ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ - ตอนที่ 69 สัปดาห์ที่ 28 โอโตเมะ อามายะ (2)
- Home
- ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ
- ตอนที่ 69 สัปดาห์ที่ 28 โอโตเมะ อามายะ (2)
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาสนับสนุนกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกๆ ท่านจะสนับสนุนกันต่อไปในอนาคต
การที่รุ่นพี่คาวากุจิที่เป็นถึงอดีตประธานนักเรียนบวกกับรูปร่างหน้าตาและความสามารถของเธอทำให้เธอเป็นคนดังในโรงเรียน เรียกได้ว่าในช่วงก่อนที่ฉันจะเข้ามาเรียนที่นี่ เธอถูกขนานนามว่าเป็นเทพธิดาเพียงหนึ่งเดียวแห่งโรงเรียนมัธยมปลายฮิบิยะ
แต่ตอนนี้มีคุณทาเคโนะอุจิเข้ามาอีกคน ในโรงเรียนจึงได้มีเทพธิดาคนที่สองเกิดขึ้น แต่เพราะทั้งสองคนเป็นคนละสไตล์ จึงไม่มีใครนำพวกเธอมาเปรียบเทียบกัน
ดังนั้นเรื่องที่พวกเธอได้รับความสนใจจากคนจำนวนมากนั้นจึงถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ฉันมองพวกเธอทุกคนก่อนจะกระแอมให้คอโล่งเล็กน้อย เตรียมปล่อยหมัดเด็ด
“เห็นว่าแฟนของรุ่นพี่คาวากุจิเป็นเพื่อนสมัยเด็กของรุ่นพี่น่ะ”
“เอ๋!!…”
เพื่อนที่ล้อมวงฟังส่งเสียงร้องออกมาพร้อมกัน ฉันยิ้ม รู้สึกสนุกนิดหน่อย ต่างจากตอนที่โดนถามเรื่องบัตรเข้างานในตอนแรกลิบลับ
“ที่จริงเรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไรหรอกนะ พวกในสภานักเรียนรู้กันทุกคน แต่รายละเอียดลึกๆ แล้วเป็นยังไงฉันก็ไม่รู้หรอก ต้องไปถามรุ่นพี่เอง”
““““เอ๊ะ!.. เอ๋!???””””
ทุกคนในวงล้อมร้องออกมาพร้อมกันจนคนในห้องหันมามอง ฉันหัวเราะจนคราวนี้เป็นเซริที่ต้องปรามให้ฉันเบาเสียงลง
“นี่ คุณโอโตเมะ ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย?”
คุณอากายะเหมือนจะยังมีเรื่องสงสัย เธอถามฉันเสียงเบา คนในกลุ่มเองก็เงียบเสียงลงเหมือนจะตั้งใจฟังคำถามของเธอ
“คือ… คุณโอโตเมะคบกับนิโนะมิยะคุงอยู่หรอ?”
“เอ๊ะ!?!”
‘คุณได้รับความเสียหาย ติดสถานะอัมพาตชั่วขณะ’
รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงรายงานสถานะของตัวเองขึ้นมาในหัว
ตอนแรกเข้าใจว่าคุณอากายะจะถามเกี่ยวกับรุ่นพี่คาวากุจิต่อ แต่กลายเป็นว่าเธอถามเรื่องของฉันเองซะได้ ฉันที่งงปนตกใจเลยตอบอะไรไม่ถูกไปครู่หนึ่ง
“ขะ… ขอโทษค่ะ คือแค่สงสัย ไม่ได้ตั้งใจละลาบละล้วงนะคะ”
“ใช่ๆ พวกเราก็สงสัยเหมือนกัน”
“ใช่ๆ”
ฉันหันไปมองทางคุณอาซึมะกับเพื่อนแล้วก็หัวหน้าห้อง ก่อนจะหันมาหาเซริและเพื่อนๆ กลุ่มเดียวกันที่อยู่ข้างๆ สายตาของเซริเหมือนจะบอกว่า
[‘จัดการซะ’]
ฉันถอนหายใจแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเริ่มอธิบาย
“คืองี้นะ…”
การอธิบายและการซักถามดำเนินไปจนถึงช่วงเวลาที่ทุกคนต้องกลับบ้าน โชคดีที่เราคุยไปทำงานไป งานจึงเสร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนเรื่องฉันกับนิโนะมิยะก็เคลียร์ได้ในระดับหนึ่ง หวังว่าหลังจากนี้จะไม่มีคนที่เข้าใจผิดว่าฉันคบกับเขาเพิ่มขึ้นมาอีกล่ะนะ
หลังการทำงานฉันกลับบ้านพร้อมเพื่อนๆ ที่ช่วยกันทำงานด้วยกันเมื่อกี้ เดินกันเป็นกลุ่มใหญ่เกือบ 10 คน ออกมาจากโรงเรียน จากนั้นก็แยกย้ายกัน
กว่าฉันจะถึงบ้านเวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบๆ 2 ทุ่มครึ่ง
พออาบน้ำเสร็จก็หิวข้าวซะจนท้องร้อง คงเป็นเพราะช่วงนี้ใช้พลังงานเยอะไปหน่อยเลยหิวบ่อยแถมกินมาก แต่คิดอีกทีหรือว่าจะเป็นเพราะใกล้มีรอบเดือนก็ไม่รู้
กินข้าวพลางบ่นกับแม่พลางถึงความลำบากในช่วงมีรอบเดือนจนข้าวหมด แม่ก็ได้แค่ยิ้มๆ แล้วก็บอกว่าเดี๋ยวถึงวัยอย่างแม่แล้วก็จะรู้เองว่าช่วงใกล้หมดประจำเดือนมันเป็นยังไง
[‘วัยทองซินะ’]
ได้แต่พูดในใจก่อนจะเอาจานไปล้างแล้วขึ้นห้องไปเตรียมของ พรุ่งนี้ต้องค้างโรงเรียน เตรียมซะตอนนี้จะได้ไม่ฉุกละหุก
ตั้งแต่เรียนมาตอนถึงตอนนี้ นี่จะเป็นครั้งแรกที่ได้ไปนอนค้างที่โรงเรียน เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่ยังไม่เคยได้สัมผัส ฉันเลยรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย
เช็กเสื้อผ้า เช็กของใช้ เช็กกระเป๋าเรียบร้อย เวลาก็ล่วงเลยไปจนจะ 5 ทุ่มแล้ว
“หมอนั่นจะนอนหรือยังนะ?”
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหน้าต่างแอปพลิเคชัน RaNE ขึ้นมา จิ้มไปที่ช่องสนทนาของเจ้าหมอน
ข้อความสุดท้ายถูกส่งมาเมื่อเช้า
[ฉันวุ่นๆ เรื่องเตรียมสรุปก่อนสอบกลางภาคให้เพื่อนน่ะ]
เขาตอบที่ฉันถามไปเมื่อวานมาแค่นั้นแล้วก็ไม่มีข้อความอื่นอีก เป็นแค่ประโยคสั้นๆ นับวันบทสนทนาของเราก็ยิ่งน้อยลงๆ ฉันกังวลว่าวันหนึ่งเราอาจจะไม่ได้คุยกันอีก
นิ้วจิ้มลงไปบนหน้าจอโทรศัพท์ เสียงสัญญาณรอสายดังขึ้นพร้อมกับใจที่หดเกร็งขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ฉันกลั้นใจมองจอโทรศัพท์ระหว่างที่รอให้ปลายสายกดรับ
ตัวเลขแสดงเวลาการโทรเริ่มนับ 00:00 00:01 00:02
“ว่าไง ทำไมยังไม่นอนอีก?”
เสียงทุ้มที่ออกจะซ่าๆ นิดๆ ดังออกมาจากเครื่องโทรศัพท์ในมือ เป็นรูปแบบคำพูดที่มักจะได้ยินทุกครั้งที่โทรหาเขาตอนก่อนนอน
“นายก็ยังไม่นอนนิ”
อาการเกร็งในหัวใจหายไป หายใจได้สะดวกขึ้น รู้สึกสบายใจที่ได้ยินเสียงเขาอีกครั้ง
“อืมมม”
อาคิยามะตอบกลับมาเรียบๆ น้ำเสียงทุ้มนั่นฟังแล้วชวนสบายใจแต่ก็แฝงไว้ด้วยความห่างเหิน
“นายยังทำสรุปให้เพื่อนอยู่อีกหรอ?”
“ใช่ ทำอยู่”
“งั้นหรอ…”
ความเงียบเข้าครอบงำเราทั้งคู่ …1 วิ …2 วิ …3 วิ
“นายจะมางานโรงเรียนฉันใช่มั้ย?”
[‘ถามไปแล้ว บ้าจริง ถ้าคำตอบ…’]
“อื้ม ไปซิ”
[‘อา…นั่นซินะ คิดมากอะไรเนี่ย’]
“งั้นหรอ… ฉันจะรอนะ”
“รอ?”
“ไม่มีอะไร ไปละ แล้วเจอกัน”
“อา แล้วเจอกัน”
เวลาสนทนาบนหน้าจอคือ 01:37
ถึงจะน้อยแต่ก็ได้คุยแล้ว…
ถึงจะห่างเหินแต่ก็ไม่ได้ห่างหายไปเสียทีเดียว…
เดี๋ยววันมะรืนก็ได้เจอกัน…
ฉันคิดแบบนั้นก่อนจะจมลงสู่ห้วงนิทราเพราะความอ่อนล้าของร่างกาย
—
วันสุดท้ายของการเตรียมงานมาถึงแล้ว ในความรู้สึกของฉันราวกับว่าวันเวลามันเดินไปไวกว่าตอนที่เรียนหนังสือปกติ
ถึงจะบอกว่าเมื่อวานเราเตรียมงานกันเสร็จแทบจะสมบูรณ์แล้ว แต่เอาเข้าจริงวันนี้ก็ยังมีงานให้ทำเยอะอยู่ดี
ไม่ใช่งานยาก เป็นแค่การเก็บรายละเอียดสุดท้ายของการเตรียมงาน แต่มันเยอะ
โชคดีอย่างหนึ่งที่คู่หูในการทำงานครั้งนี้ของฉันอย่างคุณทาเคโนะอุจิเป็นคนเก่ง สวย มีเพอร์ฟอร์มานซ์ที่ยอดเยี่ยม ฉันเลยรู้สึกว่าตัวเองสบายกว่าหลายๆ คนที่ต้องมาทำงานเดียวกัน
ช่วงเช้าและบ่ายเป็นการทำงาน ช่วงเย็นมีเวลาให้พักแปบนึงแล้วทำงานต่อให้เสร็จ หรือถ้าใครเสร็จแล้วก็อนุญาตให้ไปช่วยงานที่ห้องเรียนได้ ส่วนช่วงค่ำหลังกินข้าวเย็นร่วมกันก็จะเป็นการประชุม
ประธาน รองประธาน และหัวหน้าฝ่ายหลักๆ ร่วมสรุปชี้แจงผลการทำงานทั้งหมดที่ผ่านมา รวมทั้งสรุปรูปแบบการทำงานและมาตรการรับมือสิ่งต่างๆ ในวันพรุ่งนี้อีกครั้งแล้วจึงแยกย้ายกันไปพัก บางคนที่บ้านอยู่ใกล้จะกลับบ้านก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่มีใครกลับ
ฉันแยกตัวออกมาที่ห้องเรียนของตัวเอง พอโผล่หน้าเข้าไปก็พบว่าทุกอย่างถูกเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“กำลังจะโทรบอกพอดีเลย”
เซริที่สะพายกระเป๋าพร้อมกลับแล้วบอกฉันที่กำลังขอโทษเพื่อนๆ ที่ไม่ค่อยได้มาช่วยงาน
“งั้นพรุ่งนี้ก็รบกวนคุณโอโตเมะแต่งชุดพนักงานร้านแล้วช่วยเดินประชาสัมพันธ์ให้หน่อยก็แล้วกันนะ”
“ได้ซิ เดี๋ยวกะแรกฉันมาช่วยด้วย”
“ได้แบบนั้นก็ยิ่งดีเลย”
หัวหน้าห้องยกนิ้วหัวแม่มือให้ฉันแล้วพวกเราทั้งหมดก็ทยอยๆ กันกลับ
ฉันไปส่งทุกคนที่หน้าตึกก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องสภานักเรียน
[‘ตรวจเช็กเอกสารพรุ่งนี้ดูอีกทีแล้วค่อยไปพักก็แล้วกัน’]
สุดท้ายกว่าจะได้พักก็เลย 4 ทุ่มไปแล้ว…
ห้องประชุมที่ถูกเคลียร์โต๊ะเก้าอี้ออกจนมีพื้นที่โล่งตอนนี้เต็มไปด้วยถุงนอนที่มีนักเรียนหญิง ม.ปลาย นอนกันอยู่แน่นขนัด
เอาจริงๆ ก็ไม่ได้แน่นขนาดเบียดเสียดหรอกนะ แต่ว่าห้องมันเล็กเลยดูเหมือนว่าแน่นเท่านั้นเอง
แต่ปัญหาสำหรับฉันไม่ใช่เรื่องที่นอนมันแน่น หรือเรื่องที่ห้องมันเล็ก แต่เป็นเรื่องการนอนที่มันต่างที่ต่างหาก
ใช่แล้ว… ฉันนอนไม่หลับ แล้วตอนนี้ก็กำลังยืนดูดนมจากตู้กดอยู่
ข้างๆ กันเป็นสาวสวยผมดำยาวที่ถูกรวบหลวมๆ ไว้ด้านหลัง มาพร้อมชุดนอนผ้าซาตินแขนยาว ขายาว สีชมพูเข้ม ที่ขับเน้นสีผิวขาวอมชมพูของเจ้าของให้ดูอมชมพูมากขึ้นไปอีก
ทาเคโนะอุจิ ยูบิ ท่านเทพธิดาสุดคูลที่พวกผู้ชายเรียกกันกำลังยืนดูดนมเป็นเพื่อนฉัน ส่วนสาเหตุที่มายืนกันตรงนี้น่ะหรอ…
“ฉันก็นอนไม่หลับค่ะ”
คุณทาเคโนะอุจิที่ลุกตามฉันมาเมื่อประมาณ 10 นาทีที่แล้วเป็นคนบอก
ตอนนี้เราสองคนก็เลยมายืนดูดนมชมดาวกันอยู่ที่ระเบียงบันไดกันสองคน
ดูดนมหมดแล้วก็ยังไม่ง่วง ฉันหันไปมองทางคุณทาเคโนะอุจิก็เห็นเธอยืนมองท้องฟ้า สองแขนฟาดไว้ที่ขอบระเบียง สายตาทอดไกลออกไป จะว่าไงดี ท่าทางแบบนี้จะเรียกว่าสวยก็ได้ เท่ก็ดี มองกี่ทีก็ต้องยอมรับในรูปลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบของเธอ
“คุณทาเคโนะอุจิชอบดูดาวหรอ?”
ฉันถามเธอที่กำลังเหม่อมองท้องฟ้า นี่ไม่ใช่คำถามลอยๆ หรอกนะ แต่เป็นเพราะว่าเธอเป็นคนชวนฉันมาดูดาวตรงนี้
“จะว่าชอบหรอยังไงดีล่ะคะ คือ… เคยมีคนบอกว่าถ้ามีเรื่องในใจหรือนอนไม่หลับให้นับดาวบนท้องฟ้าเอาน่ะค่ะ”
“เห…?”
“แปลกใช่มั้ยล่ะคะ?”
คุณทาเคโนะอุจิยิ้มทั้งที่กำลังมองดาวอยู่ หรือเธอจะกำลังนับดาวจริงๆ
“ที่จริงคนที่ชอบดูดาวคือเขานั่นแหละค่ะ”
“เอ๊ะ?”
“คนที่บอกให้ฉันนับดาวน่ะค่ะ”
คุณทาเคโนะอุจิยังคงยิ้มอยู่ ฉันรู้สึกว่ามันเป็นรอยยิ้มที่เศร้าจนฉันไม่กล้าถามเรื่องที่สงสัยออกไป แต่คุณทาเคโนะอุจิก็ยังคงพูดต่อ
“เขาเป็นคนที่เก่งมาก แต่ก็เป็นคนที่แปลกหน่อยๆ ด้วย แถมยังขี้แกล้งอีก แต่ก็ใจดี…”
ฉันได้แต่ยืนฟังเงียบๆ มองดูดาวบนท้องฟ้า
“ตอนที่พวกเรามีชื่อสอบติดที่นี่ ฉันดีใจมากๆ เลยค่ะ เขาเองก็ดีใจมาก เรายังคุยกันเล่นๆ อยู่เลยว่าจะลองมาดูดาวด้วยกันที่นี่…”
คุณทาเคโนะอุจิหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะของเธอทำให้ฉันเผลอคิดถึงคนคนหนึ่ง แล้วก็เลยเผลอหลุดปากถามออกไป
“แฟนหรอคะ?”
คุณทาเคโนะอุจิสีหน้าเปลี่ยนไปนิดนึงแต่แวบเดียวเธอก็กลับมายิ้มอีกครั้ง
“อดีตแฟนค่ะ”
เราทั้งคู่ต่างแหงนหน้าดูดาวเงียบๆ ฉันไม่ได้พูดอะไรต่อ คุณทาเคโนะอุจิก็ไม่ได้พูด บรรยากาศระหว่างเราไม่ได้หนักอึ้งเพราะเรื่องก่อนหน้านี้ แต่กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศเงียบเหงาที่ชวนให้ใจเศร้าหมอง
คิดถึง… ใครบางคน…
ตอนที่เราเดินกลับไปที่ห้องนอน ความรู้สึกผิดมันก่อกวนฉันจนอยู่ไม่สุข คุณทาเคโนะอุจิเองก็เหมือนจะสังเกตได้ เธอได้แต่ยิ้มๆ บอกว่าไม่เป็นไร เธอแค่อยากหาคนมาคุยเรื่องพวกนี้ด้วย
“ฉันรู้สึกว่าเรามีอะไรที่คล้ายๆ กันค่ะ เลยคิดว่าถ้าคุยกับคุณโอโตเมะได้ก็คงดี อะไรแบบนั้น เพราะงั้นไม่ต้องคิดมากหรอกนะคะ”
[‘อาา… เป็นคนดีเกินไปแล้ว’]
“คืออ… คุณทาเคโนะอุจิไม่ต้องพูดสุภาพกับฉันก็ได้นะ ฉันเองก็อยากคุยกับคุณทาเคโนะอุจิ อยากสนิทด้วย ถ้าคุณทาเคโนะอุจิไม่รังเกียจอ่ะนะ”
พูดไปพูดมากลายเป็นฉันไปตีซี้คุณทาเคโนะอุจิซะงั้น แต่แทนที่เธอจะไม่พอใจ เธอกลับดูกระตือรือร้นแทนซะนี่
“แบบนั้นได้หรอคะ? งั้นฉันขอเรียกคุณอามายะได้มั้ยคะ? คือแบบถ้าเรียกชื่อกันแบบนี้จะคิดว่าทำตัวสนิทสนมเกินไปหรือเปล่านะ คือ…”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะคุณทาเคโนะอุจิ อืมม… เรียกชื่อกันเฉยๆ ก็ได้ ไม่ต้องมีคุณ และก็ไม่ต้องใช้คำสุภาพมากนักก็ได้ เอาแบบเวลาที่คุณทาเคโนะอุจิคุยกับเพื่อนสนิทนั่นแหละ”
“งั้นนน… เอ่อออ… เรียกอามายะจังเฉยๆ ได้มั้ยคะ?”
“อื้ม เอาซิ แต่ไม่ต้องมีคะก็ได้ ฉันเองก็จะเรียกว่ายูบิจังเหมือนกัน แบบนี้ได้มั้ยนะ?”
“ได้ซิคะ อ๊ะ ไม่ซิ ได้อยู่แล้ว”
“งั้นก็ฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้งนะ ยูบิจัง”
“ฝากเนื้อฝากตัวเช่นกันอามายะจัง”