจะทำได้
หลินชิงอวิ๋นซึ่งนั่งอยู่ข้างกายของนางหูตาว่องไวสังเกตเห็นความผิดปกติของลั่วซืออวี่ จึงมองตามสายตาไป ไม่ทันไรก็พบหลี่เนี่ยนฝานซึ่งอยู่ท่ามกลางฝูงชน
เอ๊ะ?
ในใจของนางพลันเกิดความสงสัย
คนผู้นี้เป็นปุถุชนคนหนึ่ง ไฉนลั่วซืออวี่ถึงสนใจเขา
กระนั้นแล้ว การกระทำของหลี่เนี่ยนฝานก็ทำให้นางเกิดสนใจใคร่รู้ขึ้นมา
ยามปุถุชนเกิดภาวะคลอดติดขัด หากมีผู้บำเพ็ญเซียนคอยช่วยเหลือ ก็ย่อมแก้ปัญหาได้ไม่ยาก ทว่าหลี่เนี่ยนฝานเป็นเพียงปุถุชนธรรมดา คิดจะดึงคนจากความตายให้กลับมามีชีวิตอย่างนั้นหรือ
ในตอนนั้น อุปกรณ์ถูกตระเตรียมไว้ครบถ้วนแล้ว
หลี่เนี่ยนฝานแสร้งทำเป็นล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า หยิบมีดผ่าตัดออกมาจากมิติของระบบ
เขานำมีดผ่าตัดไปลนไฟตะเกียงน้ำมัน เป็นการฆ่าเชื้ออย่างง่าย จากนั้นก็ลงมือทำหัตถการ
มือของเขานิ่งมาก กรีดเบาๆ ครั้งหนึ่ง ก็ผ่าเปิดหน้าท้องของสตรีผู้นี้ได้
“อ๊าก!”
ผู้คนโดยรอบร้องขึ้นอย่างตกใจ
หลินชิงอวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
สำหรับผู้บำเพ็ญเซียนแล้ว การเปิดอกแหวกท้องนับว่าเป็นแผลใหญ่ สำหรับปุุถุชนแล้วทำให้ตายสถานเดียว!
เรื่องนี้ต้องขอบคุณชื่อเสียงของหลี่เนี่ยนฝาน ถึงได้ไม่มีใครเข้ามาขัดขวาง ทว่าทุกคนต่างอกสั่นขวัญแขวนไปตามๆ กัน
“หมอตำแย่ เตรียมตัดสายสะดือ!”
หลี่เนี่ยนฝานร้องบอกเสียงดัง สีหน้าแน่วแน่ หน้าผากมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมา
หมอตำแยซึ่งอยู่ด้านข้างตื่นตระหนกจนหน้าซีดเผือดไปแล้ว เมื่อได้ยินก็ตัวสั่นสะดุ้งโหยง เห็นว่าหลี่เนี่ยนฝานล้วงทารกคนหนึ่งออกมาจากปากแผลที่เปิดออกของสตรีผู้นั้นจริงๆ
เพียงแต่ว่า เป็นเพราะขาดอากาศนาน ใบหน้าของทารกจึงเปลี่ยนเป็นสีม่วงอ่อนไปแล้ว
หลี่เนี่ยนฝานคาดคะเนถึงเหตุการณ์ประเภทนี้ไว้แล้ว เขาให้ฝูงชนกระจายตัวออกเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
ขึ้น
เข็มเงินปรากฏในมือของหลี่เนี่ยนฝาน เขาปักลงบนจุดฝันเข็มของทารกอย่างฉับไว จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาตีก้นของทารกทีหนึ่ง
เพี้ยะ!
อุแว้ๆ
เด็กทารกอ้าปากกว้าง ร้องไห้เสียงดังลั่นทันใด
“มีชีวิตแล้ว เด็กมีชีวิตจริงด้วย!”
“แม้แต่เรื่องนี้ก็ทำได้? คุณชายหลี่เป็นเทพจริงๆ”
ผู้คนซึ่งห้อมล้อมอยู่ล้วนตื่นตะลึงหาใดเปรียบ
“ขอบคุณคุณชายหลี่ ขอบคุณคุณชายหลี่” เศรษฐีเฉินซาบซึ้งในบุญคุณของหลี่เนี่ยนฝาน จนบุรุษอกสามศอกอย่างเขาถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา
จากเรื่องมงคลแปรเปลี่ยนเป็นความโศกศัลย์ และจากความโศกศัลย์ก็หวนกลับคืนเป็นความสุข เรื่องราวในวันอันแสนสั้นนี้ทำให้เขาต้องจดจำไปชั่วชีวิต
มีคนกำลังจะปิดฝาโลงกลับคืน
หลี่เนี่ยนฝานชะงักงัน “พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ ผู้หญิงคนนี้ยังไม่ตาย”
“คุณชายหลี่ ช่วยภรรยาข้าได้หรือ” เศรษฐีเฉินดีอกดีใจกับเรื่องที่คาดไม่ถึงนี้
“ได้”
หลี่เนี่ยนฝานผงกศีรษะ ลอบรำพันในใจ
วิทยาการด้านการแพทย์ที่นี่ล้าหลังจริงๆ เหตุการณ์ประเภทนี้พบได้บ่อยครั้ง ไม่รู้ว่าคนตายไปเท่าไรแล้ว
หลี่เนี่ยนฝานหยิบด้ายออกมา เย็บปิดปากแผลบนหน้าท้องของสตรีผู้นั้นทีละน้อย โชคดีที่นางช็อกจนหมดสติไป
ไม่อาจรับรู้ความเจ็บปวด
จัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จ หน้าผากของหลี่เนี่ยนฝานก็เปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อใส “เสร็จแล้ว จากนี้ก็ต้องดูแลภรรยาของท่านดีๆ ให้นางบำรุงร่างกาย”
“อื้มๆ ได้ ขอบคุณคุณชายหลี่” เศรษฐีเฉินถึงกับคุกเข่าต่อหน้าหลี่เนี่ยนฝาน
“ใต้เข่าของบุรุษมีค่าดังทองคำ คนที่ท่านควรขอบคุณไม่ใช่ข้า หากแต่เป็นภรรยาของท่าน!” หลี่เนี่ยนฝานรุด
เข้าไปพยุงเขาขึ้นมา
หลี่เนี่ยนฝานยื่นมือเข้ามาช่วยให้งานศพกลับกลายเป็นเรื่องน่ายินดี ผู้คนในเมืองลั่วเซียนก็พบความกับความไม่ธรรมดาของเขาอีกครั้ง ชื่อเสียงขจรไปไกลยิ่งกว่าแต่ก่อน
ลั่วซืออวี่เฝ้ามองเหตุการณ์มาโดยตลอด แววตาเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึงและเคารพเลื่อมใส ความตื่นเต้นถาโถมขึ้นในใจ
นางเป็นผู้บำเพ็ญเซียน สามารถสัมผัสได้เลือนรางว่าพลังชีวิตของสตรีผู้นั้นกำลังกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ก่อนหน้านี้!
นอกจากนั้นแล้ว นางเชื่อเหลือเกินว่าตั้งแต่ต้นจนจบ หลี่เนี่ยนฝานไม่ได้ใช้พลังปราณแม้แต่นิดเดียว แต่ใช้ร่างของปุถุชนอย่างเดียวทำเรื่องเหลือเชื่อเช่นนี้
ปรมาจารย์ นี่สิถึงเรียกว่าปรมาจารย์!
วิธีช่วยสองแม่ลูกให้รอดชีวิตของหลี่เนี่ยนฝานมิใช่เรื่องแปลกประหลาด แต่ประเด็นสำคัญคือเห็นอยู่ทนโท่ว่าเขาสามารถใช้วิธีของเหล่าเซียนก็แก้ปัญหาได้อย่างง่ายดาย แต่กลับยอมไม่ใช้พลังปราณ พึ่งพาเพียงวิธีของปุถุชนซึ่งสิ้นเปลืองแรงกายแรงใจมาก
ทั้งฝีมือและวิธีการ มีผู้ใดบ้างเล่าที่เทียบเทียมได้
หรือว่านี่คือการกลับคืนสู่สามัญที่เล่ากัน
ขณะที่คนนับไม่ถ้วนขวนขวายแสวงหาวิถีเซียน ปรมาจารย์ซึ่งไม่มีผู้ใดล้ำเลิศกว่าก็กลับคืนสู่ปุถุชน กลมกลืนเข้ากับโลกีย์โดยสมบูรณ์
นางสัมผัสได้ว่าสมองเริ่มชาหนึบ ทว่าสายตามัวหม่นลงเล็กน้อย ความคิดฟุ้งซ่านของส่วนลึกในใจพลันมลายหายไป
ปรมาจารย์ระดับนี้จับต้องยากเสียยิ่งกว่าเซียนบนสวรรค์เสียอีก คนธรรมดามีหรือจะคู่ควร
ถ้าหากไม่ได้ถูกบุตรชายของราชครูกับบุตรชายของอัครมหาเสนาบดีรั้งให้อยู่ที่นี่ นางคงจะไปหาหลี่เนี่ยนฝานเดี๋ยวนั้น
หลินชิงอวิ๋นสังเกตเห็นสายตาของลั่วซืออวี่ที่เปลี่ยนไป ฐานะของหลี่เนี่ยนฝานภายในใจสูงขึ้นทันใด ขณะเดียวกันก็เกิดความรู้สึกสงสัย
กว่าจะผ่านพ้นมื้ออาหารนี้ไปได้ช่างลำบากยากเย็น ลั่วซืออวี่จึงหาข้ออ้างเตรียมกล่าวลา
แต่ออกมาได้ไม่นาน หลินชิงอวิ๋นก็มาเยือนถึงที่
“ซืออวี่ จะไม่แนะนำให้ข้ารู้จักคุณชายที่วันนี้อยู่ด้านล่างภัตตาคารหน่อยหรือ” หลินชิงอวิ๋นพูดอย่างไม่อ้อมค้อม
นัยน์ตาของลั่วซืออวี่หดเกร็งเล็กน้อย ยิ้มอย่างสุขุมก่อนเอ่ย “ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าพูดถึงอะไร คุณชายคนนั้นสามารถช่วยชีวิตแม่ลูกไว้ได้ข้าก็ประหลาดใจ แต่ข้าไม่ได้รู้จักกับเขา”
“อย่างนั้นหรือ?”
แววตาของหลินชิงอวิ๋นฉายประกายลึกล้ำพร้อมรอยยิ้ม เอ่ยถามทันใด “เช่นนั้นเจ้าบอกข้าได้ไหมเล่า ว่าผู้ใดสอนแผนหว่านเสน่ห์ จนทำให้อัครมหาเสนาบดีกับราชครูรบรากันเองให้กับเจ้า”
………………………………………..