ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ - ตอนที่ 68 สัปดาห์ที่ 28 โอโตเมะ อามายะ (1)
- Home
- ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ
- ตอนที่ 68 สัปดาห์ที่ 28 โอโตเมะ อามายะ (1)
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาสนับสนุนกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกๆ ท่านจะสนับสนุนกันต่อไปในอนาคต
สองสามวันมานี้ฉันหยุดคิดไม่ได้เลยว่าตัวเองกำลังถูกหลบหน้า ถูกเมิน หรืออาจจะกำลังถูกโกรธอยู่
เรื่องของเรื่องมันเริ่มมาจากการที่ข้อความของฉันถูกอ่าน แต่ไม่ถูกตอบ หรือถ้าตอบก็ใช้เวลานานมาก นานจนผิดสังเกต
ต่อมาก็เป็นเรื่องการโทรที่โทรไปไม่รับและไม่โทรกลับ ทั้งที่ปกติโทรกลับทุกครั้งแท้ๆ
และล่าสุดวันนี้ ข้อความที่ส่งไปไม่แม้แต่จะขึ้นว่าอ่านแล้ว หรือก็คือเขาไม่คิดจะเข้ามาเปิดอ่านเลย
ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เรายังดีๆ กันอยู่ แล้วทำไมตอนนี้มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ฉันทำอะไรผิดไปตอนไหนหรือเปล่า
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ไม่รู้ด้วยว่าตัวเองควรจะทำยังไงดี ลำพังเรื่องงานที่โรงเรียนก็กินพลังงานฉันไปจนจะหมดแล้วยังมาเจอเรื่องนี้อีกพลังกาย พลังใจแทบจะไม่เหลือเลย
“อุตส่าห์ได้เป็นเพื่อนกันแล้วแท้ๆ เชียว ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้นะ”
ฉันนอนหงายกอดตุ๊กตาหมีอยู่บนที่นอนโดยมีโทรศัพท์วางอยู่ข้างๆ เสียงเซริดังออกมาจากลำโพงที่เปิดไว้
“เธอไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า?”
ข้อสงสัยของเพื่อนสาวทำให้ฉันต้องย้อนคิดกลับไปอีกครั้ง ตอนที่รู้สึกตัวว่าเขาเริ่มห่างเหินกันไปคือเมื่อสองสามวันก่อน แต่ช่วงนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรที่ต่างจากปกติ ถ้าไม่พอใจแล้วเขาไม่พอใจเรื่องอะไร
“ฉันก็ทำตัวปกติกับเขานะ ไม่น่าจะไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ”
“ถ้างั้นก็ต้องมีอะไรสักอย่างแหละ เขาอาจจะแค่ยุ่งๆ หรือเปล่า? เธอได้ถามเขาหรือเปล่าว่าช่วงนี้เขายุ่งอะไรมั้ย?”
“ถามไปแล้ว เขายังไม่ตอบเลย”
“อืมมม หรือเขาจะมีผู้หญิงคนอื่นนะ?”
“เอ๊ะ?”
ข้อสันนิษฐานของเซริทำหัวใจของฉันเต้นผิดจังหวะ สองแขนที่กอดตุ๊กตารัดแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“เธอหมายถึง เขามีแฟนงั้นหรอ?”
“ฉันไม่ได้หมายถึงขั้นนั้น แต่แบบนั้นก็อาจจะเป็นไปได้ด้วย ที่ฉันหมายถึงคือเขาอาจจะมีคนที่ชอบอยู่หรือเปล่า?”
[‘คนที่ชอบ…’]
“เป็นเรื่องปกตินะที่เราจะละเลยเพื่อนไปคุยกับแฟนหรือคนที่เราชอบ โดยเฉพาะกับเพื่อนต่างเพศน่ะ”
“งั้นหรอ…”
“ไม่ต้องซึม ฉันแค่พูดให้ฟัง ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นอย่างนั้น”
“หรอ…”
“ยัยบ้า จะซึมทำไม? ถ้าคาใจขนาดนั้นก็โทรถามเขาซิ จะมานั่งคิดมากทำไมฮะ”
“ก็เขาไม่รับสายฉันนิ”
“ไม่รับก็โทรย้ำไปอีก”
“ถ้าเขารำคาญแล้วโกรธฉันล่ะ?”
ได้ยินเสียงถอนหายใจดังออกมาจากโทรศัพท์ ฉันตะแคงหันมามอง เซริพูดตอบกลับมา
“งั้นก็รอดูพรุ่งนี้ ถ้าเขาตอบกลับมาก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอก เขาอาจจะแค่ยุ่งๆ แต่ถ้าไม่ตอบแล้วหายยาวไปเลย อันนี้ก็คิดเผื่อกรณีเลวร้ายไว้ได้เลย”
“เธอจะไม่ให้กำลังใจฉันหน่อยหรอเซริ”
ฉันมองโทรศัพท์ ปลายสายคือเพื่อนสาวคนสวยผู้มากความสามารถและประสบการณ์ ผู้เป็นทั้งเพื่อนที่สนิทที่สุด และเป็นที่ปรึกษาเวลามีปัญหาด้วย
“อามายะ ฉันไม่รู้ว่าทำยังไงเธอถึงจะไม่คิดมากน่ะ แต่เท่าที่เธอบอกฉัน ฉันคิดว่าอาคิยามะคุงแคร์เธอมากพอสมควรเลยนะ ไม่ว่าจะในสถานะอะไรก็แล้วแต่เขาก็ให้ความสำคัญกับเธอมาตลอด สิ่งที่ฉันพูดไปมันก็แค่หนึ่งในความเป็นไปได้ ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะฉะนั้นทำใจให้สบายแล้วรอเขาตอบกลับมาดีกว่า”
ฟังคำปลอบใจของเซริแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยช่วยอะไรเลย แต่ก็พูดไม่ได้ เดี๋ยวเซริจะงอนไปอีกคน ฉันเลยได้แต่ถอนหายใจอยู่คนเดียว
—
ยิ่งใกล้วันงานจริงที่โรงเรียนก็ยิ่งวุ่นวาย ห้องเรียนแต่ละห้องต่างตั้งตกตั้งใจรังสรรค์กิจกรรมของตัวเองเต็มที่ ห้องเรียนต่างๆ ถูกจัดตกแต่งซะแทบไม่เหลือเค้าเดิม ตามระเบียงทางเดินหรือทางเดินระหว่างอาคารเต็มไปด้วยสิ่งของที่วางกองกันไว้เต็มไปหมด
อีก 2 วัน งานก็จะเริ่มขึ้น
โรงเรียนหยุดทำการเรียนการสอนรวมถึงกิจกรรมชมรมต่างๆ เพื่อให้นักเรียนและคณะครูมีเวลาทุ่มเทกับงานอย่างเต็มที่
ประธานกับรองประธานเองก็ยุ่งชนิดตัวเป็นเกลียวหัวเป็นนอต ทีมงานสภานักเรียนเองก็เลยต้องหัวเป็นนอตตัวเป็นเกลียวตามไปด้วย
แม้ว่างานส่วนประชาสัมพันธ์จะไม่มีอะไรให้ฉันทำมากแล้วในตอนนี้ แต่งานหน้าที่ในส่วนของการประสานงานกับส่วนต่างๆ ยังคงวุ่นวายไม่มีจบสิ้น
ทั้งปัญหาเรื่องการสื่อสารหรืออะไรก็ไม่รู้แหละที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการทำกิจกรรม ทั้งเรื่องงบประมาณ ทั้งเรื่องกฎเกณฑ์ต่างๆ และจิปาถะ ที่ฉันกับคุณทาเคโนะอุจิต้องวิ่งวุ่นประสานทางนี้ทีทางโน้นที เหนื่อยซะจนไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น
รู้ตัวอีกทีก็หมดไปอีกวัน วันนี้ประธานอนุญาตให้กลับเร็วได้เพราะเตรียมงานกันได้ครบหมดแล้ว เหลือแค่เตรียมความพร้อมส่วนสุดท้ายในวันพรุ่งนี้อีกครั้งหนึ่งก็น่าจะพร้อมสำหรับวันงานจริง
ฉันเก็บข้าวเก็บของแล้วมุ่งหน้าตรงกลับมาที่ห้องเรียนตัวเอง เมื่อกี้ถามเซริแล้ว ปรากฏว่าทุกคนยังช่วยกันจัดเตรียมงานกันอยู่
“อามาย้าาา… ทางนี้ๆ”
ทันทีที่โผล่หน้าเข้ามาในห้อง เซริก็ตะโกนเรียกฉันซะจนเพื่อนๆ ในห้องหันมามองฉันโดยพร้อมเพรียง
ฉันทักทายเพื่อนพร้อมกับเดินไปที่กลุ่มที่เซริอยู่ พวกเธอกำลังช่วยกันทำฉากสำหรับตกแต่งห้องเรียนกันอยู่
นอกจากเซริแล้วก็ยังมีอาโอะ เมกุมิ คุณอาซึมะและเพื่อนๆ ของเธอ หัวหน้าห้องก็อยู่ด้วย นั่งกันอยู่หลายคนเลย
ฉันทักทายทุกคนแล้วจึงเอาสัมภาระตัวเองไปวางไว้ไม่ให้เกะกะ ก่อนจะมาช่วยงานทุกคน
เซริเขยิบให้ฉันนั่งข้างๆ เธอ แล้วส่งงานที่กำลังทำมาให้ ฉันรับมาแล้วก็มองคนอื่นๆ ว่ามันทำยังไงแล้วทำตาม
อันที่จริงฉันกับเพื่อนอีกคนไม่ได้มีหน้าที่อะไรในห้องเรียนเป็นพิเศษเพราะเป็นกรรมการจัดงาน และในวันจริงก็จะยุ่งอยู่กับการประสานงานและตรวจตรารอบๆ บริเวณโรงเรียน ดังนั้นในทางเทคนิคแล้วฉันแทบจะไม่ได้มีส่วนร่วมในงานวัฒนธรรมกับห้องเรียนของตัวเองเลย
และเพราะแบบนั้นฉันที่ไม่ค่อยได้มีส่วนช่วยเหลือเพื่อนในห้องจัดเตรียมงานมากนักจึงรู้สึกผิดอยู่ในใจ พอมีเวลาว่างฉันก็จะมาช่วยเซริเตรียมงานเหมือนตอนนี้
“วันนี้เสร็จงานเร็วหรอ?”
เซริเอ่ยถาม
“อืม… งานส่วนใหญ่เสร็จหมดแล้วเหลือเก็บรายละเอียดอีกเล็กน้อยกับเตรียมความพร้อมส่วนสุดท้าย พรุ่งนี้อีกวันก็คงเต็มที่แหละ ดูแล้วคงต้องค้างที่โรงเรียนด้วย”
เหนื่อยแย่เลยเนอะ ต้องมาค้างโรงเรียนด้วย…
อาโอะกับคนอื่นๆ หันมามองฉันด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ เห็นแล้วก็ปลื้มปริ่มอบอุ่นใจสุดๆ
“จริงซิเซริ เธอให้บัตรเชิญใครไปบ้างล่ะ?”
เมกุมิถามเซริที่กำลังหัวเราะเยาะฉันที่ต้องมาค้างโรงเรียน
“ก็โยจังใบนึง แล้วก็รุ่นน้องตอน ม.ต้น ใบนึง แต่ไม่รู้จะมาได้มั้ยนะเห็นว่าปีนี้ตรงกับสอบจำลองอะไรสักอย่างน่ะ อ๊ะ จริงซิ อามายะล่ะ?”
…เอาไปให้ครายยย
ท่อนแรกก็ตอบเมกุมิดีๆ อยู่หรอก ทำไมครึ่งหลังถึงหันมาทิ้งระเบิดใส่กันซะงั้น
คนอื่นๆ ในกลุ่มก็เหมือนจะจับสัมผัสความไม่ปกติได้เลยหันมามองทางฉันกันเป็นตาเดียว
[‘เดี๋ยวเถอะยัยนี่ ฝากไว้ก่อนๆ’]
“ก็ให้ที่บ้านกับรุ่นน้องแล้วก็เพื่อนโรงเรียนอื่นน่ะ”
“เพื่อนมาหลายคนเลยนิ เห็นเธอมาขอบัตรพวกฉันไปคนละใบนิใช่มะ?”
[‘จงใจ? จงใจซินะ? ยัยนี่จงใจแกล้งกันซินะ?’]
ฉันหันไปขึงตาใส่เซริที่กำลังกลั้นยิ้มจนตัวสั่น จังหวะเดียวกันเมกุมิก็เปิดประเด็นขึ้นมาอีก ยังกับนัดกับเซริเอาไว้
“นั่นซินะ เป็นนักเรียนที่ไหนหรอ?”
คำพูดและสีหน้าซื่อๆ ของเมกุมิทำเอาฉันรู้สึกผิดที่คิดว่าเธอสมคบคิดกับเซริ แต่แบบนี้จะตอบยังไงล่ะเนี่ย ถ้าบอกชื่อโรงเรียนไปจะเป็นอะไรมั้ยนะ
“เอ่ออ… คือ…”
ฉันหันไปมองเซริอีกครั้งแต่ก็ยังเห็นเธอกลั้นขำตัวสั่นมากกว่าเดิมอีก หวังจะให้เธอช่วยคงไม่ได้แล้ว
“อา…อาคิรุไดน่ะ”
“เอ๊ะ?”
สิ้นเสียงเมกุมิ ทุกสิ่งอย่างตรงบริเวณนั้นพลันหยุดนิ่ง ทุกคนในกลุ่มหยุดมือจากงานที่ทำ แล้วค่อยๆ หันมามองทางฉัน เกิดเป็นความกดดันขั้นสุด แล้ว…
“ฮ่าๆๆๆ …”
เซริที่คงจะกลั้นหัวเราะไม่ไหวปล่อยเสียงหัวเราะออกมาลั่นห้อง ทำเอาคนอื่นๆ หันมามองกันหมด
“เอ่ออ… อามายะจัง เพื่อนที่ว่าเนี่ยอยู่โรงเรียนมัธยมอาคิรุไดที่เมืองข้างๆ เนี่ยน่ะหรอ?”
เมกุมิถามฉันที่กำลังปรามเซริให้เบาเสียงลง ฉันหันไปมองเธอก่อนจะพยักหน้าช้าๆ
เมกุมิมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ คนที่พูดคือคุณอาซึมะ
“ไม่ใช่ว่านั่นเป็นโรงเรียนชายล้วนหรอ?”
ฉันพยักหน้าอีกครั้ง
“มีข่าวลือว่าที่นั่นมีแต่นักเรียนเกเรนิ เป็นโรงเรียนนักเลงอย่างแท้จริง…”
“ไม่ใช่!!”
[‘อ๊ะ แย่แล้ว’]
เผลอปฏิเสธเสียงดังจนทุกคนสะดุ้ง ฉันมองไปรอบอีกครั้งก่อนจะหันกลับมาขอโทษทุกคน
“คือว่า… ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่เป็นคนไม่ดีน่ะ จริงๆ นะ ฉันรับประกันได้ เอ่ออ… แล้วก็นะเมกุมิจัง อาโอะจัง บัตรเข้างานของเธอฉันเอาไปให้พ่อกับแม่แล้วก็รุ่นน้องตอน ม.ต้น นะ พวกเธอไม่ต้องกังวลนะ…”
ฉันที่เห็นสีหน้าเพื่อนไม่สู้ดีเมื่อรู้ว่าถูกขอบัตรเชิญเข้างานไปให้ใครรีบอธิบายเพราะกลัวพวกเธอเข้าใจผิด แล้วจู่ๆ เซริที่อยู่ข้างๆ ก็ตบหลังฉันเบาๆ
“ทุกคนไม่ต้องกังวลหรอก ฉันรับประกันได้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนไม่ดีอะไร ยังไงก็เป็นถึงรุ่นน้องของแฟนรุ่นพี่คาวากุจิเชียวนะ รุ่นพี่คาวากุจิคงไม่คบกับพวกคนไม่ดีหรอก”
เหหหห…
เสียงประหลาดใจดังขึ้นจากคนหลายๆ คนพร้อมๆ กัน จากนั้นคำถามก็ตามมาอีกหลายคำถามจากหลายคน
“รุ่นพี่คาวากุจิที่เป็นอดีตประธานนักเรียนน่ะหรอ?”
“อดีตประธานมีแฟนด้วย?”
“แต่ฉันเคยได้ยินข่าวลือเรื่องแฟนของรุ่นพี่จากพวกในสภานักเรียนอยู่นะ”
“แต่เป็นนักเรียนจากอาคิรุไดเนี่ยนะ?”
“นึกภาพไม่ออกเลยแฮะ”
“เนาะ”
หัวข้อสนทนาถูกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วซะจนฉันแทบจะตามไม่ทัน ฉันมองไปทางเซริที่กำลังเมามันกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของรุ่นพี่คาวากุจิ ในใจรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่เอ่อขึ้นมา
“อะ…เอ่อออ คือ…ขอโทษนะคะคุณโอโตเมะ คือออ…”
จู่ๆ เพื่อนของคุณอาซึมะ ก็เรียกฉันเบาๆ อืมม… รู้สึกเธอจะชื่อคุณอายากะ เราเคยคุยกันตอนไปติวกับไปเที่ยวทะเลเมื่อคราวก่อน เป็นคนเรียบร้อยใช้ได้
“มีอะไรหรอคุณอายากะ แปลกใจใช่มั้ยล่ะที่รุ่นพี่คาวากุจิมีแฟนหนุ่มที่คาดไม่ถึงน่ะ”
คุณอายากะพยักหน้า เพื่อนคนอื่นก็เริ่มหันมาให้ความสนใจทางฉันกับคุณอายากะบ้างแล้ว
ฉันมองหน้าเพื่อนร่วมห้องที่ดูจะตั้งอกตั้งใจฟังเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของรุ่นพี่คาวากุจิอย่างใจจดใจจ่อแล้วก็รู้สึกปลงในใจที่เรื่องของตัวเองถูกลืมไปเสียสนิทแล้ว