ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ - ตอนที่ 104 สัปดาห์ที่ 38 อาคิยามะ เออิชิ (1)
- Home
- ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ
- ตอนที่ 104 สัปดาห์ที่ 38 อาคิยามะ เออิชิ (1)
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาสนับสนุนกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกๆ ท่านจะสนับสนุนกันต่อไปในอนาคต
ถ้าถามว่าผมชอบฤดูไหนมากที่สุดคำตอบก็คือฤดูหนาวครับ เหตุผลก็ง่ายๆ อย่างเช่นว่าฤดูหนาวไม่มีฝนตกให้เฉอะแฉะ ไม่มีความร้อนที่ทำให้เหงื่อออกเหนียวเหนอะหนะ แล้วก็มีหิมะให้เล่น
แล้วมีอะไรมั้ยที่ไม่ชอบเกี่ยวกับฤดูหนาว แน่นอนว่ามันต้องมีอยู่แล้ว ใครมันจะไปมีแค่สิ่งที่ชอบอย่างเดียวล่ะจริงมั้ย
และสิ่งที่ผมไม่ชอบในฤดูหนาวนั่นก็คืออากาศที่หนาวมากๆ นั่นเอง
ฟังดูย้อนแย้งเนอะ… แต่เชื่อผมเถอะ ตอนที่อากาศหนาวมากๆ น่ะไม่มีใครชอบหรอก แล้วเจ้าสิ่งที่ผมไม่ชอบจริงๆ มันก็ไม่ใช่ตัวอากาศหนาวโดยตรง แต่เป็นผลกระทบอันเนื่องมาจากอากาศที่หนาวมากๆ ต่างหาก ถ้าจะให้เห็นภาพชัดก็อย่างเช่น
ถ้าอากาศหนาวมากๆ ผมก็จะไม่สามารถออกมาวิ่งออกกำลังกายได้เหมือนที่เคยทำ หรืออย่างในการเล่นบาสเวลาที่ต้องมีการปะทะกันก็จะรู้สึกเจ็บมากกว่าปกติ หรืออย่างในตอนที่หิมะตกมากๆ ก็ออกไปไหนมาไหนลำบาก และสิ่งที่สร้างปัญหาให้ผมค่อนข้างมากก็เห็นจะเป็นเรื่องของการตื่นนอน
ที่จริงแล้วผมเริ่มมีปัญหากับการตื่นนอนตอนเช้าๆ มาตั้งแต่ช่วงที่เข้าฤดูใบไม้ร่วง
ไม่ใช่แค่การตื่นนอนที่รู้สึกว่ามันทำยากขึ้นเท่านั้น แม้แต่อาการง่วงนอนในระหว่างวันก็เพิ่มจำนวนครั้งขึ้นด้วย
แล้วพอเข้าหน้าหนาว อาการเหล่านี้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นจนเช้าๆ ผมนี่แทบจะไม่อยากลุกออกจากเตียงนุ่มๆ ผ้าห่มอุ่นๆ ส่วนในช่วงระหว่างวันถ้าอุณหภูมิเป็นใจตาผมก็จะปิดให้ได้เสียทุกที
“เฮ้ เออิชิ นายไม่สบายอะไรหรือเปล่า?”
เสียงร้องทักของโมโมสุเกะดังขึ้นในช่วงพักระหว่างเปลี่ยนคาบ ผมเงยหน้าจากโต๊ะเรียนขึ้นมาหาวใส่เขาไปทีนึงก่อนจะตอบคำถามเพื่อน
“เปล่าหรอก แค่อากาศในห้องมันอุ่น ฉันเลยง่วงบ่อยน่ะ”
“นายเนี่ยเป็นพวกที่ต้องจำศีลในช่วงฤดูหนาวอะไรแบบนั้นหรือไง? ฉันเห็นนายหลับได้ทั้งวัน”
“นั่นซิ หลับบ่อยจนฉันคิดว่านายจะป่วยจริงๆ ซะแล้ว”
ผมหาวใส่โมโมสุเกะกับโคสุเกะไปอีกรอบ และขอบคุณที่พวกเขาเป็นห่วง รู้สึกอุ่นใจและดีใจทุกครั้งที่พวกเขาใส่ใจกับผม
คาบเรียนถัดไปเริ่มต้น ทุกคนเลยกลับไปนั่งที่ แล้วก็อาจจะเป็นเพราะคาบก่อนหน้านี้ผมหลับไปซะเต็มคราบ ตอนนี้เลยหายง่วงนอนบ้างแล้ว
นอกหน้าต่าง ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆขาวหนาดูยังกับปุยนุ่นนุ่มนิ่มไม่ก็ขนมสายไหม
ลมหนาวพัดโบกเอากิ่งก้านของต้นไม้ที่แม้ไม่มีใบเหลืออยู่แต่ปลายกิ่งเล็กๆ เหล่านั้นก็ยังคงสั่นไหวตามแรงลม
หิมะยังไม่ตก…
ผมแอบหวังเล็กน้อยว่าถ้าวันอาทิตย์นี้มีหิมะตกลงมาเบาๆ มันจะดีเพียงใด พร้อมกับจินตนาการล่วงหน้าไปถึงอนาคตในอีกสองวันที่จะถึง
24 ธันวาคม… นัดครั้งต่อไปของผมและโอโตเมะ
กำหนดการต่างๆ ถูกร่างขึ้นมาในหัวเป็นฉากๆ นับตั้งแต่ที่โอโตเมะถามผมเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ว่างไหม
– “24 นี้ นายว่างหรือเปล่า” –
ตอนนั้นผมตอบไปทันทีเลยว่าว่าง ยังไม่ทันรู้เลยว่าโอโตเมะถามทำไม แล้วก็ยังไม่ได้ทันคุยกับรุ่นพี่นาคาจิมะเลยว่าเขาจะติวตามตารางเดิมมั้ย แต่ผมเตรียมทำตัวให้ว่างรอแล้ว
– “ไปเที่ยวกันมั้ย?” –
แม้จะผ่านมาได้เป็นสัปดาห์แล้วแต่พอนึกถึงคำพูดของเธอ สีหน้าตอนที่ถาม ท่าทางที่ผสมผสานปนเปกันไประหว่างความมั่นอกมั่นใจกับความขวยเขิน ผมก็ยังอดยิ้มไม่ได้อยู่ดี
จนถึงตอนนี้ร่างกำหนดการคร่าวๆ ทั้งหมดเสร็จสรรพหมดแล้วอยู่ในหัวผม ที่จริงมันก็ไม่ได้ต่างจากการไปเที่ยวด้วยกันคราวก่อนๆ มากนัก ก็แค่ว่าครั้งนี้ผมตั้งใจทำอะไรที่มันพิเศษเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย
ผมว่าผมจะสารภาพรักกับเธอ… ถ้าสถานการณ์เป็นใจอ่ะนะ
ผมคิดว่ามันถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วที่ตัวเองจะต้องเริ่มก้าวเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง และเพราะครั้งก่อนโอโตเมะเป็นคนเริ่มความสัมพันธ์ในรูปแบบคำว่าเพื่อน ดังนั้นครั้งนี้ผมในฐานะผู้ชายก็ควรจะเป็นฝ่ายเริ่มบ้าง
แต่ถ้าในกรณีที่ตลอดทั้งการไปเที่ยวกันครั้งนี้ยังหาโอกาสดีๆ ให้สารภาพกับโอโตเมะไม่ได้ ผมก็คิดแผนสำรองเผื่อไว้แล้ว
ผมจะชวนเธอมางานวันเกิดของตัวเองหรือก็คืออีกสองวันให้หลังนับจากวันที่เราจะไปเที่ยวกัน
เป็นงานปาร์ตี้ที่เพื่อนๆ และบ้านนาคาจิมะตั้งใจจัดให้
ผมตั้งใจว่าจะชวนเธอมางาน แล้วก็คิดจะชวนเพื่อนๆ ของเธอมาด้วย จากนั้นก็จะหาจังหวะโอกาสดีๆ สารภาพกับเธอซะ นั่นล่ะแผนสำรองของผม
ผมปล่อยให้ตัวเองจมลงไปในจินตนาการของตัวเอง พร้อมกับคิดแผนเผชิญเหตุในกรณีที่อาจจะเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมาในวันจริงจนหมดคาบตอนบ่ายแล้วก็ยังฟุ้งซ่านไม่จบไม่สิ้น
มันก็ช่วยไม่ได้ละนะ ก็ตอนงานวันเกิดอยากแนะนำกับคนอื่นๆ ว่าเราคบกันอยู่ครับ อะไรแบบนั้นนินา
—
ช่วงเวลาที่ผมรอคอยมากที่สุดช่วงเวลาหนึ่งของแต่ละสัปดาห์เวียนมาถึงอีกครั้ง
ช่วงเวลาของการกลับบ้านพร้อมโอโตเมะ
สองเดือนมานี้นี่คือกิจกรรมอย่างหนึ่งที่เราสองคนทำมันจนเป็นกิจวัตรรายสัปดาห์ที่ไม่ต้องนัดกันล่วงหน้าก็เป็นอันรู้ว่าเราจะมาเจอกันที่นี่
นับตั้งแต่ครั้งแรกที่บังเอิญเจอเธอที่สถานีแห่งนี้แล้วถือวิสาสะตามไปส่งเธอที่บ้านเพราะกังวลว่าเธอจะเปียกอีกรอบ จนถึงตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาได้ครึ่งปีแล้ว
มีเรื่องมีราวมากมายเกิดขึ้นหลังจากนั้น ทั้งเรื่องสนุก เรื่องตลกของกันและกัน เรื่องที่ไม่เข้าใจกัน ทะเลาะกัน คืนดีกัน เรียกได้ว่ากว่าครึ่งหนึ่งของการเจอกันระหว่างเราทั้งคู่ มักมีสถานที่แห่งนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง
และครั้งนี้ก็อีกเหมือนกัน ผมที่เปลี่ยนจากชุดนักเรียนเป็นลำลองเรียบร้อยเพราะไม่ค่อยชอบให้คนอื่นมองแปลกๆ กำลังยืนรอโอโตเมะในจุดนัดหมายเดิมของเราด้วยท่าทีสบายๆ ไม่รีบร้อน
โอโตเมะส่งข้อความมาบอกแล้วว่าวันนี้เธอจะกลับช้า เห็นว่าติดงานสภานักเรียน
ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ แค่สงสัยว่างานสภานักเรียนเนี่ยดูแล้วมันหนักกว่างานชมรมหรือเปล่า
[‘ไว้ลองถามยัยนั่นดูดีกว่า’]
คิดไร้สาระไปเรื่อยเปื่อยแล้วก็วนไปคิดถึงกำหนดการของนัดในอีกสองวันข้างหน้าทันใดนั้นก็รู้สึกว่าหัวใจมันฟองโต
[‘อีกแค่สองวัน’]
แค่อีกสองวัน แผนที่วางไว้ก็จะได้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างจริงๆ แล้ว
โอโตเมะนัดผมในวันอาทิตย์ตอน 11 โมงตรง ส่วนสถานที่และกำหนดการเธอให้ผมเป็นคนเลือก
แน่นอนว่าผมเลือกสวนสนุกที่อยู่เมือง I สุดยอดสวนสนุกขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุด สถานที่นัดเที่ยว กิน ดื่ม เล่นสนุก ครบจบในที่เดียว
ฟังดูแล้วเหมือนพวกไม่มีหัวคิดที่นึกอะไรไม่ออกแล้วบอกไปสวนสนุกกันเถอะ
แต่ที่จริงแล้วผมคิดนะ แล้วก็คิดว่าโอโตเมะน่าจะชอบด้วย เพราะเธอเคยบอกว่าอยากไปเล่นรถไฟเหาะ อืมม… ดูเป็นผู้หญิงเข้มแข็งดี
ดังนั้นแล้ว วันนั้นเราจะเริ่มด้วยการตะลอนเล่นเครื่องเล่นที่โอโตเมะบอกว่าอยากจะไปเล่นสักครั้ง จากนั้นก็จะไปหาของกินกัน แน่นอนว่าผมเล็งของหวานขึ้นชื่อของที่นั่นแล้วก็มีอาหารเมนูพิเศษที่มีเฉพาะช่วงเทศกาลนี้เท่านั้น ตบท้ายด้วยเครื่องดื่มที่เห็นในรีวิวว่าว้าวกันเหลือเกิน สายกินอย่างยัยนั่นคงฟินจนตัวแตกแน่ๆ
ส่วนตอนบ่ายก็จะผมจะพาโอโตเมะไปเดินเล่นสบายๆ ไม่ก็ลงไปพายเรือเล่นกัน หรือถ้ายัยนั่นยังมีแรงเหลืออยากจะได้อะไรที่มันแอดเวนเจอร์ผมก็พร้อมสนอง
แล้วเราก็จะอยู่กันจนถึงตอนเย็นซึ่งผมจองตั๋วเข้าชมโชว์พิเศษที่มีเพียง 3 วันเท่านั้นเอาไว้ และที่นั่นแหละที่จะเป็นสถานที่ตัดสินว่าผมจะได้แฟนสาวกลับบ้านหรือต้องต่างคนต่างแยกย้ายกันไป
ทั้งตื่นเต้น ทั้งกังวลใจ ทั้งเฝ้ารอ ทั้งคาดหวัง และก็ขลาดกลัว…
หลากหลายอารมณ์ หลากหลายความรู้สึก…
ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่านที่เพิ่มจำนวนขึ้นตามเวลาที่ไหลผ่านไป หัวใจของผมก็มีทั้งโลดขึ้นสูงและดิ่งลงต่ำตามจินตนาการของตัวเอง จนกระทั่งโอโตเมะเดินเข้ามาผมจึงได้หยุดจินตนาการของตัวเองไว้แค่นั้น
“รอนานมั้ย?”
เด็กสาวผู้มาใหม่เอ่ยถามผมที่ยืนรอเธออยู่ก่อนแล้ว ครั้งหลังๆ มานี่เธอไม่มีอาการหอบแฮกๆ ให้เห็นแล้ว แต่มักจะเอามือป้องปากเพื่อเป่าลมร้อนแล้วเอามาแนบแก้มให้เห็นบ่อยๆ
แล้วผมก็มักจะกะเวลาหลังจากเธอส่งข้อความว่าออกจากโรงเรียนแล้วเพื่อซื้อชาร้อนจากตู้กดน้ำมาไว้รอเธอ
“ขอบคุณนะ นี่อ่ะ…”
โอโตเมะรับขวดน้ำไปและส่งเงินมาให้ผม เป็นแบบนี้บ่อยๆ จนมันกลายเป็นเรื่องปกติของเราสองคน
จากนั้นก็พากันมารอรถไฟ เนื่องจากวันนี้โอโตเมะออกมาช้ากว่าปกติ เราเลยต้องมายืนรอรถกัน
“นายไม่หนาวมั่งหรอ? ฉันไม่เคยนายซื้อเครื่องดื่มร้อนมาเหมือนฉันมั่งเลย”
โอโตเมะที่เอาขวดชานมมาแนบแก้มหันมาถามผม จังหวะเอียงคอแหงนหน้ามามองผมนั่นทำเอาหางม้าที่มัดไว้สะบัดไกวไปตามแรงเฉื่อย เห็นแล้วรู้สึกเสียดายชะมัดที่ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้
“ฉันก็เอามือล้วงกระเป๋าเสื้อนี่ไง อุ่นนะ ลองดูมั้ย?”
หันไปตอบพลางเอามือข้างหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ตกันหนาวโชว์ให้เธอดู
“ไม่ลองอ่ะ เสื้อฉันก็มี… ไม่เห็นมันจะอุ่นเลย”
“แต่ของฉันอุ่นจริงๆ ไม่เชื่อลองจับมือฉันดูซิ”
เห็นโอโตเมะมองมือผมเหมือนจะระแวงว่าผมจะแกล้งอะไรหรือเปล่าแล้วมันกระตุ้นต่อมบางอย่างในสมองของผมให้รู้สึกอยากแกล้งเธอขึ้นมาจริงๆ
“ไม่แกล้งหรอกน่า อ่ะ มือนี้ก็ได้”
ผมเปลี่ยนมือโดยเก็บมือเดิมที่ยื่นออกมานานแล้วเข้ากระเป๋าเสื้อพร้อมกับเอามืออีกข้างออกมายื่นไปทางโอโตเมะที่ทำหน้าระแวงกันกว่าเก่า
กล้าๆ กลัวๆ แต่โอโตเมะก็ยังยื่นมือมาจับมือผมที่ยื่นไปให้
“เหหห… อุ่นจริงด้วยอ่ะ อุ่นกว่ามือฉันอีก เสื้อนายดีจังอ่าาา…”
ท่าทางประหลาดใจของเธอดูแล้วไม่ต่างจากเด็กๆ ที่เพิ่งจะดูโชว์มายากลตรงหน้าจบ
ผมหัวเราะเธอเล็กน้อยแล้วจึงเขยิบเข้าไปใกล้ให้โอโตเมะพิจารณาเสื้อโค้ตของผมได้ถนัดๆ
“มันทำจากอะไรนะ ดูแล้วก็ไม่น่าจะต่างจากเสื้อฉันนินา อืมมม…”
“มันมีทริกนิดหน่อยน่ะ”
“เอ๊ะ?”
“นี่ไง…”
พูดพร้อมกับเขยิบเข้าใกล้เธอไปอีกนิด จังหวะนั้นก็เอามือเธอที่ผมยังจับไม่ปล่อยใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อของตัวเอง
“อ๊ะ!?”
โอโตเมะเงยหน้ามองผม แน่นอนว่าผมเองก็จ้องเธอรอจังหวะนี้อยู่ก่อนแล้ว
“ฉันแปะแผ่นประคบร้อนไว้ในเสื้อตรงตำแหน่งกระเป๋าน่ะ”
“ออ… อ่อออ…”
“อุ่นดีใช่มั้ยล่ะ~”
“อะ… อื้มมม…”
งั้นก็อยู่แบบนี้กันไปก่อนนะ…
ก้มไปกระซิบเบาๆ ให้โอโตเมะที่ก้มหน้ามองรางรถไฟไปแล้วฟัง แต่เธอไม่ตอบผมเสียแล้ว
[‘หุๆๆ อุ่นกว่าเก่าอีกแฮะ’]